วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

จับตานปช.-พท.'สนิมเกิดแต่เนื้อในตน เมื่อ 22 ม.ค.56



จับตานปช.-พท.'สนิมเกิดแต่เนื้อในตน'


          จับตานปช.-เพื่อไทย 'สนิมเกิดแต่เนื้อในตน' : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา
          การจากไปของ ชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นอกจากความอาลัยแล้วกระแสปรับ ครม.ก็กลับมากระหึ่มอีกครั้ง
          ไม่ใช่ว่า บรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา "เอาไม่อยู่" แต่ที่ปะทุขึ้นมานั้นกลับเป็นคลื่นใต้น้ำในพรรคเพื่อไทย ที่สั่งสมพลังกันมานานแล้ว
          หลังจากการพลาดเก้าอี้เสนาบดีของ ตู่-จตุพร พรหมพันธุ์ ทำให้เวทีคนเสื้อแดงที่จัดขึ้นที่นั่นที่นี่เริ่มมี "ประเด็น" วิพากษ์วิจารณ์ว่าเอาเข้าจริงแล้วคนเสื้อแดงควรจะได้อะไรบ้าง
          ถามถึงความชอบธรรมที่แกนนำคนเสื้อแดงควรจะได้รับ ไม่ว่าจะเป็น ตู่-จตุพร ธิดา ถาวรเศรษฐ วีระกานต์ มุสิกพงศ์ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ฯลฯ ที่ควรจะได้รับการปูนบำเหน็จ
          นับหัวกันแล้วโควตาของคนเสื้อแดงน่าจะได้ตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างน้อย 2 ตำแหน่ง ไม่ใช่ตัวเดียวโดดๆ ที่ เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นั่งอยู่ตัวเดียวคนเดียวอย่างทุกวันนี้
          ว่ากันว่าในวงสนทนามีการเสนอถึงขั้นให้แยกตัวออกไปตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่เสียด้วยซ้ำไป
          บางคนถึงกับเสนอชื่อพรรคใหม่ว่า "แนวร่วมประชาธิปไตย" เพียงแต่เสียงส่วนใหญ่ยังไม่เคาะเท่านั้น
          ก่อนหน้านี้ข้อเสนอให้แตะมือนั่งเก้าอี้ระหว่าง ตู่-จตุพร กับ เต้น-ณัฐวุฒิ แต่เมื่อไม่สำเร็จ เงื่อนไข (ที่ไม่อาจปฏิเสธ) ในครั้งนี้ก็คือ ให้เพิ่มโควตารัฐมนตรีให้แก่คนเสื้อแดงเป็น 2 ตำแหน่ง
          เรียกได้ว่า ส่ง ตู่-จตุพร ให้ถึงฝัน พ.อ.อภิวันท์ ก็ได้ลุ้น
          กำหนดดูใจทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึง "พี่น้องตระกูลชินวัตร" ในพรรคเพื่อไทยในเดือนเมษายนนี้
          อย่างไรก็ตาม หากถึงขั้นต้องแยกตัวไปตั้งพรรคใหม่จริงๆ ก็จะยังแนบชิดกับพรรคเพื่อไทยอยู่
          เพียงแต่จะเป็นพรรคการเมืองที่มีการจัดสรรที่ชัดเจน ไม่ใช่เป็นลูกน้องของใคร
          นั่นก็ย่อมหมายความว่า โควตารัฐมนตรีที่มากกว่า และชัดเจนกว่า
          หากคนเสื้อแดงแยกไปตั้งพรรคจริง จากที่ก่อนหน้านี้ บรรหาร ศิลปอาชา เคยเป็นตัวเชื่อมกับพรรคร่วมรัฐบาล ก็คงจะหมดความจำเป็น เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นทั้งพรรค หรือซีกของ "มัชฌิมา" ของ สมศักดิ์ เทพสุทิน ก็คงจะถูกปิดประตูตาย
          อย่าว่าแต่พักหลังแกนนำคนเสื้อแดงก็เริ่มตงิดๆ กับการล้วงลึกถึงระดับล่างของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนทำให้ "สาย" ที่วางกันไว้เป็นระดับๆ ปั่นป่วนไปหมด และที่ชัดเจนก็คือวันชุมนุมที่เขาใหญ่ แล้วพ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า ต้องแก้รัฐธรรมนูญแบบประชามติ ซึ่งเป็นคนละแนวทางของ นปช.อย่างสิ้นเชิง
          อยางไรก็ตาม สาเหตุที่คนเสื้อแดงคิดกันมาถึงจุดนี้ก็เพราะดูแล้วหากเดินตามรอยเท้าคนอื่นต่อไป ก็คงไปไม่ได้ไกลกว่านี้
          ขณะเดียวกันก็ประเมินแล้วว่า หากแยกออกไปก็จะไม่เกิดผลกระทบกับรัฐบาล เพราะไปแล้วก็เพียงแค่จัดระบบโควตาให้ชัดเจนเท่านั้น
          ในส่วนของ "ภัยคุกคาม" ที่เดิมคิดว่าจะเหิมฮึก ก็ไม่ได้คึกอย่างที่คิด
          ไม่ว่าจะเป็น "กองทัพ" ที่ก่อนหน้ายืนทำหน้าถมึงทึงเสียยิ่งกว่ายักษ์วัดแจ้ง ก็ดูจะโอนอ่อนผ่อนตาม "นโยบายการเมือง" จนสื่อบางค่ายมองว่า "เชื่อง" ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
          ในส่วนของพรรคการเมืองที่เป็นปฏิปักษ์ วัดกันแล้ว ต่อให้เลือกตั้งวันนี้ พรุ่งนี้ หรือวันไหนๆ ก็ไม่มีวันได้ชัยเหนือฝ่ายรัฐบาล
          เช่นเดียวกับกลุ่มการเมืองที่พยายามออกมาเคลื่อนไหวก็ทำได้เพียงแค่ "กระตุกแขนเสื้อ" ยังไม่รุกล้ำก้ำเกินไปถึงเนื้อถึงหนัง
          จะเป็นกลุ่ม เสธ.อ้าย หรือ องค์การพิทักษ์สยาม ที่ประเมินกันแล้วว่า น่าจะมีไม่เกิน 5,000 คน อาจจะบวกกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่วันนี้จะเรียกมาให้เกิน 3,000 ก็ยากแล้ว สุดท้ายก็ยากที่จะมาเขย่าบัลลังก์รัฐบาล
          กลุ่มไชยวัฒน์ สินธุ์สุวงศ์ ที่รณรงค์เรื่องเขาพระวิหาร เอาเข้าจริงก็น่าจะอยู่แค่ไม่เกิน 500 คน
          ขณะที่คนเสื้อแดงยังแน่นปึ้ก !
          ไม่ว่าจะระดมไปจังหวัดไหนจำนวนที่นับกันได้หลักหมื่นขึ้น
          ตรงนี้นี่เองที่เป็นสิ่งที่สร้างความมั่นใจให้แก่คนเสื้อแดงว่า ถึงจะแยกไปตั้งพรรคใหม่ ก็ไม่ได้ก่อผลลบให้แก่รัฐบาลนี้
          น่าจับตาว่า การจากไปของ ชุมพล ศิลปอาชา จะเป็นชนวนให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า เมื่อเก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการท่องเที่ยวและกีฬาว่างลง ก็จำเป็นต้องปรับ ครม. ถึงแม้ว่าจะเป็นโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา แต่การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็น่าจับตาว่าจะใช้จังหวะนี้เดินหมากรุกฆาตหรือไม่
          ท่ามกลางการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของผู้ว่าฯ กทม. ที่พรรคเพื่อไทยเองก็หวังจะคว้าชัยชนะอย่างเต็มเปี่ยม
          ชัดเจนว่า "โอกาส" ของคนเสื้อแดงที่จะตั้งพรรคการเมืองมาถึงแล้ว
          ........
          (หมายเหตุ : จับตานปช.-เพื่อไทย 'สนิมเกิดแต่เนื้อในตน' : ขยายปมร้อน โดยศรุติ ศรุตา)
          ที่มา: http://www.komchadluek.net

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น