วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 20-26 ม.ค.2556




สรุปข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ 20-26 ม.ค.2556
1.“ในหลวง-พระเทพฯเสด็จฯเปิดสถาบันศิริราช1ก.พ.ทีวีพูลถ่ายทอดทั่วประเทศ
       เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ศ.คลินิก นพ.อุดม คชินทร คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เผยหลังประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า วันที่ 1 ก.พ.นี้ เวลา 17.00น. พระบาทสมเด็จ      พระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯ มาทรงเปิดพระบรมราชานุ  สาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านข้างโรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา(สถานีรถไฟธนบุรีเดิม) โดยจะมีพิธีสงฆ์เป็นเวลา 40 นาที จากนั้นจะทรงกดปุ่มเปิดลานพลับพลาพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และทรงกดปุ่มเปิดแพรคลุมป้ายสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช ขณะที่คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษาแพทย์จำนวน 125 คน จะร่วมกันร้องเพลงศิริราชถวาย พร้อมอ่านกลอนเพื่อแสดงถึงปณิธานของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลว่า จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนชาวไทยภายใต้ร่มพระบารมี       
       ทั้งนี้วันงานจะมีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย และถ่ายทอดเสียงทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยไปทั่วประเทศ      
       ศ.คลินิก นพ.อุดม เผยด้วยว่า วันดังกล่าวจะมีการแสดงละครลิงตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยากทอดพระเนตรด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชประสงค์ว่าอยากจะทอดพระเนตรละครลิงกับผมถึง 2 ครั้ง ทางคณะแพทย์จึงได้ถวายให้ทอดพระเนตรในวันที่เสด็จฯ มาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 5 และสถาบันการแพทย์สยามินทราธิราช โดยได้ติดต่อคณะประกิต ศิษย์พระกาฬ ซึ่งเป็นคณะละครลิงชื่อดังที่เหลืออยู่ในปัจจุบันเพียงคณะเดียว โดยได้ทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ทรงต้องการทอดพระเนตรแบบเป็นเรื่องราวหรือแบบตลกขบขัน พระองค์รับสั่งตอบว่า อยากดูแบบตลกๆ โดยการแสดงละครลิงจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที รวมระยะเวลาที่เสด็จฯทั้งสิ้นประมาณ1ชั่วโมง20นาที”       
       ศ.คลินิก นพ.อุดม กล่าวถึงพระอาการทั่วไปของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยว่า ดีขึ้นตามลำดับ แต่ยังคงต้องทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง ส่วนพระอาการของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เป็นปกติแล้ว ทรงพระดำเนินได้ดีเรียบร้อยไม่มีปัญหาอะไรแล้ว       
2. มือมืด คุกคามสื่อ บุกยิงรถข่าว ASTV 4 คันรวด แถมยิงอาคารสำนักบริหาร ขณะที่กล้องวงจรปิดจับภาพชายต้องสงสัยได้
http://www.manager.co.th/images/blank.gif
       เมื่อเวลาประมาณ 03.25น.ของวันที่ 26 ม.ค. ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่รถข่าว ASTV จำนวน 4 คัน เป็นรถโตโยต้าอัลติสสีบรอนซ์เงิน 2 คัน สีบรอนซ์ทอง 2 คัน โดยจอดอยู่หน้าบ้านเจ้าพระยา ถ.พระอาทิตย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวเครือ ASTV 2 คัน ส่วนอีก 2 คันจอดอยู่บริเวณหน้าสวนสาธารณะสันติชัยปราการ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 15เมตรส่งผลให้รถทั้ง4คันได้รับความเสียหายบริเวณกระจกรถ      
       ทั้งนี้ หลังตำรวจ สน.ชนะสงคราม ได้รับแจ้งเหตุในช่วงเช้า จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้เดินทางมาสังเกตการณ์ด้วย      
       ที่เกิดเหตุ พบรถ ASTV ถูกยิงที่กระจกหน้ารถ 2 คัน คันละ 1 นัด ส่วนอีก 2 คันถูกยิงที่กระจกประตูหน้าฝั่งคนขับ คันละ 1 นัด เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะใช้ปืนลูกโม่ขนาด .22 มม. นอกจากนี้ยังพบว่า กระจกอาคารอนุรักษ์ ซึ่งเป็นสำนักบริหารของASTVถูกกระสุนปืนด้วย2นัด       
       จากการสอบสวน นายรุ่งโรจน์ ขาวประเสริฐ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบ้านเจ้าพระยา ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนได้จัดระเบียบจอดรถข่าวริมถนนชิดฟุตบาธ เนื่องจากที่จอดรถด้านในเต็ม จึงต้องให้รถข่าว 4 คันจอดด้านนอก โดยมีรถของชาวบ้านรวมอยู่ด้วย ซึ่งจอดเป็นปกติทุกวัน ก็ไม่มีปัญหาอะไร กระทั่งเวลาประมาณ 03.25น.ตนจะไปเข้าห้องน้ำ จึงให้เพื่อน รปภ.อีกคนมาอยู่ที่ป้อมหน้าทางเข้าแทน โดยระหว่างเดินไปเข้าห้องน้ำ ได้ยินเสียงคล้ายปืน 4 นัด แต่ไม่ได้เอะใจอะไร เนื่องจากคืนก่อนก็มีเจ้าหน้าที่มาติดตั้งป้ายจราจร กระทั่งออกเวรตอนเช้า ทีมนักข่าวจะเอารถไปทำงานจึงพบว่ารถข่าวถูกยิงได้รับความเสียหาย      
       ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดของบ้านเจ้าพระยา สามารถจับภาพชายต้องสงสัยได้ 1 ราย โดยชายดังกล่าวใส่เสื้อสีดำ กางเกงสีขาว เดินเอื่อยๆ อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามบ้านเจ้าพระยาเมื่อเวลา 03.26 นาที 42 วินาที จากนั้นเวลา 03.26 นาที 52 วินาที กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพรถข่าว ASTV ที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามถูกกระสุนปืนยิงเข้าบริเวณกระจกหน้ารถฝั่งคนขับได้อย่างชัดเจน ต่อมาเวลา 03.28น. ภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพชายคนเดิมเดินผ่านกลับมา แล้วเดินเข้าตรอกข้างบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งตรอกดังกล่าวสามารถทะลุไปยังถนนหลายแห่งในย่านบางลำภู      
       ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บอกว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่คนร้ายยิงรถข่าว ASTV เบื้องต้นยังมองกว้างๆ ทั้งเรื่องความขัดแย้งส่วนตัว การสร้างสถานการณ์ หรือมือที่สาม ส่วนจะเป็นการคุกคามสื่อหรือไม่ ต้องหารือกับทาง ASTV ก่อน “ยืนยันว่า จะทำงานอย่างเต็มที่และจับคนก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ ขณะเดียวกันได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่คลี่คลายคดี พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดของ กทม.อีกหลายตัวในที่เกิดเหตุ เพราะอาจจะเห็นผู้ต้องสงสัยชัดเจนมากกว่านี้ ส่วนอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นขนาด .22 มม. เพราะเป็นปืนขนาดเล็ก สังเกตได้จากรูกระสุน ประกอบกับเสียง พยานที่เป็น รปภ.บอกว่าได้ยินไม่ชัดเจน เสียงค่อนข้างเบา ดัง แป๊ะๆ 4 ครั้ง ส่วนรูกระสุนที่ชั้น 2 ของอาคารก็น่าจะเป็นเหตุการณ์เดียวกัน”        
       ขณะที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกรณีมือมืดบุกยิงรถข่าว ASTV โดยชี้ว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ มุ่งข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย พร้อมเรียกร้องให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเร่งจับกุมคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างในการข่มขู่คุกคามสิทธิเสรีภาพสื่อมวลชน และเพื่อสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยแก่ประชาชนและสังคมไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น