วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2556

คอลัมน์: โต๊ข่าวการเมือง: ถอดรหัส '3 ป.' นิรโทษกรรม 'หูทวนลม' กลเหนือเมฆ..แยกสลายมวลชน เมื่อ ๓๐ ม.ค.๕๖



คอลัมน์: โต๊ข่าวการเมือง: ถอดรหัส '3 ป.' นิรโทษกรรม 'หูทวนลม' กลเหนือเมฆ..แยกสลายมวลชน


          ถอดรหัสการเมืองไทย ที่ขยับเข้าสู่"จุดสัมพัทธ์" ในเชิงอำนาจ
          จากที่"ฝ่ายการเมือง" และ "ชนชั้นนำ" เคยเป็น"คู่ขัดแย้ง" กันมาโดยตลอดแต่หลังปรากฏภาพแห่งความชื่นมื่นของ"3 ผู้ทรงอิทธิพล" ในงานเลี้ยงกองทัพบก เมื่อวันที่ 21 มกราคมที่ผ่านมา ก็ทำให้บรรยากาศที่เคยเขม็งเกลียว เริ่มสลายหายไป
          ภาพการเดินเคียงคู่กันของ "พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์" ประธานองค์มนตรีและ"น.ส.ยิ่งลักษณ์ชินวัตร"นายกรัฐมนตรี รวมไปถึง"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" ผู้บัญชาการทหารบก อาจถือได้ว่าเป็น"รหัส" ที่สะท้อนสัมพันธภาพครั้งใหม่ระหว่างฝ่ายการเมืองกองทัพ และ "ชนชั้นนำ"
          ยิ่งทำให้เชื่อว่า"รัฐบาล"มีความพยายามที่จะเปิดประตูไปสู่"ปรองดอง"และสลายความขัดแย้งกับ "ชนชั้นนำ" ที่เกิดขึ้นมาตลอดหลายปีมานี้
          การพบปะของ "แกนอำนาจ" ทั้ง3คนพร้อมกันนี้เกิดขึ้นหลังจาก"ป๋าเปรม"ได้ให้โอวาท"ผู้นำเหล่าทัพ"ที่ตบเท้าเข้าอวยพรปีใหม่โดยมีใจความที่ว่า...
          "ขณะนี้บ้านเมืองของเรามีการแบ่งฝ่ายกันเห็นได้อย่างชัดเจนมูลเหตุคืออะไรก็รู้ๆ กันอยู่ ทำให้มีผลข้างเคียงไปถึงความรักความสามัคคีของคนในชาติเราเป็นข้อจำกัดต่อความสำเร็จโดยมีความเห็นส่วนตัวว่าการที่มีความคิดเห็น ความเชื่อที่แตกต่างกันไม่เป็นอุปสรรคของการดำรงความรัก ความสามัคคีของคนไทยแม้แต่น้อยถ้าคนในชาติมุ่งประสงค์ในสิ่งที่สำคัญที่สุดของประเทศเราคือความสงบสุขความร่มเย็นความสันติและความมั่นคง โดยแท้แน่นอน ความเห็นและความเชื่อที่แตกต่าง จะไม่เป็นสิ่งกีดกันให้คนไทยรู้รักสามัคคีกัน..."
          ด้วยวาทกรรม "สามัคคี..ไม่แตกแยก" ที่ฝากถึง "ลูกป๋า" ในครั้งนั้น ได้ถือเป็นมิติใหม่และเป็นสัญญาณที่เปิดกว้างให้แก่ "ทุกฝ่าย" ได้กลับมาเริ่มต้นกันใหม่"ยิ่งลักษณ์"ในฐานะผู้นำรัฐบาล แม้จะเป็น "น้องสาว" ของ "พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร"ที่เคยเป็น"คู่ขัดแย้ง" กับ"ป๋า"ชนิดที่ว่า"ผีไม่เผา..เงาไม่เหยียบ"แต่เมื่อโอกาสเปิดกว้าง ก็ย่อมเล็งเห็นและหาช่องทาง "ตอบสนอง" เพื่อคลายเกลียว"ในใจ..ป๋า" และสร้างสัมพันธภาพอันดีให้เกิดขึ้น
          ภาพความชื่นมื่นของ"3ป."ที่กอปรไปด้วย "ปู-ประยุทธ์" และ "ป๋าเปรม"ในค่ำคืนดังกล่าวจึงทรงความหมายยิ่งนัก!!!
          แม้จะไม่ได้ส่งผลให้ความขัดแย้งหลักๆ ทางการเมือง จบสิ้นลงไปได้ แต่ก็ถือเป็นการนับหนึ่งที่ปูทางไปสู่"สมานฉันท์"โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญนิรโทษกรรม หรือแนวทางปรองดอง ที่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
          ยิ่งเมื่อ"รัฐบาล"กำลังเผชิญกับปัญหามากมายก็ต้องแก้ปัญหาทั้งหมดอย่างมีเอกภาพ ฉะนั้นความสัมพันธ์ที่ดีกับ"กองทัพ"และผู้ใหญ่อย่าง"ป๋าเปรม"ทั้งในแง่"ภาพลักษณ์"และทั้งใน"แง่เนื้อหา" ก็ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกันเพราะจะช่วยกลบร่องรอยแตกร้าวได้เป็นอย่างดี...!!!
          ในอีกด้านหนึ่งท่าทียิ้มระรื่นเป็น"คนแก่ใจดี" ของ"ป๋า" ในงานเลี้ยงดังกล่าวย่อมบ่งบอกถึงความสัมพันธ์ทางอำนาจที่สามารถลดทอน"ความแตกแยก"จนแทบจะหมดสิ้น
          จะว่าไปแล้วก็พอมองเห็น"สูตร" ที่สัมพันธ์เข้าด้วยกัน จนทำให้เกิด"ปฏิกิริยา"แบบลุกลี้ลุกลนของเหล่า"นักเคลื่อนไหวทางการเมือง"ทั้ง"มวลชน" ในซีกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)หรือแม้แต่แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ตลอดทั้งกองเชียร์คนเสื้อแดง ที่ต่างช็อกไปกับ "ภาพ"สุดแสนชื่นมื่นที่ปรากฏ และยัง"ตีความ"ไกลถึงขั้นว่าเกิดอีเวนต์ "ปรองดอง" ในระดับนำเป็นไปอย่างราบรื่นเพราะมี"เงื่อนไข"ที่สอดประสานเอาไว้อย่างลงตัวกระทั่งมีการคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น เป็น "หนทาง" ที่ระดับบนของแกนอำนาจมีความพยายาม"สลัดเสี้ยนหนามทิ้ง"เพื่อนำไปสู่มิติใหม่ที่ว่า ..."คนไทยไร้เฉดสี"ซึ่งก็มีความเป็นไปได้สูงยิ่งที่"ฝ่ายอำนาจ"จะเดินเกม"แยกสลายมวลชน" เพื่อแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งบางอย่าง...
          ขณะเดียวกันอารมณ์ชื่นมื่นของ"ป๋าเปรม"กับ"หลานปู" ก็ยังบ่งบอกได้อีกว่า ทั้งพันธมิตรฯ และคนเสื้อแดงเริ่มจะหมดความหมายลงไปทุกทีท่ามกลาง "ความเจ็บปวด..ร้าวลึก" ที่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องตกเป็น "เหยื่อสถานการณ์" บนกระดานหมากของ "ชนชั้นนำ" ?!!
          ทั้งนี้ หากทบทวนถึงบทบาททางการเมืองของ "รัฐบาล" ในช่วงเกือบ 2 ปีมานี้ ย่อมจะเห็นภาพเดิมๆ ที่รัฐบาลพยายาม"รักษาระยะ" กับมวลชนเสื้อแดงอาการขบเกลียวที่เกิดขึ้นระหว่าง"คนเสื้อแดง"กับ"คนในพรรคเพื่อไทย"เกิดขึ้นบ่อยในระยะหลังมานี้แม้ว่าขวัญใจแม่ยกอย่าง "เดอะเต้น" ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อจะพยายามไกล่เกลี่ยมุ่งสร้างภาพสมานฉันท์ระหว่าง 2 ฝ่ายมาโดยตลอด พร้อมกับชี้ว่า "...แม้จะเดินกันคนละทิศทาง แต่เป้าหมายนั้นล้วนมีจุดหมายเดียวกัน คือสร้างสรรค์ประชาธิปไตย แล้วจะขัดแย้งกันทำไม"
          ทว่าด้วยเป้าหมายของ"คนเสื้อแดง"อยู่ที่การ"เอาเพื่อนออกจากคุก.." เพราะเกือบ3ปีแล้วที่คนเหล่านี้ถูกคุมขังด้วยข้อหาทางการเมือง แต่ก็ไม่ได้รับอิสรภาพเสียที ทั้งที่ "อำนาจ" ก็ได้เปลี่ยนมือจาก"รัฐบาลประชาธิปัตย์"มาเป็นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยนานแล้วก็ตามกอปรกับ"คนเสื้อแดง"เริ่มคิดต่างและเห็นต่างไปจากรัฐบาลมากขึ้นทำให้เกิด"ศรัทธาถดถอย" อย่างไม่เคยปรากฏ จนเข้าสู่ห้วงอารมณ์ "เหินห่าง" เข้าไปทุกทีโดยข้อเรียกร้องของ"คนเสื้อแดง"หลักๆ แล้ว ก็คือ เร่งทำคลอดร่างนิรโทษกรรม!! เพื่อให้นักโทษการเมืองทุกกลุ่มทุกสีที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำให้ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสรภาพยกเว้นเพียง"แกนนำสีเสื้อ"และ"ผู้นำ"ที่มีอำนาจตัดสินใจกระทำการจะไม่ได้รับอานิสงส์จากกฎหมายร้อนฉบับนี้
          เช่นที่ว่านี้ การเลือกห้วงเวลาในการผลักดัน "โมเดลนิรโทษกรรม"เพื่อหวังช่วยเหลือ"แกนนำ" และ "ผู้ชุมนุม" ในเหตุการณ์นองเลือดเมื่อปี 2553 รอบนี้นั้นด้านหนึ่งเพราะเชื่อมั่นว่าฝ่ายตนเองมี"ขุมกำลัง" มากพอที่จะ "ขยับ" เพื่อต่อรองที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า "เดอะตู่" จตุพรพรหมพันธุ์ หนึ่งในหัวขบวน "เสื้อแดง" ก็พลาดหวังกับ"บำเหน็จ"ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งเก่า ซึ่งก็คาดเดาได้ยากว่า "ครม.ปู 4" จะมีแกนนำเสื้อแดงอยู่ในโผด้วยหรือไม่...
          แต่เหนืออื่นใด "อารมณ์เจ็บปวด"ของ "จตุพร" ก็สะท้อนด้วยปฏิกิริยา"แผ่นเสียงตกร่อง"หลังออกมาเตือนสติ"รัฐบาล"และ "พรรคเพื่อไทย" โดยเอามวลชนเสื้อแดงมาต่อรองให้ปลดปล่อยนักโทษการเมืองออกจากคุก เพราะทุกคนคือ "เหยื่อสถานการณ์" ของฝ่ายการเมือง ที่ไม่ได้มีส่วนได้-เสียกับความขัดแย้งของคนในระดับบน
          "อีกไม่กี่เดือนจะครบรอบ 3 ปีของแนวร่วมที่ถูกควบคุมตัวซึ่งจะเป็นการคุมขังนักโทษการเมืองที่ยาวนานที่สุดของประเทศการเสนอพ.ร.ก.นิรโทษกรรมไม่ใช่ทำเพื่อนปช.เท่านั้นแต่ทำเพื่อประชาชน..."
          สำหรับรัฐบาลยิ่งลักษณ์แล้วการตกอยู่ท่ามกลาง "วงล้อม" จากทั้ง "ฝ่ายปฏิปักษ์" และพวกเดียวกันเองอย่าง"คนเสื้อแดง"ก็ย่อมแตกตื่นอยู่มิใช่น้อยแม้จะมีอำนาจบริหารเต็มมือ หรือคุมสภาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเพียงพอที่จะ "ต่ออายุรัฐบาล" ให้อยู่จนครบเทอมได้อย่างราบรื่น
          เมื่อมีแนวโน้มที่จะเกิด"บ่อนทำลาย"จากทั้งภายใน-ภายนอก"ยิ่งลักษณ์" และ"ผู้มากบารมีในรัฐบาล"ย่อมคิดหาหนทางใหม่เพื่อจัดการ"ปัญหา" ไม่ให้บานปลายหรือส่งผลกระทบต่อรัฐบาลพลันให้รีบต่อท่อร้อยสาย...เชื่อมสัมพันธภาพกับ"กองทัพ"และ"ผู้นำชนชั้นสูง"อย่าง"ป๋า"ทั้งหมดทั้งปวง เป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องลุ้นเหนื่อยในฉากจบ ว่าที่สุดจะเป็นละครการเมืองที่มาแบบ "เหนือเมฆ" ที่นำไปสู่ "เกมกระชับอำนาจ" หรืออาจเป็นได้แค่"นิรโทษกรรม..หูทวนลม"ที่กลายเป็นมวยล้ม"ตุ๋น"คนเสื้อแดงจนเปื่อย?!!--จบ--
          ที่มา: หนังสือพิมพ์สยามธุรกิจ ฉบับวันที่ 30 ม.ค. - 1 ก.พ. 2556--

.....สยามธุรกิจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น