วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าวที่น่าสนใจ เมื่อ 30 ม.ค.56




สรุปข่าวที่น่าสนใจ
จับร้านอาหารดังค้าสัตว์ป่าแฉซื้อจากกู้ภัยฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่  29 ม.ค.  ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.)  พล.ต.ต.นรศักดิ์  เหมนิธิ  ผบก.ปทส. และหัวหน้าชุด บก.ปทส. ร่วมกันแถลงผลจับกุมน.ส.อุษา  ผู้ผยอม  อายุ 36 ปี พร้อมของกลาง งูหลาม และ งูเหลือม29 ตัว ตะพาบ 13 ตัว เต่า22 ตัว กะโหลกเสือไม่ทราบชนิด 2 กะโหลก  ซากงูหลาม1 ซาก รวมมูลค่าของกลางประมาณ 2.5 แสนบาท โดยเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า มีการลักลอบค้าสัตว์ป่าภายในร้านอาการแม่เบี้ย  หน้าหมู่บ้านเจริญทรัพย์ ซ.เจริญพัฒนา 4 ซ.รามอินทรา 117 (ซอยกีบหมู) เขตคลองสามวา จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพบว่าน.ส.อุษา ไม่มีใบอนุญาตค้าและครอบครอง จึงควบคุมตัวและยึดสัตว์ป่าของกลางทันที จากการสอบสวนเบื้องต้น สัตว์ที่ยึดมาบางส่วน ยังมีผู้มาขอซื้อไปปล่อยเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ตามความเชื่ออีกด้วยนอกจากนี้ ยังทราบจากผู้ต้องหาว่าบางครั้งจะมีคนขับรถกระบะมาขอซื้อตะพาบน้ำ อ้างว่าจะนำไปส่งขายไปยังประเทศจีน ปรุงเป็นอาหารบำรุงกำลัง ขณะที่ น.ส.อุษา ให้การรับสารภาพว่า เป็นเจ้าของร้านและรับซื้อสัตว์ป่าชนิดต่างๆจากผู้ที่นำมาขาย  โดยสัตว์ที่รับซื้อมาส่วนใหญ่จะประกอบอาหารให้ลูกค้า แต่ถ้ามีคนมาซื้อไปปล่อย ทำบุญ หรือสะเดาะเคราะห์ จะขายให้อีกทอด  อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา น.ส.อุษามีความผิดฐานค้าและมีไว้ครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครอง ซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  30/01/2013
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อค่ำวันที่ 29 ม.ค. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์เรื่องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาประทับ ณ โรงพยาบาลศิริราช ฉบับที่ 59 ความว่า  วันนี้คณะแพทย์ผู้ถวายการรักษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้รายงานว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระปรอทต่ำในบางช่วง มาเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ เสวยได้น้อยลง และทรงมีพระอาการอ่อนเพลีย คณะแพทย์จึงได้ถวายตรวจพระวรกายทุกวัน ปรากฏว่าเป็นปกติ ผลการตรวจพระบังคนเบาและพระบังคนหนักเป็นปกติ  ต่อมาในช่วงเช้าวันนี้  ทรงมีพระอาการเจ็บพระชานุ (เข่า)เมื่อเคลื่อนไหว แพทย์ได้ถวายตรวจและพบว่าพระชานุ (เข่า) ทั้งสองข้างบวมอักเสบได้ขอพระราชทานตรวจพระโลหิตเพื่อหาสาเหตุของพระอาการผิดปกติดังกล่าว ผลการตรวจพระโลหิต ไม่ได้แสดงว่ามีการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย จึงได้ถวายพระโอสถเสวยรักษาการอักเสบของพระชานุ (เข่า)บรรทมได้ แต่ยังเสวยพระกระยาหารได้น้อยกว่าปกติ และยังทรงมีพระอาการอ่อนเพลีย คณะแพทย์ฯ จึงได้ขอพระราชทานกราบบังคมทูลฯขอให้ทรงงดพระราชกิจสักระยะหนึ่งก่อน จึงประกาศมาให้ทราบโดยทั่วกัน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  30/01/2013
จับ “เจ๊หมู” แม่เล้าลวงเด็ก 12 ค้ากาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ต.ชวลิต  แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. พ.ต.อ.ศรีศักดิ์  คัมภีรญาณ ผกก.4 บก.ปคม. แถลงข่าวจับนางทรงศรี  หรือ เจ๊หมู  กลองประยุทธ อายุ 41 ปี ชาวจ.นครสวรรค์ ในความผิดฐานค้ามนุษย์ รวบตัวได้ที่บริเวณโรงแรมสวีทโฮม รีสอร์ท อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
พล.ต.ต.ชวลิต  แสวงพืชน์ ผบก.ปคม. กล่าวว่า  ผู้ต้องหาเป็นที่รู้จักกันใน จ.นครสวรรค์ ชื่อ “เจ๊หมู” มีวงดนตรีรับจัดการแสดงในงานต่างๆทำตัวเป็นนายหน้าชักชวนหญิงสาวมาค้าประเวณี จึงวางแผลล่อซื้อบริการ ติดต่อให้พา ด.ญ.เอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี และน.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 17 ปี มาส่งราคาคนละ 2,500 บาทนัดกันที่โรงแรมดังกล่าว เมื่อผู้ต้องหานำเด็กมาจึงแสดงตัวเข้าจับกุม สอบสวนนางทรงศรี ให้การรับสารภาพว่าเป็นความสมัครใจของเด็ก ไม่ได้หลอกลวงหรือบังคับ ซึ่งตนทำหน้าที่เพียงแนะนำให้รู้จักกับลูกค้าที่ต้องการซื้อบริการเท่านั้น
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่  30/01/2013
สภ.ใช้ส้วมแทนห้องขังยืมศาลเจ้าเป็นที่ประชุมตำรวจ
พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย  โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวเมื่อวันที่ 29 ม.ค. ถึงกรณีการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) 396 แห่ง วงเงิน 5,848 ล้านบาท ที่มีปัญหาล่าช้า เนื่องจากผู้รับเหมาทิ้งงาน ว่า  วันที่ 30 ม.ค.นี้ เป็นวันครบกำหนดที่ พล.ต.อ.วรพงษ์  ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้แต่ละหน่วยส่งรายงานข้อมูลความล่าช้าของการก่อสร้างสถานีตำรวจมาให้พิจารณา โดยเดิมกำหนดให้ส่งเพียงรายงานเอกสารหลักฐาน แต่ล่าสุดมีคำสั่งใหม่ ให้ผู้บังคับการอำนวยการ (ผบก.อก.) ของแต่ละกองบัญชาการ (บช.) นำเอกสารข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงด้วยตนเอง ซึ่งมีแนวโน้มถึงร้อยละ 99.99 ว่าจะต้องยกเลิกสัญญา เนื่องจากผู้รับเหมาเป็นฝ่ายผิดสัญญาค่อนข้างชัดเจน
พล.ต.อ.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  กล่าวถึงปัญหาการก่อสร้างโรงพักใหม่ 396 แห่ง ว่า การจะยกเลิกสัญญาหรือไม่ ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนทั้งในแง่ข้อกฎหมาย ระยะเวลาการส่งมอบงานในแต่ละงวด เงื่อนไขในสัญญา  ต้องพิจารณาข้อเท็จจริงทุกด้าน ทั้งนี้หากมีการยกเลิกสัญญา แนวทางการกระจายอำนาจให้แต่ละหน่วยไปดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างเองก็เป็นแนวทางที่มองไว้ โดยต้องพิจารณาว่า จะกระจายอำนาจไประดับใด อาจให้ทำสัญญารายจังหวัด หรือเป็นายกองบัญชาการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.ระยอง  มีการก่อสร้างโรงพักใหม่ตามโคงการ 4 แห่ง คือ สภ.เมืองระยอง สภ.มาบตาพุด สภ.บ้างฉาง และสภ.หนองกรับ ซึ่งทั้งหมดถูกผู้รับเหมาทิ้งงานเหมือนกัน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  30/01/2013
จูดี้โชว์นโยบาย 8 ข้อ
ร.ท.หญิง สุณิสา  เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย  ในฐานะรองโฆษกศูนย์ประสานงานสื่อมวลชน  ศูนย์อำนวยการการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.  กล่าวว่า  วันที่  30 ม.ค. เวลา 16.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย จะเปิดชุดนโยบายเฟสแรก โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้แถลงนโยบาย8 ข้อ ในที่ประชุม ส.ส. ส.ก., ส.ข. ประมาณ 400 คนเข้าฟังเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนในแต่ละพื้นที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นโยบาย 8 ข้อ อาทิ 1. ซื้อสินค้าราคาถูก ลดหนี้นอกระบบ ใช้กองทุนชุมชนเมือง ลดรายจ่ายสร้างรายได้ 2. วางโครงข่ายจราจรและระบบขนส่งมวลชนใหม่คืนเวลาให้ภาคธุรกิจ คืนความสุขให้ครอบครัว 3. แก้ปัญหาอาชญากรรมอัคคีภัย เฝ้าระวังความปลอดภัย 24 ชั่วโมง 4.ขจัดยาเสพติดให้หมดไปจากชุมชนคืนลูกหลานให้พ่อแม่  5.บริหารจัดการน้ำไม่ท่วม ไม่เอ่อ ไม่ขัง ท่อไม่ตัน อีกต่อไป  6. ขยะหน้าบ้านเก็บทั้งวัน  กทม.สะอาดสดใสไร้มลพิษ 7.ทางเลียบริมเจ้าพระยาให้คน กทม. ขี่จักรยาน เดิน วิ่ง เพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และ 8. จัดทางเท้าใหม่ สวนสาธารณะใหม่ สายไฟฟ้าลงดิน สร้างกรีน ซิตี้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์มติชน วันที่  30/01/2013
พิษกทม.ขวาง “จูดี้” ปลัดเฉ่งชายหมูปัดไม่เกี่ยว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร  ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 16 พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ของศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง ไม่อนุญาตให้พล.ต.อ.พงศพัศเข้าหาเสียงนั้น ว่า  เวลาตนไปหาเสียงในสถานที่ราชการจะทำหนังสือถึงปลัดทุกครั้ง ไม่ใช่เดินไปขอเจ้าหน้าที่ระดับล่าง สาเหตุที่ลาออกก่อนหมดวาระก็เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น เพราะหากอยู่ในตำแหน่งอาจถูกมองว่าใช้อำนาจหน้าที่ ดังนั้น ช่วยไม่ได้ที่เจ้าหน้าที่รักและเคารพตน อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่เดินเข้าไปในสถานที่ราชการโดยพลการ และไม่เคยสั่งไม่ให้เข้าไปหาเสียงในที่ราชการด้วย ทุกคนมีสิทธิเข้าไปหาเสียงในที่ราชการ แต่ต้องทำให้ถูกต้องและขอร้องอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่
พล.ต.อ.พงศพัศ  พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 9 พรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงเหตุการณ์ที่ถูกห้ามไม่ให้เข้าไปหาเสียงในศูนย์บริการสาธารณสุข 4 ดินแดง โดยอ้างเป็นสถานที่ราชการ ว่า ตนไม่ติดใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่เข้าใจกันได้ จากนี้จะเดินหน้าหาเสียงต่อไป และจะทำหนังสือถึงปลัด กทม.แจ้งให้ทราบก่อนล่วงหน้าในการขออนุญาตเข้าหาเสียงในสถานที่เปิดของกทม.ก่อนต่อไป ส่วนพื้นที่ปิดอย่างเขตทหารได้ทำหนังสือขออนุญาตไปก่อนหน้านี้แล้ว
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  30/01/2013
แดงยื่น “ปู” บุกทำเนียบ – นิรโทษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่หมุดคณะราษฎร บริเวณลานพระรูปทรงม้า ประชาชนกว่า 6,000 คน และพระสงฆ์ 50 รูป ร่วมชุมนุมในนาม “แนวร่วม 29 มกรา ปลดปล่อยนักโทษการเมือง” โดยมีน.ส.สุดา รังกุพันธุ์ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นางสุดสงวน สุธีสร อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะแกนนำกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล นางดารณี กฤตบุญญาลัย แกนนำศูนย์ประสานงานเพื่อประชาธิปไตย และไม้หนึ่ง ก.กุนที กวีนักเขียน ชื่อดัง เป็นแกนนำการชุมนุม ท่ามกลางการดูแลความปลอดภัยของตำรวจกว่า 800 นาย โดยผู้ชุมนุมชูป้ายข้อความเกี่ยวกับนิรโทษกรรมนักโทษการเมือง คำขวัญ 29 มกรา หมื่นปลดปล่อย เป็นภาษาไทยและต่างประเทศ พร้อมกับชูธงแดงและทำพิธีเคารพผู้อภิวัฒน์สยาม พ.ศ.2475 ที่หมุดคณะราษฎร ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นร่างรัฐธรรม นูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและขจัดความขัดแย้ง ฉบับนิติราษฎร์ แก่คณะรัฐมนตรี โดยมีร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีเป็นตัวแทนรัฐบาลออกมารับร่างดังกล่าว
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  30/01/2013
โวยสร้างแฟลตตร. – ทับ “กำแพงโบราณ”
ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” รายงานว่า   เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในจังหวัดปราจีนบุรีว่า ขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี (บก.ภ.จว.ปราจีนบุรี) มีโครงการสร้างแฟลตบ้านพักตำรวจแห่งใหม่ ทับแนวคูเมืองและแนวกำแพงเมืองปราจีนบุรีโบราณที่ก่อสร้างตั้งแต่ปีพ.ศ.2410 ตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอม เกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู ปัจจุบันชาวบ้านบางส่วนเห็นว่า แนวกำแพงบางจุดยังมีสภาพดีอยู่ จึงควรอนุรักษ์เอาไว้เป็นโบราณสถานของจังหวัดปราจีนบุรีเพื่อให้ลูกหลานได้เรียนรู้ พร้อมกับทำเรื่องร้องเรียนให้สำนักศิลปากรที่ 5 ปราจีนบุรี ตรวจสอบและเร่งขุดฟื้นฟูคูเมืองกำแพงเมืองปราจีนบุรีตั้งแต่ช่วงเดือนพ.ค.2555 กระทั่งมีมติให้ย้ายพื้นที่ก่อสร้างแฟลตบก.ภ.จว.ปราจีนบุรีไปยังศูนย์ราชการจังหวัด แต่ล่าสุดกลับพบว่ายังคงก่อสร้างอยู่เช่นเดิม
ด้านพล.ต.ต.อัครชัย พงษ์ศิริ ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี มอบหมายให้พ.ต.อ.ไชยยศ จินดาทอง รองผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี กล่าวชี้แจงว่า โครงการสร้างแฟลตบ้านพักตำรวจแห่งใหม่นั้น สร้างบนที่ดินของกระทรวงการคลังที่ออกให้ตั้งแต่ 15 มิ.ย.2481 เป็นพื้นที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมศิลปากร ต่อมากรมศิลปากรอนุญาตให้ราชการตำรวจใช้ที่ดินก่อสร้างอาคารและบ้านพักของบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี และสภ.เมืองปราจีนบุรีได้ ตามหนังสือกรมศิลปากรที่ศธ.0704/1947 ลง วันที่ 20 เม.ย.2521 หรือโฉนดที่ดิน น.ส.4 ง. เลขที่ 3830 เล่ม 39 หน้า 30 อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ดังนั้นจึงเดินหน้าการก่อสร้าง
ด้านนายวิเศษ เพชรประดับ ผอ.สำนักงานศิลปากรที่ 5 จ.ปราจีนบุรี กล่าวถึงการขุดค้นกำแพงโบราณและการสร้างแฟลตตำรวจทับลงไป ว่า เราเตรียมเข้าหารือกับผบก.ภ.จว. และรองผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ถึงแนวทางบริหารจัดการ หากการก่อสร้างบ้านพักตำรวจอยู่ในเขตโบราณสถานจะทำหนังสือถึงอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งแนวกำแพงดังกล่าวยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งชาติ แต่มีความสำคัญและโดดเด่น เพราะฉะนั้นจะขึ้นทะเบียนหรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นโบราณสถาน แต่ขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน คาดว่าน่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 วัน คงชัดเจน
ด้านนายสหวัฒน์ แน่นหนา อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว ตนยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดเพิ่มเติม คงต้องรอสำนักศิลปากรที่ 5 ทำหนังสือมาถึงก่อน หากการก่อสร้างบ้านพักตำรวจอยู่ในแนวกำแพงเมืองก็ต้องได้รับอนุญาตจากกรมศิลปากร โดยจะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบและปรับพื้นที่ให้เหมาะสม ไม่รุกล้ำโบราณสถาน ทั้งนี้ การอนุญาตใช้พื้นที่ กรมศิลป์จะต้องแจ้งกรมธนารักษ์ทราบด้วย เพราะว่าที่ดินแนวกำแพงเมืองส่วนใหญ่เป็นของกรมธนารักษ์ ซึ่งมอบหมายให้กรมศิลป์ใช้ประโยชน์ในการหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่หากก่อสร้างโดยไม่แจ้ง จะมีความผิดตามมาตรา 10 ของพ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ.2540
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์ข่าวสด  วันที่  30/01/2013
ร.ต.อ.ปืนโหดยิง ด.ต.ดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  วันที่ 29 ม.ค. พล.ต.ต.เกียรติพงษ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมเกียรติ์ แก้วมุข รอง ผบก. เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุคดีตำรวจยิงตำรวจเสียชีวิตที่บ้านพักข้าราชการตำรวจ สภ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อสอบถามรายละเอียดที่เกิดขึ้น  สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 28 ม.ค.ที่ผ่านมา มีเหตุตำรวจยิงกันมีผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือด.ต.สมชาย วุฒิจินดา อายุ 39 ปี พนักงานวิทยุสื่อสาร สภ.พนม ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. เข้าที่บริเวณร่างกายหลายแห่งเสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลพนม ส่วนมือปืนผู้ก่อเหตุคือ ร.ต.อ.กฤติโชค มีหมื่นพล อายุ 45 ปี รอง สว.สส.สภ.พนมหลังก่อเหตุได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนทันที
พล.ต.ต.เกียรติพงษ์ ขาวสำอางค์ ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทั้งคู่เคยมีปัญหากันมาก่อน และได้สั่งลงโทษทางวินัยและสั่งขังด.ต.สมชาย เป็นเวลา 3 วันฐานที่ก้าวร้าวผู้บังคับบัญชา เมื่อ 10 กว่าวันที่ผ่านมา และคิดว่าเรื่องจะจบแล้ว ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น ทั้งนี้ต่อไปคงต้องเน้นเรื่องความสามัคคีให้มากขึ้น สำหรับในส่วนของทางคดีทางพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหากับ ร.ต.อ.กฤติโชค ในข้อหาฆ่าผู้อื่น
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์  วันที่  30/01/2013
พม่าส่งเงินกลับ 3.7 หมื่นล.
น.ส.เปรมใจ  วังศิริไพศาล  นักวิชาการศูนย์วิจัยการย้ายถิ่นแห่งเอเชีย  สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวในการสัมมนาวิชาการสถาบันเอเชียศึกษา ปี 2555 “จากน่านทะเลอันดามันถึงทะเลจีนใต้ : เอเชียกับก้าวย่างของประเทศไทย” ว่า  ตนได้ทำวิจัยเรื่อง “เมื่อพม่าเปลี่ยนแปลง ฤาแรงงานพม่าในไทยจะคืนถิ่น?” โดยในช่วงเดือน ก.ค. – ส.ค. 2555 ได้สำรวจความคิดเห็นแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในไทยอย่างถูกกฎหมายและผิดกฎหมายทั้งชายและหญิงอายุ 18-35 ปี รวม 204 คนที่ทำงานด้านเกษตรกรรม  ประมงต่อเนื่อง บริการทั่วไปและโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ อ.พบพระ จ.ตาก  จ.สมุทรสาครและกรุงเทพฯเป็นเวลาตั้งแต่ 1 ปี และเกิน 5 ปี พบว่าร้อยละ 30 มีรายได้มากกว่าเดือนละ 10,000 บาทร้อยละ 46 รายได้ 5,000 – 10,000 บาทและร้อยละ 24 รายได้ต่ำกว่าเดือนละ 5,000 บาท แรงงานพม่าจำนวน 204 คนเกินร้อยละ50 ส่งเงินกลับไปให้ครอบครัวที่ประเทศพม่าปีละ 10,000 บาททำให้ครอบครัวที่พม่ามีเงินใช้จ่าย หากคิดจากจำนวนแรงงานพม่าที่ทำงานอยู่ในไทยโดยถูกกฎหมายกว่า 1 ล้านคนแล้ว ประเมินได้ว่าจะมีวงเงินส่งกลับพม่าทั้งหมดอยู่ระหว่างปีละ 7,400 – 37,400 ล้านบาทต่อปี ถ้ารวมเงินส่งกลับพม่าในส่วนของแรงงานพม่าที่เข้ามาทำงานในไทยโดยผิดกฎหมาย ซึ่งมีอีกกว่า 2 ล้านคน คาดว่าวงเงินจะสูงกว่านี้อีกมาก
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  30/01/2013
เตือนฟองสบู่ “หุ้น – อสังหาฯ”
นายประสาร  ไตรรัตน์วรกุล  ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า  ธปท.อยู่ในฐานะต้องเฝ้าระวัง เพราะมีความเป็นไปได้ที่เงินทุนจากต่างประเทศซึ่งไหลเข้ามาลงทุน อาจก่อให้เกิดปัญหาฟองสบู่ในบางตลาดได้ ขณะที่ดอกเบี้ยยังอยู่ระดับต่ำ เงินบางส่วนอาจไหลเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น แม้ขณะนี้จะยังไม่มีความเสี่ยงใดที่น่ากังวลแต่เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  วันที่  30/01/2013
พลิกกู้เอสเอ็มอี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 29 ม.ค. มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) โดยมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล   รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เป็นประธาน และมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง เป็นที่ปรึกษา นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นรองประธานคนที่ 1 และ ม.ร.ว.พงษ์สวัสดิ์  สวัสดิ์วัตน์ อดีต รมว.อุตสาหกรรม เป็นรองประธานคนที่ 2  หน้าที่ของคณะกรรมการชุดดังกล่าว มีอำนาจในการจัดกรอบการใช้เงิน การจัดงบฉุกเฉินเงินอุดหนุนพิเศษให้กับเอสเอ็มอีเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบ ปรับตัวไม่ทันจากนโยบายปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท รวมทั้งกำหนดแนวทางให้เอสเอ็มอีสามารถขอสินเชื่อจากธนาคารของรัฐและของเอกชนได้
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  30/01/2013
หนุนกู้ 2 ล้านล้าน
นายวีรพงษ์  รามางกูร  ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.)  กล่าวว่า  การที่รัฐบาลออก พ.ร.บ.กู้เงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 2 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะทำให้หนี้สาธารณะต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) เพิ่มขึ้นเป็น 50-70% ก็มองว่าไม่ใช่เรื่องที่อันตราย หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้ต่อเนื่อง มีการเกินดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดเช่นปัจจุบัน
อ่านเพิ่มที่  หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์  วันที่  30/01/2013

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น