กองทัพบกยันผิดชัดข้อหากบฏ
กองทัพบกเอาจริง ขึ้นโรงพักฟ้องเอาผิด “เพชรวรรต” โจกแดงเชียงใหม่ 51 ข้อหากบฏแยกประเทศ ตั้ง สปป. ล้านนา ยันหลักฐานชัดเอาผิดได้แน่ ด้านเจ้าตัวพลิกลิ้นไม่เคยคิดแยกประเทศ โยนบาปสื่อตีความผิด โบ้ยส่งไม่รู้จัก สปป.ล้านนา ซัด ผบ.ทบ.สองมาตรฐาน ขู่ฟ้องกลับ ส่วน “นายกฯ ปู” ป้องโจกแดงไม่คิดแยกประเทศ ดักคอกองทัพต้องตรวจสอบทุกกลุ่มยุติธรรม ขณะที่ “พท.” เรียงหน้าป้องโจกแดงแยกประเทศ อ้างแค่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ตอกกลับ ผบ.ทบ.ทำนิ่ง ไม่จับแกนนำ กปปส.มีหมายจับกบฏ ด้าน “กปปส.” หนุนกองทัพเชือดกบฏล้านนาแยกประเทศ เชื่อรัฐบาลชักใย จี้ปูรับผิดชอบอย่ามาตีหน้าเศร้า
ทบ.ฟ้องเอาผิด “เพชรวรรต” แยก ปท.
หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) สั่งให้แม่ทัพภาคที่ 3 แจ้งความดำเนินคดีกลุ่มสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนล้านนา หรือ สปป.ล้านนา ที่มีแนวคิดแยกประเทศนั้น ต่อมา วันที่ 3 มี.ค. เมื่อเวลา 09.45 น. พ.อ.โภคา จอกลอย หัวหน้าข่าวกรอง มณฑลทหารบกที่ 33 จ.เชียงใหม่ และ พ.ท.สันโดษ ดงปารี นายทหารพระธรรมนูญ เข้าแจ้งความดำเนินคดี นายเพชรวรรต วัฒนพงศศิริกุล แกนนำรักเชียงใหม่ 51 ตาม ป.อาญา ความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร มาตรา 113 ผู้ใดใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อ (1) ล้มล้างหรือเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ (2) ล้มล้างอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร หรืออำนาจตุลาการแห่งรัฐธรรมนูญ หรือให้ใช้อำนาจดังกล่าวแล้วไม่ได้ หรือ (3) แบ่งแยกราชอาณาจักร หรือยึดอำนาจปกครองในส่วนหนึ่งส่วนใดแห่งราชอาณาจักร ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นกบฏ ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต และมาตรา 114 ผู้ใดสะสมกำลังพลหรืออาวุธ ตระเตรียมการอื่นใดหรือสมคบกัน เพื่อเป็นกบฏ หรือกระทำความผิดใด ๆ อันเป็นส่วนของแผนการเพื่อเป็นกบฏ หรือยุยงราษฎรให้เป็นกบฏ หรือรู้ว่ามีผู้จะเป็นกบฏแล้วกระทำการใดอันเป็นการช่วยปกปิดไว้ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี กรณีให้สัมภาษณ์สื่อเรื่องการแบ่งแยกประเทศ และกรณีมีป้ายข้อความเขียนว่า ประเทศนี้ไม่มีความยุติธรรม กูขอแยกเป็นประเทศล้านนา ติดบริเวณสะพานดอนจั่น อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมี พ.ต.อ.ชัยฤทธิ์ ศรีวารีรัตน์ พงส.ผทค.สภ.แม่ปิง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ รับแจ้ง
“ตร.-ทหาร” พะเยาแจ้งจับกบฏล้านนา
วันเดียวกัน พล.ต.ชัยวัฒน์ ธนารุณ ผบ.จทบ.พะเยา ได้สั่งการให้ พ.อ.(พิเศษ) วีรศักดิ์ พูลเกตุ รอง ผบ.จทบ.พะเยา เข้าแจ้งความเพื่อร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีต่อกลุ่มแกนนำเสื้อแดง ซึ่งมีการเคลื่อนไหวในเขต จ.พะเยา ต่อ พ.ต.ท.ชญานนท์ อุ่นแก้ว พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพะเยา เมื่อวันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน พ.ต.ท.เฉลิมชาติ ยาวิชัย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองพะเยา ได้เข้าแจ้งความกับกลุ่มดังกล่าวอันเป็นฐานความผิด “ทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีอื่นใดอันมิใช่เป็นการกระทำภายใต้ในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร” อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงภายในของรัฐ ตามมาตรา 116 โดยรวมคดีที่ทหารเข้าแจ้งความให้เป็นคดีเดียวกัน ไม่ใช่แจ้งความตามมาตรา 113-114 ตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด
ทบ.ลั่นไม่ยอมให้ใครแบ่งประเทศ
พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ยืนยันว่า กองทัพบกปฏิบัติโดยไม่เข้าข้างใคร แต่จำเป็นต้องรักษากฎหมายในภาพรวม ส่วนกรณีของกลุ่ม กปปส. ที่กองทัพบกไม่ได้ดำเนินการนั้น เนื่องจากรัฐบาล ศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการอยู่แล้ว โดยมีคดีกว่า 100 คดีที่อยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ทางกองทัพจึงไม่ได้เข้าไปดำเนินการ ทั้งนี้ กองทัพจะไม่ยอมให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาแบ่งแยก สร้างความแตกแยก หรือจัดตั้งกองกำลังเพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อประชาชนและสังคมเป็นอันขาด ถ้า กปปส.กระทำความผิดก็จะต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกัน การเคลื่อนไหวของ สปป.ล้านนา ที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปดำเนินการ ทั้งที่เข้าข่ายมีความผิดที่ร้ายแรง กองทัพจำเป็นต้องดำเนินการในฐานะที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 3 ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะประจักษ์เห็นการขึ้นป้ายผ้าที่แสดงสัญลักษณ์ในลักษณะการโฆษณา และได้ข้อมูลจากพยานที่เป็นประชาชนและสื่อมวลชนที่อยู่ร่วมกิจกรรมวันดังกล่าว ส่วนจะดำเนินการได้มากน้อยเพียงใด ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของกระบวนการสืบสวนดำเนินการก่อน ส่วนกองทัพบกมีคณะทำงานด้านกฎหมาย ที่ผ่านมาการชุมนุมของบางกลุ่มค่อนข้างล่อแหลมสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำผิดกฎหมาย กองทัพจึงเข้าไปดำเนินการเพื่ออุดช่องโหว่ในส่วนที่ยังไม่มีหน่วยงานอื่นเข้าไปดำเนินการ
“เพชรวรรต” ปัดแยกประเทศ
ต่อมาที่โรงแรมวโรรสแกรนด์ พาเลซ อ.เมืองเชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 แถลงข่าวว่า หลังจากที่ทราบว่า ผบ.ทบ.มอบหมายให้นายทหารลูกน้องแจ้งความดำเนินคดีกับตน ที่มีแนวคิดเป็นกบฏแผ่นดินนั้น รู้สึกงงมาก เพราะตนไม่เคยรู้จักกับกลุ่ม สปป.ล้านนา และไม่ทราบเรื่องการขึ้นป้ายการแบ่งแยกดินแดน สปป.ล้านนา หลังจากที่ตนได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา รมต.พม.แล้ว ก็ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องคนเสื้อแดงมากเท่าไหร่ แต่ก็ยังเป็นแกนนำ ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเนื่องจากเมื่อวันก่อนมีนักข่าวหนังสือพิมพ์คมชัดลึกโทรศัพท์มาสัมภาษณ์ถึงกรณีการขึ้นป้ายแยกประเทศ สปป.ล้านนาไปติดตามสถานที่ต่างๆ ทั้งเชียงใหม่และพะเยา ซึ่งตนก็แสดงความเห็นไปฐานะทางวิชาการไปว่า การมีแนวคิดแบ่งแยกประเทศนั้นต้องมีเหตุการณ์รุนแรง ถึงขั้นแตกหักกัน ตอนนี้เกิดขึ้นเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนที่มีแนวคิดต่างกันในวันนี้ เพราะการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. หากจะคิดแบ่งแยกประเทศได้ ต้องมีแนวคิดแตกแยกมากกว่านี้อีกเป็นร้อยปี จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้ การแบ่งแยกประเทศมันเป็นไปไม่ได้ เพราะประเทศไทยเรามีศาสนา ภาษา และการปกครองแบบเดียวกัน มีในหลวงองค์เดียวกัน ถ้าหากเราแบ่งแยกประเทศ เราจะเอาในหลวงไปไว้ไหน ผมยอมไม่ได้อยู่แล้ว กรณีที่เป็นข่าวออกไปซึ่งทางนักข่าวได้พยายามถามเรื่องแนวคิดการแยกประเทศของ สปป.ล้านนา ซึ่งตนไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าใครเป็น หน.กลุ่ม แต่ยอมรับว่าเมื่อเดือนก่อนทางกลุ่มนั้นเคยเชิญตนไปบรรยายเรื่องการใช้สิทธิ์ตามกฎหมายเลือกตั้ง แต่ตนติดงานต่างจังหวัดจึงปฏิเสธไป จนกระทั้งมีนักข่าวโทรศัพท์มาสอบถามตน ก็แสดงความเห็นออกไปตามฐานะนักวิชาการที่ตนเรียนจบดอกเตอร์มาและก็เป็นอาจารย์สอนพิเศษตามมหาวิทยาลัยหลายแห่ง
ฮึ่มฟ้องกลับ ผบ.ทบ.
นายเพชรวรรต กล่าวต่อว่า การแบ่งแยกประเทศนั้นทำไม่ได้ แต่การแยกการปกครองพิเศษอาจทำได้แต่ไม่ใช่ตอนนี้ จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเกิด 3 ข้อนี้ขึ้นมาก่อนคือ 1.มีการดูถูกเหยียดหยามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ 2.ใช้หลักกฎหมายไม่เท่ากันมีการนำไปใช้แบบสองมาตรฐาน 3.ประเทศมีการปกครองประชาธิปไตยต้องมีในหลวงเป็นประมุขสูงสุดของประเทศ หากไม่มีเราจะอยู่กันอย่างไร “ผมอยากจะถามย้อนกลับไปถึง ผบ.ทบ.ว่า ทำไมปฏิบัติรวดเร็วจัง กรณีที่ให้นายทหารมาแจ้งความจับอ้างว่าเป็นกบฏแผ่นดิน แต่ทางฝ่ายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาฯ กปปส.และพวกที่เป็นกบฏแผ่นดิน มีหมายจับถึง 19 คน ทำไมทหารถึงไม่กล้าจับ อย่ามาใช้กฎหมายมาย 2 มาตรฐานกับพวกเรา เมื่อท่านแจ้งความผมได้ ผมก็พร้อมที่จะเข้ามอบตัวเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงและจะใช้สิทธิ์ตามกฎหมาย แจ้งความกลับท่านได้เช่นกัน ว่าท่านเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ม.157 ที่มีการละเว้นไม่จับพวกกบฏแบ่งแยกแผ่นดินกลุ่ม กปปส. ตอนนี้ผมกำลังให้ฝ่ายกฎหมายวิเคราะห์ดูว่าทำให้ผมเสียหายหรือไม่ ซึ่งผมไม่หนีอยู่แล้ว ในอดีตที่ผ่านมาผมเป็นแกนนำเสื้อแดงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ถูกหมายจับถึง 80 คดี ก็เข้าไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงกับศาลจึงหลุดคดีมาได้จนถึงวันนี้ ผมจะไปแก้ข้อกล่าวหา และแจ้งความกลับคุณเหมือนกัน”
“ยิ่งลักษณ์” ตรวจเยี่ยม ตร.คฝ.
เมื่อเวลา 11.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางมาที่สโมสรตำรวจเพื่อตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนจำนวน 17 กองร้อย ที่สนามกีฬาบุญยะจินดา สโมสรตำรวจ ซึ่งมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย การชุมนุมทางการเมืองที่กรุงเทพมหานคร โดยทำหน้าที่มาแล้ว 4 เดือน โดยนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกจากศูนย์ ศรส. ทันที เมื่อเวลา 12.30 น. ภายหลังตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน
ดอดเข้า สป.กห.
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางเข้ามายังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) ภายในสโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต โดยนายกรัฐมนตรีเข้ามารับประทานอาหารกลางวันและให้กำลังใจกับคณะทำงานในช่วงที่นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจราชการในภาคเหนือเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อีกทั้งนายกรัฐมนตรี ได้ติดตามงานต่างๆ ที่มอบหมายไว้ ขณะที่คณะทำงานของนายกรัฐมนตรีได้รายงานสถานการณ์ทางการเมืองให้นายกรัฐมนตรี รับทราบ เช่น การชี้แจงรายละเอียดการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้ (4 มี.ค.) จะไม่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ส่วนบรรยากาศที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ช่วงเช้า มีรัฐมนตรีและตัวแทนหน่วยงานราชการเดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายชูเกียรติ รัตนชัยชาญ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา นายวรวิทย์ จำปีรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือกันถึงการใช้งบประมาณในเรื่องที่จำเป็นขณะนี้
ยันไม่สนับสนุนแบ่งแยกประเทศ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนให้มีการแบ่งแยกดินแดน ซึ่งประเทศไทยต้องเป็นหนึ่งเดียว เชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นเพราะการแบ่งแยกจะต้องเป็นกลุ่มใหญ่ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งทำได้ ดังนั้น ต้องการสืบสวนข้อเท็จจริงว่ามีกระบวนการแบ่งแยกดินแดนเกิดขึ้นจริงหรือไม่ พร้อมเตือนทุกฝ่ายที่ทำในสิ่งไม่ถูกต้องไม่เฉพาะกลุ่มคนเสื้อแดงเท่านั้น โดยยินดีให้กองทัพตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว แต่ต้องตรวจสอบทุกกลุ่มเพื่อให้เกิดความยุติธรรม เพราะแนวทางการแก้ไขที่ดีที่สุดต้องให้ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าขบวนการแบบนี้ไม่สามารถทำได้โดยกลุ่มกลุ่ม เดียว จะต้องมีขบวนการที่ใหญ่กว่านั้น และไม่เชื่อว่าจะมีเหตุการณ์อย่างนั้นเกิดขึ้น อยากให้ทุกคนสบายใจ โดยรัฐบาลไม่มีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อยู่แล้ว อยากเห็นประเทศไทยเป็นหนึ่ง เราไม่มีความคิดอย่างนั้นอยู่แล้ว แม้กระทั่งเรื่องของจังหวัดชายแดนภาคใต้ เราก็พยายามที่จะพูดคุยกันใช้หลักการเจรจา ในเมื่อกองทัพจะตรวจสอบเราก็ยินดี ถือว่าเป็นสิ่งที่กองทัพทำหน้าที่ของกองทัพ แต่ขอให้มีการตรวจสอบทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน ถ้าตรวจสอบเน้นกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็จะกลับมาเกิดในเรื่องของความน้อยเนื้อต่ำใจ ก็จะมีปัญหาเกิดขึ้น แต่ถ้าเราทำทุกอย่างบนหลักความยุติธรรม อย่างเท่าเทียมกันเชื่อว่าปัญหานี้จะลดน้อยลงไป คงต้องให้ฝ่ายความมั่นคงสืบเรื่องราวก่อน เชื่อว่ายังไปไม่ถึงขบวนการนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันทำทีละขั้น ทีละตอน มิเช่นนั้นทุกคนจะตกใจ ตื่นตระหนก แต่เราเองเน้นย้ำอยู่แล้วว่า ไม่สนับสนุน ส่วนการดำเนินการแจ้งความดำเนินคดี คิดว่า ผบ.ทบ.ตัดสินใจในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน. จริงๆ แล้วในหลักการ อย่างที่เรียนเราไม่ขัดในการตรวจสอบ
“เฉลิม” หนุน ผบ.ทบ.ฟ้องแยก ปท.
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) กล่าวว่า ที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่งให้แม่ทัพภาคที่ 3 แจ้งความดำเนินคดีบุคคลที่ขึ้นป้าย สปป.ล้านนานั้น ถ้าตนพูดไปจะกระทบใจพรรคพวก แต่ตนชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อ ผบ.ทบ.เห็นว่าไม่ถูกต้องก็ไปแจ้งความร้องทุกข์ดีกว่าใช้วิธีการอื่น ตนชอบวิธีการแบบนี้ เพราะถือเป็นกฎเกณฑ์ที่ชอบธรรมตามระบอบประชาธิปไตย และกระบวนการนิติรัฐและนิติธรรม ตนพูดแบบนี้อาจมีคนหมั่นไส้ แต่ช่วยไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงในต่างจังหวัดนั้น หน้าที่ของ ศรส. คือดูแลพื้นที่ กทม. นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ เท่านั้น
เย้ยม็อบสุเทพไปไม่รอด
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ส่วนการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. บอกว่ายึดมั่นระบอบประชาธิปไตย แต่ขัดขวางการเลือกตั้ง จึงไปต่อไม่ได้ กลายเป็นเวทีระบายความรู้สึกที่หยาบช้า สร้างความเดือดร้อนให้ภาคธุรกิจ และการจราจร นายสุเทพ อาจไม่เคารพ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ต้องเคารพ การนำเคลื่อนไหวของนายสุเทพ ผิดกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) นายสุเทพ มีแต่สนุกกับปราศรัยเรื่องเดิมๆ รวมทั้งในอดีตยังเคยถูกกล่าวหาเรื่องการทุจริตและฆ่าคนตาย ดังนั้น ม็อบ กปปส.น่าจะจบ อย่างไรก็ตาม หลังจาก กปปส.ยุบเวทีไปที่สวนลุมพินี เมื่อคืนวันที่ 2 มี.ค. เหลือผู้ชุมนุม 4,000 คน ส่วนจะต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินของนายกฯ ตนไม่ขัดข้อง แต่สำหรับตนยังคิดว่าเหตุการณ์ยังไม่สงบ เพราะเขายังล้มนายกฯ ไม่สำเร็จ หรือหากจะใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง แบบเคร่งครัดก็ไม่ต่างกัน
ติง ทบ. อย่าสองมาตรฐาน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ประธานที่ปรึกษาศูนย์รักษาความสงบ หรือ ศรส. ยืนยันว่า ในฐานะรัฐมนตรีที่ดูแลด้านความมั่นคง จะดูแลความคิดที่เห็นต่างจากคนสองฝั่งอย่างยุติธรรม ไม่สองมาตรฐาน ยืนยันแนวคิดการแบ่งแยกดินแดน เป็นความเห็นของคนเสื้อแดงบางกลุ่มที่แสดงออกเพื่อปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งไม่สามารถห้ามความคิดได้ ดังนั้นกองทัพและตำรวจต้องให้ความเป็นธรรม ใช้ความอดทน ยืนยันรัฐบาลไม่เห็นด้วยกับการแบ่งแยกประเทศ ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส.พยายามหยิบยกเป็นประเด็นโจมตีให้เกิดความเข้าใจผิด ทั้งนี้ เตรียมหยิบยกข้อห่วงใยของผู้บัญชาการทหารบก เข้าหารือต่อที่ประชุม ศรส.วันนี้ด้วย
โบ้ยเกมป้ายสีรัฐบาล
ด้านนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปแบ่งแยกดินแดน ข่าวที่เกิดขึ้นเป็นการให้ร้ายป้ายสีกันมากกว่า เมื่อถามว่าแกนนำเสื้อแดงหลายคนแสดงท่าทีชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า สื่อรู้ได้อย่างไรว่าชัดเจน ใครจะมีความเห็นอย่างไรเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ส่วนข้อสรุป 11 ข้อ ที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช.สรุป ก็ไม่มีเรื่องแบ่งแยกดินแดน ซึ่งเมื่อเสนอกับพรรค ทางพรรคย่อมจะรับฟังแต่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติทั้งหมด ทั้งนี้ขอยืนยันว่าข้อเสนอ 11 ข้อไม่มีเรื่องแบ่งแยกดินดิน และไม่มีเหตุผลอะไรที่รัฐบาลจะไปแบ่งแยกดินแดน ดังนั้นตนไม่ขอพูดอะไรอีกเพราะพูดไปก็จะเอาไปตัดต่อว่าจะมีการแบ่งแยกดินแดน อย่างที่ตนพูดไปก็ไม่ได้พูดอย่างนั้น แค่จะเตือนว่าตอนนี้สถานการณ์เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และการมาบอกว่าคืนพื้นที่เพราะเห็นใจประชาชนความรู้สึกนี้ช้าไป 3 เดือน เพราะคิดแต่จะกดดันรัฐบาล
เชื่อแค่แสดงออกเชิงสัญลักษณ์
นายพิชิต ชื่นบาน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดำเนินคดีทางกฎหมายกลุ่ม สปป.ล้านนา ต้องพิจารณาว่า มีเจตนาพิเศษขอแยกเป็นประเทศล้านนาหรือไม่ ต้องดูว่า เป็นการถือป้ายเชิงสัญลักษณ์ และแสดงออกในลักษณะประชดประชัน เปรียบเปรยปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมหรือไม่ ขณะนี้ข้อเท็จจริงที่แสดงออกเป็นเพียงเชิงสัญลักษณ์ ไม่มีการใช้กำลังประทุษร้าย ข่มขู่ ไม่ถึงขั้นก่อความไม่สงบ หากกองทัพบกจะดำเนินคดีกับกลุ่ม สปป.ล้านนา ในความผิดความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ก็ต้องพิจารณาถึงกลุ่ม กปปส. ที่ศาลอาญาออกหมายจับเลขาธิการ กปปส. ฐานเป็นกบฏ ที่ยุยงให้หยุดงาน ยึดสถานที่ราชการ ขัดขวางการเลือกตั้ง แต่กองทัพบกไม่เคยแสดงท่าทีดำเนินคดีตามกฎหมายกลุ่ม กปปส. ส่วนตัวไม่มีอคติต่อกองทัพ แต่เกรงว่าจะซ้ำเติมปัญหากลุ่ม สปป.ล้านนาให้หนักขึ้นว่า เลือกปฏิบัติทำให้ปัญหาขยายวงมากขึ้น ควรทำความเข้าใจกันดีกว่า ไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลายกัน ปัญหาขณะนี้เป็นปัญหาทางความคิด ความเข้าใจ ไม่ใช่ปัญหาที่ประชาชนมีความคิดเป็นโจรแบ่งแยกดินแดน
กปปส.ทำบุญเพิ่มสิริมงคล
ส่วนความเคลื่อนไหวของ กลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ที่สวนลุมพินี เมื่อเวลา 07.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. พร้อมด้วยแกนนำ อาทิ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย, นายถาวร เสนเนียม, นายวิทยา แก้วภราดัย, นายอิสระ สมชัย, น.ส.อัญชะลี ไพรีรักษ์ นำมวลชน กปปส. และประชาชนทั่วไปทำบุญอาราธนาศีล ถวายสังฆทานพระสงฆ์ จำนวน 9 รูป และตักบาตรพระสงฆ์จำนวน 35 รูป เพื่อความเป็นสิริมงคลหลังจากที่ได้ย้ายกิจกรรมการชุมนุมมาปักหลักที่สวนลุมพินี เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่วนการดูแลความปลอดภัย เบื้องต้นพบว่าประตูทางเข้าสวนลุมฝั่งถนนหลังสวนมีการตั้งบังเกอร์ และตามหัวมุมถนนมีทหารคอยประจำการดูแลความปลอดภัยด้วย อย่างไรก็ตาม นายสุเทพ ประกาศบนเวทีว่า จะงดปราศรัย 1 วัน เนื่องจากมีอาการเจ็บคอ
หนุน ทบ.แจ้งจับกบฏล้านนา
นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. แถลงยืนยัน ในการต่อต้านขบวนการแบ่งแยกดินแดน พร้อมขอบคุณและให้กำลังใจ พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาค 3 ที่แจ้งความดำเนินคดีกลุ่ม สปป.ล้านนา ในความผิดฐานกบฏ ซึ่งที่ผ่านมามีความชัดเจนแล้วว่าแนวคิดการแบ่งแยกดินแดนมีคนของรัฐบาล หรือกลุ่มคนที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่เบื้องหลังมาตลอด โดยการนำประชาธิปไตยมาเป็นฉากบังหน้า ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและดีเอสไอ ออกมาร่วมกันต่อสู้ขบวนการแบ่งแยกดินแดนดังกล่าว ในส่วนกรณีที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจะเชิญเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เข้ามาเป็นคนกลางในการเจรจาระหว่าง รัฐบาล และ กปปส. ขอชี้แจงว่า ไม่เห็นด้วยและไม่สนับสนุน เพราะ กปปส. เรียกร้ององค์การสหประชาชาติ จับตาดูรัฐบาลไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนเท่านั้น แต่ไม่ใช่การแทรกแทรงเรื่องความแตกแยกภายในประเทศ
ยกพลบุกหน้า ศรส.
ต่อมา เวลา 14.00 น. นายชัยชนะ เดชเดโช เครือข่าย กปปส.สีลม นำมวลชน เคลื่อนขบวนมาชุมนุมหน้าสโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดีรังสิต ซึ่งภายในเป็นที่ตั้งของศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) หลังจากทราบข่าวว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เดินทางมาปฏิบัติหน้าที่ที่ ศรส. โดยเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหยุดทำร้ายประชาชน เนื่องจากประชาชนไม่ได้เป็นศัตรู พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่หาตัวคนร้ายที่ก่อเหตุปาระเบิดใส่มวลชน เพราะที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้ ขณะที่บรรยากาศภายใน ศรส. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งแถว พร้อมอุปกรณ์ป้องกันตัว ประกอบด้วยโล่และกระบอง นอกจากนี้ ได้มีการวางรั้วลวดหนามหลายชั้น และปิดประตูเหล็กเพื่อไม่ใช้มวลชนบุกฝ่าเข้ามาได้ อย่างไรก็ตาม หลังจากมวลชน กปปส. ทราบว่านายกฯ ไม่ได้อยู่ที่ ศรส. จึงได้นำมวลชนเคลื่อนขบวนกลับไปยังเวทีสีลมตามเดิม อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวแจ้งว่า เกิดเหตุคนร้ายปาวัตถุไม่ทราบชนิด ใส่รถเครื่องขยายเสียงของกลุ่ม กปปส. ในระหว่างที่นายวิทยา แก้วภราดัย แกนนำ กปปส. นำมวลชนเดินทางไปยังศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อย (ศรส.) เกิดเสียงดังคล้ายระเบิด เบื้องต้นไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม นายวิทยา เกรงว่าผู้ชุมนุมจะได้รับอันตราย จึงนำมวลชนกลุ่มดังกล่าวกลับมายังเวที กปปส.สวนลุมพินี
บุกแรงงานจี้ ขรก.หยุดทำงาน
ขณะเดียวกัน นายคมสัน ทองสิริ เลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) นายสาวิทย์ แก้วหวาน ที่ปรึกษา สรส. นายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำ กปปส.สายผู้ใช้แรงงานนำผู้ชุมนุมจากกระทรวงมหาดไทยเดินทางด้วยรถบรรทุกและรถกะบะจำนวนมากบุกเข้าในกระทรวงแรงงาน โดยมีนายกฤช เทพบำรุง นำผู้ชุมนุมกองทัพธรรม จากสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้ามาสมทบจนมีจำนวนหลายร้อยคน โดยเรียกร้องให้ข้าราชการยุติการทำงานรับใช้ระบอบทักษิณ และให้เดินทางกลับบ้านทันที โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้ปลดรูป ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ที่ติดไว้ใต้อาคาร 15 ชั้น นำไปแปะไว้ในโถปัสสาวะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น