วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

บทความจาก นสพ.เมื่อ ๓๐ ม.ค.๕๖



ฮุนเซนแฉประชาธิปัตย์ สุกำพลยันไม่กระทบคำตัดสินศาลโลก
          “สุกำพลยัน สมเด็จฯฮุนเซนแฉปชป. ไม่กระทบศาลโลกตัดสิน แจง "สุรพงษ์" นำคำแถลงการณ์ออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการนำเสนอเท่านั้น และเป็นการพูดถึงว่าเรื่องเกิดขึ้นยุคไหน ถือเป็นข้อเท็จจริงที่หนีไม่ออก
          ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 08.30 น.วันนี้ (30 ม.ค. ) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ นำแถลงการณ์ของสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์เกรงจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาของศาลโลกหรือไม่ว่า การที่นายสุรพงษ์นำคำแถลงการณ์ออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการนำเสนอเท่านั้น และเป็นการพูดถึงว่าเรื่องเกิดขึ้นยุคไหน ซึ่งถือเป็นข้อเท็จจริงที่หนีไม่ออก ไม่เห็นมีอะไร เราอย่าไปคิดให้เกิดปัญหา ซึ่งเป็นการชี้แจงบนพื้นฐานความเข้าใจระหว่างประเทศ ไม่มีทางที่ไทยและกัมพูชาจะมานั่งทะเลาะกัน วันนี้ไม่มี เพราะคนรู้ว่าในปี2558 จะมีการเปิดประชาคมอาเซียน เป็นไปไม่ได้ที่จะมีปัญหา ตนต้องการให้สื่อมองเป็นเรื่องที่ดีบ้าง หากมองว่ามีปัญหาทั้งวันก็จะแย่
          “การที่สมเด็จฮุนเซนออกมาพูดในฐานะผู้นำประเทศคงต้องคิดแล้วว่าพูดแล้วมีประโยชน์หรือไม่ หรือทำให้เกิดปัญหา โดยเฉพาะในเรื่องความสัมพันธ์ ส่วนที่มองว่าจะเป็นประโยชน์ต่อฝ่ายกัมพูชานั้น ผมคิดว่าทางกัมพูชาพยายามอธิบายให้รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เมื่อเขาถูกพาดพิงก็ขอพูดบ้าง ส่วนจะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรา เขาพูดจบไปนานแล้ว แต่สื่อนำมาพูดอยู่ทุกวัน อยากให้เลิกพูดเสียทีรมว.กลาโหม กล่าว
          เมื่อถามว่านายสุรพงษ์ที่มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีของไทย แต่นำคำพูดตรงนี้มาขยายต่อ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า มันจบแล้วก็จบไป จะมารื้อฟื้นอยู่ทำไม มันมีประโยชน์อะไรบ้างเมื่อถามย้ำว่า เกรงหรือไม่ว่าศาลโลกจะหยิบประเด็นตรงนี้ขึ้นมาพิจารณา พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่าไม่มี มันไม่เกี่ยวกับเรื่องการตัดสินของศาลโลก การที่กัมพูชาออกมาเปิดเผยเป็นเพียงต้องการให้รู้ว่าเรื่องราวที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการเท่านั้น สื่อต้องแปลให้ดี ถ้ามันไม่ดี ผมไม่ยอม ไม่ต้องห่วง มันไม่มีอะไร กัมพูชาเพียงแต่พูดความจริงสมัยที่รัฐบาลประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลและได้ดำเนินการเรื่องนี้ ส่วนท่าทีของรมว.ต่างประเทศคนปัจจุบันดีกว่าคนก่อนหน้า
          เมื่อถามถึงกรณีนายกรัฐมนตรีจะหารือกับทางกัมพูชากรณีการที่กัมพูชาล่วงล้ำ เอ็มโอยูปี 43 สร้างที่พักอาศัยบริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า เป็นไปตามที่นายกรัฐมนตรีออกมาระบุที่จะได้มีการพูดคุยร่วมกัน เรายืนยันว่าปกป้องอธิปไตยอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง เราพยายามดำเนินการให้เป็นไปตามที่เอ็มโอยู 43 กำหนดให้มากที่สุด ทั้งนี้ไทยจะทำเพียงฝ่ายเดียวไมได้ แต่ต้องทำพร้อมกันทั้งคู่ที่จะมีลงนามร่วมกันกับกัมพูชา ถ้ามีการละเมิดก็จะต้องมีการพูดคุยกัน ที่ผ่านมาทางกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือประท้วงไปยังกัมพูชาแล้ว ซึ่งก็ประท้วงไปมากกว่า 8-9 ครั้งแล้ว
          ที่มา: http://www.dailynews.co.th
.....เว็บไซต์เดลินิวส์
โยนกฤษฎีกาดองนิรโทษฯปูไม่หวั่นแดงกลุ่ม29ม.ค.ไล่มาร์คหนุนรอฟังคำตอบแม้ว

          โพสต์ทูเดย์ -นายกฯ รับข้อเสนอนิรโทษกรรมทุกฝ่ายส่งให้กฤษฎีกาศึกษาก่อนตัดสินใจ
          น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จะส่งข้อเสนอของกลุ่มแนวร่วม 29 มกราเครือข่ายกลุ่มคณะนิติราษฎร์ และกลุ่มต่างๆ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลนิรโทษกรรม ผู้ที่ถูกดำเนินคดีในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี2553 ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูข้อดี ข้อเสียต่อไป
          "ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาก่อน ไม่สามารถที่จะตอบได้ทันที แต่จะรับเรื่องนี้ทั้งหมดส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดู เพราะมีหลายรูปแบบ ต้องดูในรายละเอียดซึ่งแนวทางออกนั้นต้องว่าไปตามขั้นตอนของฝ่ายนิติบัญญัติด้วย"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
          อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของกลุ่ม 29 มกรา จะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นได้ รัฐบาลมีหน้าที่รับฟังความคิดเห็น เพราะความคิดเห็นนั้นเป็นการแสดงออกในระบอบประชาธิปไตย
          นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมไม่ได้เป็นการกดดันรัฐบาล เพียงแต่สถานการณ์ทางการเมืองยังเป็นบรรยากาศของความขัดแย้งอยู่ ใครมาเป็นรัฐบาลจึงอยู่ในภาวะกดดันทั้งสิ้น และเรื่องนี้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้ขอร้องไม่ให้แกนนำ นปช.มาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม 29 มกรา เพราะไม่ได้เป็นกิจกรรมของ นปช. เพียงแต่ประชาชนที่มาชุมนุมเป็นพี่น้องคนเสื้อแดงทั้งสิ้น
          ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวว่า อยากให้คนเสื้อแดงรับทราบว่า พรรคไม่ขัดข้องและเห็นด้วยกับแนวทางนิรโทษกรรม โดยจะต้องไม่มีการพ่วงคดีอาญาและคดีการทุจริตเข้ามาด้วย โดยเฉพาะกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ควรนำมาเกี่ยวข้อง จึงไม่ควรเอากลุ่มคนเสื้อแดงมาเป็นตัวประกัน
          "ขณะนี้ผมยังรอฟังคำตอบ จากพ.ต.ท.ทักษิณ ในการรับคำท้าของผมเกี่ยวกับการที่จะไม่นิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ แลกกับไม่นิรโทษกรรมให้ผมและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ สส.สุราษฎร์ธานี พรรคปชป. และเดินทางกลับประเทศไทยมาสู้คดี" นายอภิสิทธิ์ กล่าว--จบ--
          ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์

.....โพสต์ ทูเดย์
"ผบ.ทบ."ตั้งกองทุนช่วยทหารพิการจากชายแดน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 29 ม.ค. ที่แหล่งชุนนุมทหารโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นประธานในพิธีมอบเงินช่วยเหลือกำลังพลที่ปลดทุพพลภาพตั้งแต่ปี 2547 และครอบครัวกำลังพลที่มาดูแลกำลังพลกองทัพบกซึ่งบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ในราชการสนาม ซึ่งจัดตั้งเป็นมูลนิธิสวัสดิการกองทัพบกตามนโยบายของผบ.ทบ. เพื่อช่วยเหลือกำลังพล โดยมอบเงินให้ครอบครัวกำลังพลละ 2,000 บาทต่อเดือน เบื้องต้นจะดำเนินการในระยะเวลา 6 เดือน เนื่องจากมีเงินอยู่ในกองทุน 1 ล้านบาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้นำโครงการที่จะช่วยเหลือกำลังพลที่ปลดทุพพลภาพไปแล้วมาทบทวน เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติม เพราะทราบดีว่าวันนี้ค่าครองชีพสูง จึงต้องหางบประมาณมาจำนวนหนึ่ง เพื่อจัดการเรื่องสวัสดิการช่วยเหลือคนเหล่านี้ ตั้งแต่ปี 2547 มีการสู้รบและสูญเสียมากขึ้นโดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการรบชายแดนฝั่งตะวันตกและตะวันออก เราเป็นห่วงครอบครัวผู้สูญเสียจะลำบาก อีกทั้งเงินที่ได้รับไปบางส่วนยังติดขัดกับระเบียบที่ระบุชัดเจนว่า ผู้ใดที่ปลดประจำการไปแล้ว เมื่อรับเงินช่วยเหลือก็จบกันไป จึงเป็นห่วงว่าจะอยู่กันอย่างไร โดยเรามีเงินขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกของกระทรวงกลาโหมอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้มากมาย ใครที่ได้รับการสูญเสียเมื่อปี 2547 เป็นต้นมาและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือให้ไปติดต่อกับผู้บังคับหน่วยต้นสังกัดในปัจจุบัน เพื่อที่หน่วยจะดำเนินการช่วยเหลือต่อไป ทั้งนี้อยากให้ผู้บังคับหน่วยไปทำบัญชีขึ้นมารวบรวมรายชื่อกำลังพลและส่งมาที่กองทัพบก
แม้ว่ากองทัพบกจะตอบแทน แต่เทียบไม่ได้กับสิ่งที่ทุกคนสูญเสีย อยากให้ทุกคนมีกำลังใจที่จะมีชีวิตต่อไป แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่ก็มีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นหลักและแบบอย่างให้กับลูกหลานว่าเป็นผู้ที่เสียสละ ผมไม่อยากใช้คำว่าเสียใจ แต่ขอใช้คำว่าภูมิใจกับทุกคน ซึ่งถือเป็นเกียรติของผมที่ได้มายืนตรงนี้ ทุกคนทำงานตามคำสั่งและหน้าที่ของกองทัพบกโดยไม่มีข้อบิดพริ้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม โดยเฉพาะไปพื้นที่ชายแดน ซึ่งไม่รู้ว่าต้องเผชิญกับอะไรแต่ก็ต้องไป การที่ต้องบาดเจ็บสูญเสียถือเป็นชะตาชีวิตของท่านที่ต้องเผชิญ หลายคนก็โชคดีที่ไม่เกิดขึ้นอย่างนั้น ผมขอเป็นกำลังใจให้ เราถือเป็นผู้เสียสละปิดทองหลังองค์พระปฏิมาและเราเปรียบเสมือนเป็นเหรียญด้านหลัง เพราะเหรียญถ้ามีด้านเดียวก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้ ขอให้ทุกคนภูมิใจเหมือนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงรับสั่งว่าให้ทุกคนปิดทองหลังองค์พระประปฏิมา ไม่มีใครเห็นก็ไม่เป็นไร เราเห็นตัวของเราเอง ขอให้ทุกคนรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรี แม้ว่าจะไม่ได้รับราชการแล้วแต่ท่านก็ยังเป็นครอบครัวของกองทัพบกอยู่เสมอพล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขอให้เชื่อมั่นว่า สิ่งที่ทุกคนรักษามาในอดีตกับสิ่งที่ท่านต้องสูญเสีย เราจะรักษาไว้ไม่ว่าจะเป็น ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวม ขอสัญญาว่าจะนำพากองทัพไปในสิ่งที่ท่านได้รักษาไว้ การสู้รบในวันนี้ไม่ใช่ใช้แต่กำลังอย่างเดียวแต่ต้องสู้ด้วยสติปัญหา กฎหมาย และหลักการ ไม่มีใครอยากเห็นการบาดเจ็บสูญเสียอย่างนี้อีก เว้นแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หากมีหนทางอื่นที่พูดคุยเจรจาได้ก็ต้องว่ากันไป แต่เราต้องรักษาอธิปไตยแผ่นดินไทยตามกติกา กฎหมายที่กำหนดไว้ทุกประการ เรื่องอะไรก็ตามที่จะเกิดในวันนี้หรือในอนาคตทั้ง ภาคใต้ ชายแดนอื่นๆ ก็จะต้องเกิดขึ้น เพราะทั่วโลกก็เป็นอย่างนี้ เพราะฉะนั้นทำใจให้นิ่งๆและค่อยๆแก้ปัญหา แต่ต้องไม่ใช่ความรู้สึกในการแก้ปัญหา

.....เดลินิวส์ออนไลน์
เสนอนิรโทษ ปาหี่ต้มคนไทยเป้าหมายช่วยแม้ว-หัวโจกสั่งเผา !!
          ผ่าประเด็นร้อน          ในช่วงชุลมุนที่ชาวบ้านเริ่มหันเหไปสนใจกับเรื่องร้อนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปมปราสาทพระวิหาร ที่ไทยกำลังจะเสียดินแดนเพิ่มจากการที่รัฐบาลกำลังจะยืมมือศาลโลกมาปิดปากคนไทยให้ทำใจปัญหาปากท้องอันเนื่องจากความล้มเหลวในการบริหารจัดการ โดยจู่ๆก็มีการเสนอร่างพระราชกำหนดและร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทางการเมืองเข้ามาพร้อมๆกัน โดยที่เนื้อหาสาระก็ไม่ได้แตกต่างกัน ทุกอย่างเหมือนกับนัดแนะกันมาไม่มีผิด เพียงแต่ว่าแยกบทบาทกันเล่นละครเพื่อความสมจริงสมจังเท่านั้น
          ถ้าหากพิจารณาก็จะเห็นการเคลื่อนไหวหลายกลุ่มเข้ามาพร้อมๆกัน เริ่มจากกลุ่มแกนนำคนเสื้อแดง จากนั้นก็ถัดมาเป็นกลุ่มนิติราษฎร์ ที่เสนอให้ออกเป็นพระราชกำหนดนิรโทษกรรมทางการเมือง สาระก็คือต้องการยกโทษให้กับทุกฝ่ายทุกสี เน้นไปที่ระดับชาวบ้าน รากหญ้าที่กระทำความผิดสารพัดทั้งประเภทฝ่าฝืนคำสั่งและกฎหมายต่างๆ อ้างว่ายกเว้นเฉพาะระดับพวกสั่งการ และเจ้าหน้าที่ โดยมีเนื้อหาสั้นๆเพียงแค่ 4-5 มาตรา
          ส่วนอีกกลุ่มก็คือ อุกฤษ มงคลนาวิน ประธานกรรมการอิสระว่าด้วยการส่งเสริมหลักนิติธรรมแห่งชาติ(คอ.นธ.) ก็เสนอเข้ามาในลักษณะเดียวกัน แต่ให้ออกเป็นพระราชบัญญัติผ่านสภา มีเนื้อหา 6 มาตรา สาระสำคัญก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าอาจครอบคลุมช่วงระยะเวลาไปไกลกว่า หรือน้อยกว่าเท่านั้นเอง
          อย่างไรก็ดีถ้าพิจารณากันในยามนี้ก็ต้องบอกว่า รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยกำลังส่งสัญญาณเอาด้วยกับแนวทางออกเป็นพระราชบัญญัติที่เสนอโดย อุกฤษ มงคลนาวิน เนื่องจากเวลานี้ทางวิปรัฐบาลได้ส่งร่างดังกล่าวเสนอให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาในข้อกฎหมายแล้ว มันช่างรวดเร็วมุบมิบดีแท้
          ขณะที่แนวทางการออกเป็นพระราชกำหนดทั้งที่เสนอโดย พวกนิติเรด นิติอะไรนั่น รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดง แน่นอนแล้วว่ารัฐบาลไม่เอา เพราะเสี่ยงเกินไป เสี่ยงที่จะทำให้พังเร็วเกินไป เนื่องจากเงื่อนไขในการออกพระราชกำหนดนั้นต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนคอขาดบาดตาย และที่สำคัญเป็นการมัดมือ นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องลงนามรับรอง ปัญหามันอยู่ที่เรื่องหลังนี่แหละ
          อย่างไรก็ดีทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นเกมปาหี่ สร้างเรื่องขึ้นมาให้มันสับสนโดยปิดบังซ่อนเป้าหมายและความต้องการที่แท้จริงเอาไว้ พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ สับขาหลอกนั่นแหละ
          ก่อนอื่นก็ต้องบอกว่าการนิรโทษกรรมให้กับชาวบ้าน รากหญ้าที่มีความผิดจากการชุมนุมทางการเมืองทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นคนเสื้อแดงหรือใครหากจะเสนอให้นิรโทษฯคนพวกนี้แล้วสังคมก็มักเห็นใจไม่น้อย ซึ่งพวก เหลี่ยมจัดก็กำลังจะใช้ช่องทางตรงนี้แหละ มั่วเข้าไปก่อน หรืออย่างน้อยก็เปิดช่องให้ คลุมเครือแล้วค่อยใช้กลไกเครือข่ายของตัวเองที่มีอยู่ตีความเข้าข้าง และนำไปสู่การนิรโทษฯตามไปด้วยในภายหลัง
          ถามว่า ใครเป็นคนตีความหรือนิยามพวกที่ สั่งการและ แกนนำเพราะบางร่างได้ให้สภาเป็นคนคัดเลือก คณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ก็แหงอยู่แล้ว ไม่ต้องหลับตาก็ต้องนึกภาพออกแล้วว่า จะต้องให้ ทักษิณ ชินวัตร และพวกแกนนำคนเสื้อแดงที่กำลังถูกดำเนินคดีเป็นผู้ก่อการร้ายรอด เพราะพิสูจน์ ไม่ได้ว่าเป็นผู้สั่งการหรือแกนนำ อ้างว่าชาวบ้านเขามาเอง อ้างว่ามาทวงถามความยุติธรรม ทวงถามประชาธิปไตยมันผิดตรงไหน อ้างแค่นี้มันสวยหรูและเท่แถมยังได้กระแสสากลอีกต่างหาก
          ขณะเดียวกันที่บอกว่ารัฐบาลส่งสัญญาณเอาด้วยกับแนวทางการเสนอเป็นพระราชบัญญัติ เพราะใช้เสียงในสภา อีกทั้งที่ผ่านมากมีร่างพระราชบัญญัติล้างผิดในชื่อปรองดองคาเป็นวาระแล้ว ก็ยิ่งสบช่องอ้างกระแสมั่วพ่วงประกบเข้าไปเลย
          อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะเอาด้วยกับการเสนอเป็นพระราชบัญญัติ แต่ก็ยังไม่เดินหน้าเต็มตัวในแบบปัจจุบันทันด่วน ดังจะเห็นได้จากการส่งร่างให้กับคณะกรรมการกฤษฎีกาไปพิจารณาข้อกฎหมาย ความหมายก็คือซื้อเวลาไปก่อน เพราะไม่อยากให้ กระเพื่อมในตอนนี้ เพราะยังมีเรื่องด่วนที่ต้องทำก่อน เฉพาะหน้าก็คือร่างพระราชบัญญัติกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทที่เตรียมชงเข้าสู่สภาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แบบนี้ถึงจะสำคัญเร่งด่วนกว่า ถ้าผ่านก็ชักเปอร์เซ็นต์รวยกันพุงปลิ้น
          ถัดมาในช่วงเมษายนต่อเนื่องไปจนถึงปลายปียังมีเรื่องปมปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกน่าจะตัดสินซึ่งก็มีแนวโน้มว่าไทยจะเสียดินแดนที่เป็นอาณาบริเวณรอบปราสาทให้กับเขมรฮุนเซนเพิ่ม ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทำให้ฮุนเซนแฮปปี้ จะส่งผลไปถึงสัมปทานพลังงานในทะเลและสัมปทานทางธุรกิจในเกาะกงราบรื่น
          อีกทั้งเมื่อรัฐบาลผ่านมาได้ปีกว่ากำลังล่วงเข้าสู่ปีที่สองก็ย่อมทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความสุข แม้ว่าจะถูกนินทาค่อนขอดอย่างไร แต่ต่อหน้าก็ได้รับการพินอบพิเทามีแต่คนเอาใจ มีความสุขกับการเปิดป้าย ถ่ายรูปโชว์ชุดสวยไปวันๆ มันก็เป็นอะไรที่เรียกว่า สุขอย่างบูรณาการอยู่แล้ว
          อย่างไรก็ดีถ้าให้สรุปก็ต้องย้ำอีกครั้งว่ารัฐบาลได้เลือกแนวทางออกเป็นพระราชบัญญัตินิรโทษฯผ่านทางสภา โดยใช้เนื้อหาคลุมเครืออ้างชาวบ้านบังหน้าเอาไว้ก่อน อย่างไรก็ดีนาทีนี้ยังไม่รีบร้อน เพราะยังมีเรื่องอื่นเร่งด่วนกว่า ทั้งเงินกู้ 2.2 ล้านล้านบาท และรอผลที่จะตามมาจากคำตัดสินของศาลโลก ดังนั้นภาพที่เห็นก็เป็นเพียงแค่ปาหี่ต้มคนไทย ต้มแดง เพราะเป้าหมายสุดท้ายแท้จริงต้องช่วย ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้น แต่ขณะเดียวกันต้องอาศัยช่วงเวลานี้ทำมาหารับประทานก่อน

.....ASTV ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น