‘ศอ.รส.’ป้ายสีพระตีม็อบ ตร.ยัน‘ป๊อปคอร์น’ไม่แพะ 27 March, 2014
ป๊อปคอร์นร้อนๆ "วินัย" โต้ทนาย คปท.ยัน "วิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์" ไม่ใช่แพะ หากถูกซ้อมต้องมีร่องรอย "ธาริต" พลิ้วผู้ต้องหากลับคำให้การกับทนายได้ โดดป้องกลุ่ม กวป. อ้างพระสงฆ์รับสารภาพด่าทอและทำร้ายผู้ชุมนุมก่อน "ส.ว.ไพบูลย์" จ่อร้องกรมราชทัณฑ์ตรวจสอบร่างกาย "วิวัฒน์" ขณะที่ กมธ.สอบทุจริต ส.ว.จี้ กกต.ระงับการอนุมัติงบ ศรส. 2 พันล้าน ระบุผิดขั้นตอน รธน. ไม่ได้ขอความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน
เมื่อวันพุธ พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ระบุว่า นายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ หรือผู้ถูกกล่าวหาเป็น "มือปืนป๊อปคอร์น" ให้ข้อมูลถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจซ้อมจนยอมรับสารภาพว่า การจับกุมนายวิวัฒน์เป็นการจับตามพยานหลักฐานและภาพถ่ายในที่เกิดเหตุปะทะที่แยกหลักสี่ ซึ่งไม่ใช่การจับแพะที่มีการกล่าวอ้างอย่างแน่นอน และจากภาพถ่ายที่ปรากฏในเหตุการณ์นั้น ได้มีคนสนิทของนายวิวัฒน์มายืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกัน ซึ่งต่อมาเมื่อจับกุมนายวิวัฒน์ก็ให้การรับสารภาพเองด้วย
"ยืนยันว่าไม่มีการซ้อมนายวิวัฒน์ระหว่างถูกควบคุมตัวอย่างแน่นอน เพราะหากถูกทำร้าย ต้องมีร่องรอยปรากฏ ส่วนที่ทนายผู้ชุมนุมอ้างอีกว่านายวิวัฒน์ ถูกทำร้ายโดยใช้เบาะรองเพื่อไม่ให้เกิดร่องรอยนั้น เป็นไปไม่ได้ เพราะความเป็นจริงหากมีการทำร้ายบุคคลใดเพื่อให้ยอมรับสิ่งใด ก็ต้องมีร่องรอยอยู่ดี" ผู้ช่วย ผบ.ตร.ระบุ
พล.ต.ท.วินัยกล่าวอีกว่า การที่ทนายความผู้ชุมนุมออกมาพูดเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เพื่อนำไปสู้คดี ส่วนที่อ้างว่าขณะที่นำตัวนายวิวัฒน์มาแถลงข่าวนั้น เจ้าหน้าที่ได้มีการส่งโพยข้อความให้อ่านเพื่อรับสารภาพ ก็ยืนยันว่าไม่มีอย่างแน่นอน เพราะขณะแถลงข่าวก็มีสื่อมวลชนคอยสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดจำนวนมาก
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) แถลงว่า กรณีมือปืนป๊อปคอร์น หรือนายวิวัฒน์ ยอดประสิทธิ์ นั้น ได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าเป็นผู้ต้องหาที่กระทำผิดจริง การจับกุม สอบสวน และนำมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนจำนวนมากที่ ศอ.รส. เป็นไปโดยเปิดเผย เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ซักถามด้วย และไม่มีร่องรอยถูกซ้อมใดๆ แต่ครั้นผู้ต้องหาได้พบกับทนายความของ คปท. ก็กลับคำให้การ อ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ซ้อมจึงรับสารภาพ ยืนยันว่าไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทำร้ายผู้ต้องหา และไม่มีการจับแพะอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ต้องหาพบทนายความแล้ว จะให้การอย่างใดๆ ก็ให้การได้โดยไม่มีความผิดแม้จะเป็นความเท็จ เพราะกฎหมายให้โอกาสผู้ต้องหาต่อสู้คดีได้เต็มที่
เลขานุการ ศอ.รส.ยืนยันว่า ศอ.รส.มิใช่คู่ขัดแย้งกับกลุ่มใดๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม กปปส. กลุ่ม นปช. หรือกลุ่มอื่นๆ ทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายขึ้น ได้จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และพลเรือนฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบ สืบสวนสอบสวนและระงับยับยั้งเหตุร้ายต่างๆ ทันทีโดยไม่มีการเพิกเฉยหรือละเว้น โดยเหตุการณ์ทำร้ายพระสงฆ์บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองนนทบุรี ได้จับกุมผู้ก่อเหตุได้ 4 คน ซึ่งได้แจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว และจากการสอบสวน ได้ความจากปากคำของพระภิกษุคือ พระปราชญ์ ศุภวิรุตม์ ได้ให้การรับว่าเป็นฝ่ายเริ่มด่าว่าและลงมือทำร้ายกลุ่มผู้ชุมนุมก่อน ด้วยการขว้างปาขวดและใช้ไม้ตะพดไล่ตี ซึ่งเป็นการให้การต่อหน้าพนักงานสอบสวนและสื่อมวลชน
เบรก 2 ฝ่ายอย่าเผชิญหน้า
นายธาริตกล่าวว่า ขณะนี้มีแนวโน้มชัดเจนว่าจะเกิดการเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.กับกลุ่ม นปช. ซึ่งต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนด้วยกันจำนวนมาก และอาจเกิดความรุนแรงจนนำไปสู่สงครามกลางเมืองได้ ศอ.รส.จึงขอร้องแกนนำทั้งสองกลุ่มให้หลีกเลี่ยงการยั่วยุ การเผชิญหน้าในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะการนำพามวลชนของแต่ละกลุ่มเข้ามาใกล้กัน ขอให้แกนนำทุกกลุ่มจงตระหนักว่า การกระทำของท่านจะมีผลเสียหายต่อบ้านเมืองอย่างมาก และหากเกิดการกระทำผิดกฎหมาย ท่านจะต้องรับผิดต่อกฎหมายและถูกสังคมประณามอย่างรุนแรงด้วย
ด้านหลวงปู่พุทธะอิสระ แกนนำกลุ่ม กปปส.แจ้งวัฒนะ กล่าวถึงกรณีการจับกุมดำเนินคดีมือปืนป๊อปคอร์นว่า น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความ ได้หารือและแสดงความกังวลในกระบวนการดำเนินคดีทั้งเรื่องวัตถุพยาน พยานบุคคล ซึ่งอาตมาให้ความมั่นใจว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะไม่ได้ทำผิดจริงย่อมไม่มีหลักฐานใดๆ เอาผิดได้ เพราะการอาศัยหลักฐานจากรูปถ่ายอย่างเดียวไม่เพียงพอ และปลอมแปลงได้
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า หลังจากที่ทาง คปท.ได้เข้าเยี่ยมและพูดคุยกับนายวิวัฒน์ก่อนหน้านี้ เพื่อต้องการให้มีการตรวจร่างกายของนายวิวัฒน์ให้ละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากถ้าหาก นายวิวัฒน์ถูกเจ้าหน้าที่ทำร้ายร่างกาย น่าจะสามารถเก็บหลักฐานได้เพิ่ม หลังจากนี้จึงเตรียมทำหนังสือไปยังกรมราชทัณฑ์ให้มีการตรวจสอบในเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ระบุได้ว่าคำให้การของนายวิวัฒน์ที่ให้ไว้กับ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความนั้นเป็นจริงเพียงใด จะได้มีการตรวจสอบหาหลักฐานและพยานเพิ่มเติม
นายจุฤทธิ์ ลักษณวิศิษฏ์ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ อ้างว่าคนเสื้อแดงทำร้ายพระสงฆ์ ที่บริเวณหน้าสำนักงาน ป.ป.ช. เพราะเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า ว่าเป็นการแก้ตัวแบบน้ำขุ่นๆ แสดงว่านายณัฐวุฒิสนับสนุนให้มีการใช้ความรุนแรง เพราะพฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะในปี 2553 นายณัฐวุฒิอ้างว่าคนเผาเมืองคือคนขี้ตกใจ มาปีนี้บอกคนทำร้ายพระสงฆ์เป็นสถานการณ์เฉพาะหน้า เป็นพฤติกรรมที่ไม่เป็นลูกผู้ชาย ไม่ยอมรับผิดชอบต่อความผิดที่ทำไปแล้ว ซึ่งเป็นพฤติกรรมโชว์ห่วย
พล.ต.วราห์ บุญญะสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มสื่อวิทยุประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (กวป.) กดดันทหารชุดปฏิบัติการมวลชนซึ่งเป็นของกองพลทหารราบที่ 9 ที่ประจำการอยู่บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. สนามบินน้ำ โดยได้รื้อบังเกอร์และเต็นท์ของเจ้าหน้าที่ทหารออกเมื่อช่วงเที่ยงว่า มวลชนกลุ่มดังกล่าวไม่ต้องการให้ทหารตั้งบังเกอร์ ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขยับบังเกอร์ออกมา และหลังจากนี้จะปรับมาตรการ โดยใช้การลาดตระเวนด้วยรถจักรยานยนต์แทนการตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร ซึ่งการที่ทหารไปตั้งจุดบริเวณดังกล่าว เนื่องจากพบว่าเป็นจุดเสี่ยงที่คนร้ายอาจจะยิงเอ็ม 79 ใส่สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ อย่างไรก็ตาม หากพูดตามหลักกฎหมายแล้วกลุ่มมวลชนดังกล่าวไม่มีสิทธิ์มาไล่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) แต่ทหารไม่อยากมีปัญหา ก็เลยถอนตัวออกมาแล้ว และหลังจากนี้อาจจะไม่ตั้งจุดปฏิบัติการที่เป็นลักษณะถาวร แต่จะเน้นการลาดตระเวนแทน
จี้ กกต.ระงับงบ ศรส.
วันเดียวกัน พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา ได้หนังสือด่วนที่ สว. (กมธ.2) 0010/1452 ลงวันที่ 25 มี.ค. ไปยังนายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้ระงับการอนุมัติงบประมาณของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวกับศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.)
ทั้งนี้ ในหนังสือดังกล่าวได้ระบุความเห็นของคณะกรรมาธิการฯ เอาไว้ว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค. โดยเชิญเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของ ศรส.มาชี้แจง ประกอบด้วย นายสมมิตร โตรักตระกูล นักวิเคราะห์งบประมาณชำนาญการพิเศษ ผู้แทนจากสำนักงบประมาณ และ พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา ผู้บัญชาการสำนักงบประมาณและการเงิน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 17 มี.ค. โดยเชิญเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของ ศรส.มาชี้แจง ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ซึ่งบัญญัติให้ครม.ที่พ้นจากตำแหน่งจากกรณีการยุบสภาต้องอยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี ครม.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่ โดยสามารถทำหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นภายใต้เงื่อนไขที่ต้องไม่กระทำการอันมีผลเป็นการอนุมัติให้ใช้จ่ายงบประมาณสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบจาก กกต.
แต่ปรากฏว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในฐานะรองผู้อำนวยการ ศรส. ได้อนุมัติงบประมาณในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อนำมาใช้ในการทำงานของ ศรส.ก่อน โดยจะนำเงินงบกลางมาชดเชยคืนให้ ซึ่งเชื่อได้ว่าได้สั่งการภายใต้การสั่งการของ ศรส. โดยได้นำเงินงบประมาณมาใช้ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. ซึ่งไม่ได้ดำเนินการเพื่อขอรับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นการเบิกจ่ายจากงบทำการปกติของก็ตาม ซึ่งหากเปรียบเทียบกับกรณีที่มีการโอนเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และกรณีการขออนุมัตินำงบกลางมาใช้ในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลนั้น ได้ดำเนินการโดยขอรับความเห็นชอบจาก กกต.ก่อนที่จะมีการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งสิ้น
ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของ ครม.ที่มีมติให้ตั้ง ศรส. และ ศรส.ได้สั่งการให้ใช้งบประมาณไปก่อนดังกล่าวข้างต้น จึงไม่เป็นไปตามขั้นตอนตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คณะกรรมาธิการฯ จึงขอส่งเรื่องดังกล่าวให้ท่านพิจารณาให้ระงับการอนุมัติเห็นชอบแก่ครม. เพราะกรณีดังกล่าวเป็นการอนุมัติการใช้งบประมาณย้อนหลังอันขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 181 (2)
นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. เปิดเผยว่า การประชุม กกต.ในวันที่ 27 มี.ค.นี้ จะพิจารณากรณีที่ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) เสนอเรื่องให้ กกต.มีความเห็นชอบในการอนุมัติงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ ศรส.ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา กว่า 2,039 ล้านบาท เนื่องจาก กกต.เคยมีมติไม่ให้ความเห็นชอบในการอนุมัติงบดังกล่าว เนื่องจากการชี้แจงยังไม่ชัดเจนเพียงพอ จึงกำหนดให้ ศรส.มาชี้แจงอีกครั้ง โดย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ในฐานะรอง ผอ.ศรส. ได้ประสานมายัง กกต.ว่าจะมาเป็นผู้ชี้แจงด้วยตนเอง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น