วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2556

หวั่นท่าทีไทยแพ้ซ้ำปี 05 เมื่อ ๒๙ ม.ค.๕๖



หวั่นท่าทีไทยแพ้ซ้ำปี05


          ไทยโพสต์-"มาร์ค" หวั่นท่าทีรัฐบาลไทยเอียงข้างเขมร อาจถูกนำไปใช้ในศาลโลกซ้ำรอยปี 2505 จี้ "ปึ้ง" เปลี่ยนท่าที กระตุกนายกฯ จะเลือกประเทศหรือกัมพูชากับพี่ชาย "ประยุทธ์" ขึงขังหากบุกรุกต้องปะทะกัน แต่สุดท้ายจบบนโต๊ะเจรจา "คำนูณ" คาดผลตัดสินศาลโลกมีแค่เสมอกับเสีย แฉ "วีระ" นอนคุกเขมร ถูกละเมิดสิทธิ์ห้ามเขียนอ่านหนังสือ
          ที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เวลา 10.00 น. วันที่ 28 มกราคม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมเตรียมการเดินทางเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดาแห่งกัมพูชา ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ และมีกำหนดการต้อนรับนายฌอง-มาร์ก เอโรลต์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ที่จะเดินทางมาเยือนไทยอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 4-5 ก.พ.
          นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์เตรียมเดินทางไปประชุมที่กัมพูชา ว่า นายกฯ ควรจะต้องไปเจรจาเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศ ซึ่งอยากให้นายกฯ ตั้งหลักให้ดี เพราะมีการประชุมทีมกฎหมายในการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารไปแล้ว จึงต้องระมัดระวังในเรื่องการวางท่าทีการแถลงข่าว ให้สอดคล้องกับวิธีการต่อสู้คดีของทีมกฎหมายด้วย
          "ขอท้วงติงพฤติกรรมของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ ที่ทำให้เกิดความเสียหายมาก เพราะในขณะนี้ทีมกฎหมายมีแนวทางต่อสู้คดีที่ชัดเจน แต่การสนับสนุนของรัฐบาลยังไม่ชัดเจน และอยากให้รัฐบาลทำมากกว่าพูด เพราะที่ผ่านมา รัฐบาลปล่อยให้รองโฆษกพรรคเพื่อไทยออกมาตั้งคำถามว่า ไทยรุกรานกัมพูชาหรือไม่นั้น เป็นท่าทีที่ไม่เป็นประโยชน์"
          เขาระบุว่า นายกฯ ต้องกำชับคนเหล่านี้ว่า การจะพูดอะไรต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ และตนขอเตือนรัฐบาลอย่าคิดว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญ เพราะในการตัดสินคดีในศาลโลกปี 2505 ที่ไทยแพ้คดี ศาลโลกหยิบยกหลายเหตุการณ์ที่ไทยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้คดี มาใช้เป็นเหตุผลว่าไทยไปยอมรับ ดังนั้น การแสดงท่าทีของคนในรัฐบาลอาจถูกนำไปใช้ในศาลโลกได้
          "นายกฯ จะต้องปรามคนเหล่านี้ และพิจารณาด้วยว่า นายสุรพงษ์ยังเหมาะสมที่จะทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่ เพราะผมเห็นว่าพฤติกรรมของนายสุรพงษ์ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากมีท่าทีสร้างความเสียหายให้ประเทศในการต่อสู้คดี และสิ่งที่พูดไม่ได้เกี่ยวข้องกับฝ่ายค้าน แต่เป็นเรื่องที่ประเทศไทยจะเสียเปรียบ หากยังมีรัฐมนตรีแสดงท่าทีเช่นนี้ เบื้องต้นต้องให้ รมว.ต่างประเทศปรับท่าทีก่อน แต่ถ้ายังไม่ปรับท่าที นายกฯ ก็ต้องดูแลเพราะจะกระทบถึงแนวทางการต่อสู้ ซึ่งนายกฯ จะทำเพียงแค่พูดว่าจะสู้อย่างเต็มที่ไม่ได้ แต่ต้องให้ทุกองคาพยพ ทั้งรัฐบาลและสังคมร่วมกันแสดงท่าทีไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อต่อสู้ให้เกิดความเข้มแข็ง และนายกฯ ต้องทบทวนจุดยืนที่บอกว่า จะไม่ยอมโต้สิ่งที่กัมพูชากล่าวหาประเทศไทยด้วย” นายอภิสิทธิ์กล่าว
          เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ พ.ต.ท.ทักษิณเคยระบุว่าไทยเป็นฝ่ายรุกรานกัมพูชา ก่อนที่จะมีการให้ความเห็นจากนายสุรพงษ์และคนของพรรคเพื่อไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ฝ่ายใคร ต้องเลือกเอา ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณพูดจาอยู่ฝ่ายกัมพูชา นายกฯ ยิ่งลักษณ์ก็ต้องเลือกว่าจะเอาประเทศไทย หรือจะเอากัมพูชากับพี่ชาย เพราะนายกฯ มีหน้าที่ต้องเลือกปกป้องประโยชน์ประเทศไทย และขอเรียกร้องให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำเนินการเช่นนั้น
          ที่กรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลชายแดนเขาพระวิหาร ว่า ทางทหารก็ดำเนินการดูแลมาโดยตลอด แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา สำหรับเส้นเขตแดนที่ชัดเจนนั้นไม่สามารถบุกรุกได้อยู่แล้ว หากมีการบุกรุกก็ต้องพูดคุยหรือต้องมีการปะทะกัน ส่วนบางพื้นที่ที่ยังเป็นข้อพิพาทก็ต้องไปว่ากันตามกระบวนการ ว่าจะไปฟ้องศาลโลกหรือประท้วงก็ว่ากันไป ทางทหารเป็นผู้ปฏิบัติ ซึ่งก็รอรับฟังคำสั่งการปฏิบัติอยู่ ทหารในฐานะที่เป็นกองกำลังดูแลชายแดน เราจะตอบไปตามข้อเท็จจริงที่ปฏิบัติ คงไม่ต้องเป็นเรื่องที่ไปเข้าทางใคร อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ต่อให้มีการบุกรุกหรือปะทะกัน อย่างไรสุดท้ายก็ต้องกลับมาสู่การพูดคุยเจรจา ไม่ว่าจะระดับทวิภาคี พหุภาคี หรือสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ก็ตามใจ
          ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธาน ได้เปิดโอกาสให้สมาชิกหารือก่อนพิจารณาวาระ โดยนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา หารือถึงข้อพิพาทเรื่องปราสาทพระวิหาร ว่า มีการให้ข่าวกันมากว่า คดีปราสาทพระวิหารภาค 2 โอกาสที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) จะชี้เรื่องเขตแดนเป็นไปได้น้อย เพราะคำพิพากษาในปีพ.ศ.2505 ไม่ได้ชี้เรื่องเขตแดนไว้ โดยโอกาสที่ประเทศไทยจะแพ้มีเพียง 0.0001%
          "คิดว่าแม้จะไม่ผิดก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะภาค 2 ศาลกำลังจะตีความคำพิพากษาปี พ.ศ.2505 ในบทปฏิบัติการข้อ 2 ว่าด้วยอาณาบริเวณ หรือบริเวณใกล้เคียงตัวปราสาทบนอาณาเขตของกัมพูชา ที่ประเทศไทยจะต้องถอนกำลังออกมา กรณีนี้ไม่ใช่เรื่องเขตแดนก็จริง แต่หลังคำพิพากษาดังกล่าว ไทยก็ยึดถือเขตพื้นที่ที่ไทยล้อมรั้วและถอนกำลังออกมา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อ 10 มกราคม พ.ศ.2505 โดยที่กัมพูชาไม่ได้คัดค้าน"
          นายคำนูณกล่าวอีกว่า แต่อีกหลายสิบปีต่อมา กัมพูชากลับบอกว่าอาณาบริเวณของตัวปราสาท คือพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ตามแผนที่ระวางดงรัก ดังนั้น อาณาบริเวณของตัวปราสาทโอกาสเป็นไปได้มี 2 ขั้นตอน คือ ถ้าศาลโลกรับตีความ ซึ่งโอกาสเป็นไปได้ก็ 50:50 แต่หากรับตีความก็มีความเป็นไปได้อีก 3 ทาง ทางเสมอตัวของประเทศไทยมีเพียงทางเดียว คือ 1 ใน 3 หรือ 33% โดยศาลชี้ว่า 10 มกราคม พ.ศ.2505 ถูกต้องแล้ว ส่วนอีก 2 ทางหรือ 66% ก็ล้วนเป็นแนวทางที่ประเทศไทยจะเสียหายมากขึ้น เพราะฉะนั้น การจะปฏิบัติตามหรือไม่จะต้องคำนึงถึงความเสี่ยงในข้อนี้ด้วย
          นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ควรมีการแถลงผลการประชุมเพื่อไม่ให้ประชาชนสับสน โดยเฉพาะประเด็นที่ รมว.การต่างประเทศนำแถลงการณ์ของสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ซึ่งโจมตีประเทศไทยมาแปลเป็นภาษาไทย แล้วแถลงโจมตีฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่มีกระแสข่าวว่ากัมพูชาละเมิดอธิปไตยของไทย โดยทางกัมพูชาได้มีการเข้ามาสร้างบ้านพักในบริเวณใกล้พื้นที่ของวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมีการประท้วงไปถึง 2 ครั้งแล้ว แต่ทางกัมพูชายังไม่ได้มีการรื้อถอนออกไป จึงขอให้รัฐบาลรีบดำเนินการเจรจาให้กัมพูชาถอนออกไปโดยเร็ว มิฉะนั้นจะนำไปสู่กรณีพิพาทรุนแรงขึ้น
          นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 มกราคม ระหว่างที่ตนเดินทางไปร่วมประชุมนานาชาติ เรื่องประชากรและการพัฒนาของสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศเอเชียและแอฟริกา ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ได้ขอให้สถานทูตไทยประสานเข้าไปเยี่ยมนายวีระ สมความคิด ที่ถูกจับกุมด้วยข้อหาจารกรรมข้อมูลความมั่นคง ซึ่งถูกจำคุกมา 2 ปีเศษแล้ว ตั้งแต่ 25 ธันวาคม 2553 ที่สำคัญคือ รัฐบาลไม่ได้ให้การช่วยเหลือนายวีระที่ถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน ถูกขังเดี่ยว ไม่ยอมให้พูดคุยกับใคร และไม่ให้เขียนหรืออ่านหนังสือใดๆ กระทรวงการต่างประเทศต้องลงมาดูแลเรื่องนี้ เพราะการสูญเสียอิสรภาพโดยไม่มีความผิดกระทบต่อจิตใจมากอยู่แล้ว ซ้ำยังอ่านและเขียนหนังสือไม่ได้อีก ถือเป็นการผิดหลักสากลของทุกองค์การระหว่างประเทศทุกแห่ง.--จบ--
          ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์

.....ไทยโพสต์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น