วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557

อธิปไตยเป็นของปชช. มวลมหาประชาชนตะเพิด‘ยิ่งลักษณ์’เปิดทางปฏิรูป 30 March, 2014

อธิปไตยเป็นของปชช. มวลมหาประชาชนตะเพิด‘ยิ่งลักษณ์’เปิดทางปฏิรูป 30 March, 2014 


มวลมหาประชาชนแรงไม่หยุด พรึ่บทั่วกรุงเทพฯ ตะเพิด "ยิ่งลักษณ์ออกไป" เพื่อเปิดทางปฏิรูป "กำนันสุเทพ" อัดระบอบทักษิณเป็นภัยต่อแผ่นดิน ประกาศทวงคืนอำนาจอธิปไตยกลับมาอยู่ในมือประชาชนแล้วเปลี่ยนแปลงประเทศให้ปกครองโดยประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ ลั่นสภาฯ เปิดไม่ได้เด็ดขาด จนกว่าภารกิจจะสำเร็จ  
คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ได้เดินขบวนสำแดงพลังมวลชนอีกครั้ง เพื่อกดดันให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลาออกจากตำแหน่งรักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดทางให้มีการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง 
ช่วงเช้าวันเสาร์ กปปส.ได้จัดรูปขบวนออกเป็น 6 ขบวน ประกอบด้วย ขบวนที่ 1 ขบวนหน้าลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี ขบวนที่ 2 ขบวนประตู 3 สวนลุมพินี ตรงข้ามตึกอื้อจือเหลียง ถนนพระราม 4 ขบวนที่ 3 ขบวนประตู 2 สวนลุมพินี บริเวณแยกวิทยุ ขบวนที่ 4 ขบวนประตู 1 สวนลุมพินี ตรงข้าม สน.ลุมพินี ถนนวิทยุ โดยในขบวนนี้นายสุเทพเข้าร่วมเดินเท้าด้วย ขบวนที่ 5 ตั้งขบวนแยกวิทยุกับแยกสารสิน และสุดท้ายขบวนที่ 6 ตั้งขบวนประตู 7 สวนลุมพินี ถนนสารสิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของการ์ดอาสา กปปส.จำนวนมาก 
ก่อนเดินขบวน นายสุเทพมาพร้อมด้วยนางศรีสกุล พร้อมพันธุ์ ภรรยา และแกนนำ กปปส.ทุกคน ได้ทำพิธีกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 จากนั้นได้ปล่อยขบวนบริเวณแยกศาลาแดง และเดินตามถนนราชดำริ ถึงแยกราชประสงค์ เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระรามที่ 1 ผ่านสยามสแควร์ จนกระทั่งถึงแยกปทุมวันขบวนได้เลี้ยวขวา ข้ามสะพานหัวช้าง ผ่านแยกราชเทวี 
เลี้ยวซ้ายที่แยกพญาไท เดินตามถนนศรีอยุธยา ผ่านวัดเบญจมบพิตร และในเวลา 12.55 น. ขบวนหยุดที่ลานพระราชวังดุสิต (ลานพระบรมรูปทรงม้า) เพื่อทำพิธีกราบสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 หลังพิธีสักการะ นายสุเทพได้ประกาศเจตนารมณ์ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ว่าพวกเรามวลมหาประชาชนขอประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ว่าเราจะทุ่มเททั้งร่างกาย จิตใจและทรัพยากรทั้งมวลเพื่อขจัดเภทภัยแผ่นดินคือระบอบทักษิณให้หมดสิ้นจากแผ่นดินสยาม และจะร่วมแรงร่วมใจสามัคคีดำเนินการปฏิรูประเทศไทยเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประเทศที่มีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่แท้จริง โดยประชาชน เพื่อประชาชนอย่างแท้จริง 
“ไม่ว่าจะทุกข์ยากลำบาก เราขอตั้งสัตย์ปฏิญาณว่า เราจะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเอาอำนาจอธิปไตยมาจากระบอบทักษิณ เพื่อปฏิรูปประเทศไทยด้วยมือของคนไทย ไม่ใช่นักการเมือง การประกาศเจตนารมณ์เป็นธงชัย ด้วยสงบ สันติ อหิงสา ขอพระบารมีองค์พระพุทธเจ้าหลวงจงปกปักรักษามวลมหาประชาชน และดลบันดาลให้การต่อสู้จงประสบความสำเร็จ ชัยชนะเป็นของประชาชน” นายสุเทพกล่าว
ต่อมานายสุเทพได้นำมวลชนเคลื่อนไปยังหน้ารัฐสภา เพื่อสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้า โดยตำรวจประจำรัฐสภาให้มวลชนอยู่ด้านนอก และอนุญาตให้นายสุเทพและแกนนำเข้ามาสักการะเท่านั้น โดยนายสุเทพได้ถวายพานพุ่ม พร้อมกล่าวปราศรัยว่า วันนี้ได้เข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 ขอตั้งปณิธานว่า "จะต่อสู้ให้อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง และสภาแห่งนี้จะไม่สามารถเปิดได้จนกว่าพวกเราจะปฏิรูปประเทศสำเร็จ" ก่อนจะเคลื่อนขบวนเดินทางออกจากรัฐสภาเพื่อกลับไปยังสวนลุมพินีในเวลา 14.30 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดเส้นทางการเดินขบวนของ กปปส. เป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมเดินขบวนเป็นจำนวนมาก ซึ่งคาดว่า 6 ขบวนรวมกันมีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน โดยตลอดเส้นทางเดินมีการเป่านกหวีดและเสียงตะโกน “ยิ่งลักษณ์ออกไป”, “ปฏิรูปประเทศก่อนเลือกตั้ง” ดังกระหึ่มตลอดเส้นทาง นอกจากนี้ก็ยังมีประชาชนและกลุ่มองค์กรต่างๆ คอยดักรอเพื่อสมทบขบวนระหว่างทาง อีกทั้งยังมีการบริการน้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง และผ้าเย็นด้วย 
ด้านบรรยากาศการชุมนุมของเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ข้างทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่ช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก ผู้ชุมนุมจาก กทม.และต่างจังหวัดทยอยเดินทางเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยได้ติดตั้งเสาธงชาติไทยที่มีความสูงประมาณ 14 เมตร ทั้งนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. เปิดเผยว่า การติดตั้งเสาธงชาติในครั้งนี้เพื่อแสดงสัญลักษณ์ของการตั้งธงต่อสู้จนกว่าจะเกิดการปฏิรูปประเทศได้สำเร็จ และจะไม่ยอมถอย พร้อมทั้งเดินหน้าปฏิวัติโดยประชาชนเพื่อเอาอำนาจอธิปไตยของประชาชนกลับมา
เวลา 11.10 น. นายอมร อมรรัตนานนท์ นายพิชิต ชัยมงคล นายกิตติชัย ใสสะอาด ทีมโฆษก คปท. ได้สอบถามผู้ชุมนุมว่าอยากจะไปทำกิจกรรมในทำเนียบรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งทางผู้ชุมนุมได้ลุกขึ้นยืนแล้วชี้นิ้วไปยังทำเนียบรัฐบาล  โฆษกจึงประกาศว่าถือเป็นฉันทามติของที่ชุมนุมว่าเราจะเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล จากนั้น นายนิติธร ล้ำเหลือ ที่ปรึกษา คปท. นายอุทัย ยอดมณี ผู้ประสานงาน คปท. นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด เลขาธิการคณะกรรมการการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ได้นำมวลชนเดินเข้าทำเนียบรัฐบาล พร้อมอัญเชิญพระพุทธชินราช 1 องค์ และพระไชยหลังช้าง 2 องค์ เข้ามาด้วย จึงทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารที่รักษาการด้านในต้องระดมกำลังเข้ารักษาพื้นที่ 
อย่างไรก็ตาม แกนนำ คปท.ได้เจรจากับ พ.อ.สมบัติ ธัญญะวัน รองเสนาธิการศูนย์การทหารม้าสระบุรี ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ที่ดูแลทำเนียบรัฐบาล เพื่อขออัญเชิญพระพุทธรูปทั้ง 3 องค์ไปประดิษฐานบนตึกไทยคู่ฟ้า ด้านหน้าองค์ท้าวมหาพรหม โดยระบุว่าเพื่อขจัดสิ่งชั่วร้ายที่รัฐบาลนี้ได้ทำคุณไสยไว้  หลังเสร็จพิธี แกนนำ คปท.ได้เปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหม่ที่อยู่บนดาดฟ้าตึกไทยคู่ฟ้า แล้วเชิญขึ้นสู่ยอดเสาธง เพื่อประกาศว่าได้ยึดทำเนียบรัฐบาลให้เป็นของประชาชน ขณะที่ผู้ชุมนุมซึ่งปักหลักอยู่บริเวณสนามหญ้าก็ได้ร่วมกันร้องเพลงชาติ 
นายอุทัยกล่าวว่า หลังจากนี้ คปท.จะเดินหน้าปฏิวัติโดยประชาชน และทำเนียบรัฐบาลแห่งนี้ได้กลายเป็นทำเนียบของประชาชนไปแล้ว และ คปท.จะใช้พื้นที่ทำเนียบฯ จัดประชุมร่วมกันของประชาชน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีคนกลาง และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ว่า เรื่องนายกรัฐมนตรีคนกลางไม่มีอยู่จริง เพราะถ้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จะเรียกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางไม่ได้ แต่จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีสังกัดเป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ และร่วมทำลายประชาธิปไตย ฉะนั้นนายกรัฐมนตรีคนกลางไม่มีจริง และหาไม่ได้อยู่แล้ว
"อย่าไปคิดว่ามีนายกรัฐมนตรี และรัฐบาลที่มาจากคนนอกรัฐธรรมนูญแล้วเรื่องจะจบ เพราะเรื่องจะยิ่งยุ่งกว่าเดิมอีกเยอะ ซึ่งใครที่คิดว่าตั้งๆ กันไปแล้วจะได้จบ คิดผิดอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะนักธุรกิจต้องคิดให้ดีว่าถ้ามีนายกรัฐมนตรีคนนอก รับรองว่าเป็นรามเกียรติ์แน่นอน ซึ่งเศรษฐกิจจะเสียหายยับเยินกว่านี้ และการบริหารประเทศทุกด้านจะเสียหายมาก ทุกกระทรวงจะบริหารงานไม่ได้ ส่วนการจะให้สมาชิกวุฒิสภาเป็นผู้เสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนกลางนั้น ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ผมรับรองว่าเรื่องนี้ค้านกันทั้งประเทศแน่นอน และเป็นการค้านยิ่งกว่าที่ กปปส.ค้านรัฐบาลปัจจุบันอีกหลายเท่า" นายจาตุรนต์กล่าว
    วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เปิดเผยผลสำรวจประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,118 คน ระหว่างวันที่ 26-28 มีนาคม 2557 ต่อประเด็นนายกฯ คนกลาง โดยมีคำถามว่าประชาชนคิดอย่างไร? กับกระแสข่าว “นายกฯ คนกลาง” พบว่าอันดับ 1     เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจะได้ผล อาจช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน 47.47% อันดับ 2 นายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้ง เคารพการตัดสินใจของประชาชน 22.90% อันดับ 3 อาจเป็นเพียงข่าวลือหรือต้องการสร้างกระแสทางการเมือง    12.12% อันดับ 4 ยังไม่รู้รายละเอียดข้อเท็จจริง ไม่รู้หลักเกณฑ์ในการพิจารณานายกฯ คนกลาง    9.43% อันดับ 5 น่าจะเป็นไปได้ยาก อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น 8.08%
    นอกจากนี้ยังถามว่า จากสถานการณ์ปัจจุบัน ประชาชนคิดว่าจำเป็นหรือไม่? ที่จะมี “นายกฯ คนกลาง” พบว่า อันดับ 1 จำเป็น 36.23% เพราะอาจช่วยให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลาย ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าจะได้ผล ฯลฯ อันดับ 2 ไม่แน่ใจ     32.85% เพราะต้องดูก่อนว่าใครจะเข้ามาเป็นนายกฯ คนกลาง สถานการณ์บ้านเมืองมีความขัดแย้งมานานแก้ไขได้ยาก ฯลฯ อันดับ 3 ไม่จำเป็น 30.92% เพราะถึงจะมีนายกฯ คนกลาง บ้านเมืองก็ยังคงวุ่นวาย ต่างฝ่ายต่างเห็นแก่ผลประโยชน์ นายกฯ ควรมาจากการเลือกตั้ง ฯลฯ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น