ชาวโรฮิงญา
ขึ้นฝั่งพังงาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเจ้าหน้าที่นำเข้าฝั่ง 110 คน มีทารกอายุ 8 วันด้วย1คน
เมื่อ 30
ม.ค.56
นายมานิต
เพียรทอง นายอำเภอคุระบุรี พร้อมด้วย ร.ต.ท.นิพนธ์ พลอยขาว ผู้บังคับหมวด กองร้อย
ตชด.425 ตะกั่วป่า และเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำพังงา
จำนวน 20 นาย เดินทางไปรับตัวชาวโรฮิงญาที่เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวไว้ที่หมู่เกาะสุรินทร์ มีจำนวน 110 คน เป็นผู้ชาย 69 คน หญิง 20 คนเด็กชาย
16 คน เด็กหญิง 5 คน พบหญิงมีครรภ์ 2
คน ผู้ป่วยจำนวน 11 คน
ทั้งหมดได้หลบหนีขึ้นฝั่งที่ท่าเรือหมู่เกาะสุรินทร์
อ.คุระบุรี จากนั้นชาวโรฮิงญา ทั้งหมดได้หนีไปขึ้นบนเกาะสุรินทร์ โดยไม่มีเรือแม้แต่ลำเดียว
ซึ่งสร้างความสงสัยให้แก่เจ้าหน้าที่ชุดที่มารับตัวไว้
คาดว่าอาจจะมีกลุ่มหวังผลประโยชน์ที่เป็นนายหน้าลักลอบนำชาวโรฮิงญาทั้งหมดมาปล่อยขึ้นฝั่งบนเกาะสุรินทร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ใน
อำเภอคุระบุรี เข้าไปรับตัวมาดูแลอย่างดีเหมือนกับครั้งที่ผ่านๆมา
เมื่อเรือที่บรรทุกชาวโรฮิงญาเทียบท่าเรือที่ทำการหมู่เกาะสุรินทร์ ชายฝั่งอำเภอคุระบุรี
ได้มีประชาชนชาวมุสลิม จำนวนมากนำอาหารน้ำดื่ม มาแจกให้
ทั้งนี้
ได้พบเห็นภาพ ของ หญิงสาวชาวโรฮิงญา อายุ 25 ปี อุ้มทารกวัย 8 วัน
อยู่ในอ้อมอกเดินขึ้นจากเรือโซชัด โซเซ เจ้าหน้าที่ช่วยประคองร่างขึ้นรถทันที
โดยเพื่อนที่มาด้วยกันเปิดเผยผ่านล่ามว่า
ผู้หญิงคนนี้ได้ออกเดินทางมากับเรือขณะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที และเมื่อวันที่ 23
ม.ค.ที่ผ่านมา เธอได้ปวดท้อง
เพื่อนๆช่วยกันทำคลอดบนเรือและได้ทำการรักษาตามประสาคน พเนจร
จนลูกเริ่มป่วยเป็นแผลตามร่างกาย
จากนั้นแพทย์
รพ.คุระบุรีชัยพัฒน์ ตรวจเช็คร่างกายเบื้องต้น รีบนำตัวเข้ารักษาใน
รพ.โดยด่วนทันที และจะได้นำตัวไปอาบน้ำจืด
เนื่องจากที่ผ่านมาหลังคลอดไม่ได้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเลย
จากนั้นเจ้าหน้าตำรวจสภ.คุระบุรี ก็รับตัวชาวโรฮิงญาทั้งหมดไปทำประวัติ พร้อมควบคุมตัวไว้และจะส่งตัวไปยัง
ที่ทำการตรวจคนเข้าเมืองในวันพรุ่งนี้(31 มกราคม 2555)
สุรพงษ์แจงกมธ.มั่นคงแห่งรัฐสู้เต็มที่คดีพระวิหาร
วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556 เวลา 18:00:56 น.
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่รัฐสภา
คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี นพ.เหวง โตจิราการ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคนที่ 1 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาศึกษากรณีศาลอาญาระหว่างประเทศ
(ศาลโลก) จะมีการพิจารณาคำร้องของกัมพูชาเกี่ยวกับข้อพิพาทบริเวณปราสาทพระวิหารในเดือนเมษายน
2556 โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางมาชี้แจงด้วยตัวเอง
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทีมกฎหมายของไทยได้เตรียมเนื้อหาในการสู้คดีไว้พร้อมแล้ว แต่บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะอาจกระทบกับรูปคดี โดยทีมทนายความแบ่งออกเป็น 3 ทีม และมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรึกษาด้านข้อกฎหมาย ทำหน้าที่กำกับดูแลอีกครั้ง นอกจากนี้ นายพงศ์เทพจะพาทีมกฎหมายและสื่อมวลชนเดินทางไปพูดคุยกับทีมกฎหมายต่างประเทศที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ส่วนรายละเอียดและขั้นตอนการต่อสู้ทางคดีนั้นต้องรอให้ศาลอนุญาตก่อนจึงจะสามารถนำมาเปิดเผยได้ กรณีที่ตนเคยออกมาระบุว่าประเทศไทยจะมีแต่เจ๊ากับเจ๊งนั้น ตนเป็นคนพูดตรงก็วิเคราะห์ไปตามข้อกฎหมายใน 4 แนวทางคือ 1.ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง 2.ศาลมีคำสั่งพิพากษายืนตามคำพิพากษาเมื่อปี 2505 3.ศาลตัดสินตามที่กัมพูชาร้องขอ และ 4.ประเทศไทยอาจสูญเสียดินแดนบางส่วนไป ส่วนตัวยอมรับว่าปากไวไปหน่อย แต่ยืนยันว่าประเทศไทยจะสู้อย่างเต็มที่เพราะรู้ดีว่าคนไทยรักและหวงแหนทรัพย์สมบัติที่เป็นของประเทศไทย
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ทีมกฎหมายของไทยได้เตรียมเนื้อหาในการสู้คดีไว้พร้อมแล้ว แต่บางเรื่องไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะอาจกระทบกับรูปคดี โดยทีมทนายความแบ่งออกเป็น 3 ทีม และมีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ปรึกษาด้านข้อกฎหมาย ทำหน้าที่กำกับดูแลอีกครั้ง นอกจากนี้ นายพงศ์เทพจะพาทีมกฎหมายและสื่อมวลชนเดินทางไปพูดคุยกับทีมกฎหมายต่างประเทศที่ประเทศอังกฤษ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ส่วนรายละเอียดและขั้นตอนการต่อสู้ทางคดีนั้นต้องรอให้ศาลอนุญาตก่อนจึงจะสามารถนำมาเปิดเผยได้ กรณีที่ตนเคยออกมาระบุว่าประเทศไทยจะมีแต่เจ๊ากับเจ๊งนั้น ตนเป็นคนพูดตรงก็วิเคราะห์ไปตามข้อกฎหมายใน 4 แนวทางคือ 1.ศาลมีคำสั่งยกฟ้อง 2.ศาลมีคำสั่งพิพากษายืนตามคำพิพากษาเมื่อปี 2505 3.ศาลตัดสินตามที่กัมพูชาร้องขอ และ 4.ประเทศไทยอาจสูญเสียดินแดนบางส่วนไป ส่วนตัวยอมรับว่าปากไวไปหน่อย แต่ยืนยันว่าประเทศไทยจะสู้อย่างเต็มที่เพราะรู้ดีว่าคนไทยรักและหวงแหนทรัพย์สมบัติที่เป็นของประเทศไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยัน กระทรวงการต่างประเทศ
ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา กรณีละเมิด MOU 43 แล้ว
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยืนยันว่า กระทรวงการต่างประเทศ
ได้มีการประท้วงทางกัมพูชา ที่ละเมิด MOU 43 โดยมีการปล่อยให้สร้างกระท่อมในพื้นที่ข้อพิพาทปราสาทเขาพระวิหารแล้ว
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ นายสุรพงษ์
โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
นำถ้อยแถลงของ สมเด็จ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา
ซึ่งโจมตีรัฐบาลชุดที่แล้วมาแถลงนั้น คงเป็นแค่การนำเสนอข้อเท็จจริง
และเชื่อว่าไม่ส่งผลกระทบต่อการพิจารณาคดีดังกล่าว ที่อยู่ในการพิจารณาของศาลโลกแต่อย่างใด
เพราะไม่เกี่ยวข้องกัน
อย่างไรก็ตาม
ส่วนตัวไม่อยากให้มองประเด็นดังกล่าวในแง่ร้ายมากเกินไป
ครูในพื้นที่เสี่ยงของ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขอย้ายออกจากพื้นที่แล้ว 8 ราย หลังสถานการณ์ใต้เกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
ครูในพื้นที่เสี่ยงของ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ขอย้ายออกจากพื้นที่แล้ว 8 ราย หลังสถานการณ์ใต้เกิดเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง
วันนี้ (30 ม.ค 56) หลังเกิดเหตุการณ์ความรุนแรงและไม่สงบอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
โดยเฉพาะเหตุรุนแรงที่ครูตกเป็นเป้าหมายของเหตุการณ์ความไม่สงบ ล่าสุด ในพื้นที่
อ.บันนังสตา จ.ยะลา
ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมาอย่างต่อเนื่อง
พบว่า มีข้าราชการครูในพื้นที่เสี่ยง
ได้แจ้งความประสงค์ต่อสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษายะลาเขต 2 เพื่อขอย้ายออกจากพื้นที่แล้วจำนวน 8 ราย
นายพิศณุ ดิเรกกุล
รองผู้อำนวยการรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษายะลาเขต 2 ได้เปิดเผยว่า
ที่ผ่านมา การดูแลรักษาความปลอดภัย ตามมาตการที่ได้กำหนดไว้กับฝ่ายกำลัง
ถือว่าผลการปฏิบัติอยู่ในขั้นที่พึงพอใจในระดับหนึ่ง
โดยมีการประสานงานกันอย่างต่อเนื่องทางระบบการสื่อสาร
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความเข้าใจในการปฏิบัติร่วมกัน และขณะนี้ต้องยอมรับว่า
ขวัญกำลังใจของครูในพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงนั้น ลดลงอย่างมาก
และส่งผลกระทบต่อระบบการเรียนการสอน
อย่างไรก็ตามตนเองอยากจะวิงวอนให้ผู้ที่ก่อเหตุยุติการกระทำ
เพราะความรุนแรงไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น
ควรที่จะหันหน้ามาเจรจากันเพื่อยุติความรุนแรงในพื้นที่
ซึ่งขณะนี้มีครูในพื้นที่เสี่ยงของ อ.บันนังสตา จ.ยะลา จำนวน 8 ราย ที่ได้แจ้งความประสงค์ต่อสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษายะลาเขต 2
เพื่อขอย้ายออกจากพื้นที่ เนื่องจากความหวาดกลัวต่อเหตุการณ์
โดยทางสำนักงานเขตพื้นที่การประถมศึกษายะลาเขต 2 ได้พิจารณาครูในพื้นที่เสี่ยง
ดำเนินการให้มีการโยกย้ายไปสอนที่โรงเรียน ที่มีความปลอดภัยแล้ว
คณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามประจำประเทศไทย
กำหนดเดินทางเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
คณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามประจำประเทศไทย
กำหนดเดินทางเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อรับทราบความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวว่า ได้รับการประสานจาก
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ว่ามีกำหนดนำคณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามประจำประเทศไทย
เดินทางเยี่ยมพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 31 มกราคม
2556 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อได้รับทราบข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่
รวมถึงความคืบหน้าในการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งการเยือนพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามประจำประเทศไทย
เป็นส่วนหนึ่งของการประชาสัมพันธ์เชิงรุกซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้และการดำเนินงานของรัฐบาล
พร้อมยังเยี่ยมชมสถานีวิทยุมลายูท้องถิ่น
เพื่อนำเสนอข้อมูลและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับมาตรการด้านการพัฒนาซึ่งสอดคล้องกับอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชน
เลขาธิการ ศอ.บต. กล่าวอีกว่า ในโอกาสนี้
ศอ.บต.จะได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายด้านการพัฒนาที่สอดคล้องกับอัตลักษณ์และวิถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ยุทธศาสตร์การพัฒนา การเยี่ยวยาฟื้นฟูผู้ได้รับผลกระทบการสถานการณ์ความไม่สงบ
การส่งเสริมการศึกษา ศาสนา วัฒนธรรม
สำหรับกำหนดการเดินทางเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ของคณะเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลามประจำประเทศไทย
จะได้เดินทางไปเยี่ยมชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี เพื่อพบปะอิหม่ามประจำมัสยิด
และผู้นำศาสนาในพื้นที่ พร้อมเยี่ยมชมความสวยงามและวิถีของประชาชนในพื้นที่จังหวัดปัตตานี
จากนั้นเดินทางไปยังค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี
เพื่อพบปะหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้บริหาร หน่วยงานภาครัฐ
เกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความเข้าใจทางด้านภาษามลายู
จากนั้นจะเดินทางต่อไปยังโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับการเรียนการสอนของโรงเรียน
โดยมุ่งเน้นภาษาอังกฤษ และเยี่ยมชมนิทรรศการของนักเรียน
ต่อจากนั้นจะเดินทางมายังศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้
เพื่อพูดคุยเรื่องยุทธศาสตร์การพัฒนา การเยียวยาฟื้นฟู การส่งเสริมการศึกษา
ศาสนา วัฒนธรรม ภาษามลายู ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
และแนะแนวทางการทำงานของสื่อวิทยุภาษามลายู และยจะเดินทางไปยังอุทยานการเรียนรู้
หรือ TK
Park ยะลา โดยมีน้องๆยุวทูต TK Park นำคณะเยี่ยมชมภายในอุทยานการเรียนรู้
โดยสามารถใช้ได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาอาหรับ
จากนั้นเดินทางเยี่ยมชมความงามของมัสยิดกลางจังหวัดสงขลา
และเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น