วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

สรุปข่าววันที่ 22 ม.ค.56 เวลา 08.00- 18.00 น.





สรุปข่าวประจำวันที่ 22 ม.ค.56 เวลา 06.00-18.00น.

การเมือง 

12.51น.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ย้ำ คดีพระวิหารสู้เต็มที่ นัดทีมทนายถก 25 ม.ค. แย้มปีนี้ ไฟใต้ต้องดีขึ้นแน่นอน
12.55น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จี้ กกต. เร่งตรวจสอบ อ้าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ส่อหาเสียงเกินขอบเขตอำนาจผู้ว่าฯ กทม. 
12.56น.พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หาเสียงข้าราชการกทม.ที่ศาลาว่าการฯ โชว์ไอเดียผุดตั้ง สนง.เขตส่วนหน้าทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาเร่งด่วน พร้อมโชว์ลีลาขับรถเมล์โชว์สื่อ
12.57น.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน จี้นายกรัฐมนตรีตอบ ปม ก่อนออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม
14.01น.นายกรัฐมนตรี ประกาศยุทธศาสตร์ประเทศ โดยมีเป้าหมายปลดแอกประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากประเทศรายได้น้อย ผ่าน ยุทธศาสตร์สำคัญ
14.40น.ญาติ-สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเคลื่อนศพ "ชุมพล ศิลปอาชา" จาก รพ.รามาธิบดี ไปยังวัดเทพศิรินทร์ ในเวลา 13.00 น. และให้บุคคลทั่วไปเข้ารดน้ำศพ เวลา 14.00 น. ก่อนจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 17.00 น. คาด "บรรหาร" เสนอชื่อ รมว.คนใหม่แทนวันนี้
14.41น.เฉลิม” เสนอ เพื่อไทย” ชู กทม.เป็นเมืองหลวงอาเซียน เย้ย ปชป.ยกนโยบายปราบยา ทั้งที่ไม่เคยร่วมประชุม อ้างโจรไม่กลัวใคร เหตุข้างบ้าน "พงศพัศ" ถูกโจรงัด
14.42น.ศึกชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เริ่มแรง ล่าสุด ป้ายหาเสียง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ที่บริเวณหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดนมือดีทุบพัง แต่ใกล้กัน ป้ายของ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ กลับไร้รอยขีดข่วน
15.01น.กทม.กำหนดสถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. 15 แห่ง ขณะออกกฎเข้ม ปิดป้ายโฆษณา หาเสียงเลือกตั้งในสถานที่ต้องห้าม สามารถสั่งรื้อถอนได้ทันที
15.09น.สุหฤท สยามวาลา ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 17 จ่อเปิดแคมเปญหาเสียงใหญ่ เริ่ม 1ก.พ.- มี.ค. ด้าน ร.อ.เมตตา เต็มชำนาญ หาเสียงย่านวงเวียนใหญ่
15.19น.เฉลิม” ปัดกลั่นแกล้ง สุเทพ” เอี่ยวทุจริตก่อสร้างโรงพักตำรวจทั่วประเทศ 369 แห่ง ยันสั่งดีเอสไอ” ทำงานแบบตรงไปตรงมา

16.47น."ถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำ ปมทุจริตฯงบ ขุดลอกคูคลอง งาบ 1.5 พันล้าน ยก เหตุ มั่นใจ ส่อทุจริตผิดกฎหมาย 
17.00น.มือดี ร้อง กกต.ชงยุบพรรคภูมิใจไทย อ้างเหตุไม่ชี้แจงค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2554 เข้าข่ายผิด ม.52 ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม เผย ถือเป็นข้อหายุบพรรคคดีแรก

เศรษฐกิจ
06.15 น. กระทรวงพลังงานเปิดให้แท็กซี่ที่สนใจเข้าโครงการติดตั้งแท็กซี่ เอ็นจีวีอีกรอบ ซึ่งถือเป็นรอบสุดท้าย เพื่อระบายถังเอ็นจีวี
14.05 น. บาทแข็งค่าที่สุดในภูมิภาค สภาอุตสาหกรรมจี้ แบงก์ชาติ-รัฐบาล เข้ามาดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมเร่งช่วยภาคการส่งออกโดยด่วน
15.16 น. ผู้ว่าการ ธปท.อุบไต๋ ไม่เปิดมาตรการลดผลกระทบค่าเงินบาท ระบุผลขาดทุนสะสมไม่ใช่เหตุผลที่จะไม่สู้ค่าเงิน แต่อยู่ระหว่างประเมินผลกระทบค่าเงินแข็ง มองขณะนี้ผลร้ายยังไม่รุนแรง ขณะที่ดอกเบี้ยยังจะเอื้อการขยายตัวเศรษฐกิจ


ผบ.ทบ. ค้าน ตั้งศูนย์พักพิงชาว "โรฮิงญา" เพิ่ม หวั่น กระทบความมั่นคง พร้อมสั่ง ฟันทหารเอี่ยว ฮึ่มไล่ออก-ดำเนินคดีอาญา แต่ขอให้ใจเย็น เชื่อแก้ปัญหาได้
วันที่ 21 ม.ค. ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11รอ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์ถึงการลักลอบเข้าประเทศไทยของชาวโรฮิงญาว่า ถือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมานานทุกปี มีการลักลอบเข้าประมาณ 200-300 คน แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องดูแลเรื่องมนุษยธรรม กลุ่มบุคคลเหล่านี้ เป็นผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ใช่ผู้หลบหนีภัยจากการสู้รบ ซึ่งกลุ่มชาวโรฮิงญาขึ้นฝั่งไทยแล้วต้องถูกดำเนินคดี ก่อนที่จะส่งตัวกลับประเทศต้นทาง ตามนโยบายของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนอยากให้มองเรื่องมนุษยธรรม ที่ต้องดูแลตามความสมควร และต้องดูแลด้านความมั่นคง หากรับไว้มากในระยะยาวจะเกิดปัญหาขึ้น ขณะนี้เรามีนโยบายที่จะนำคนที่อยู่ในศูนย์พักพิงจำนวน 9 แห่ง ไปประเทศที่สาม จากเดิมมีจำนวน 1.9 แสนคน ขณะนี้เหลือ 1.3 แสนคน เพราะยังไม่มีประเทศใดแสดงความจำนงรับไปดูแล หากจะตั้งศูนย์ดูแลเพิ่มขึ้นจะเป็นภาระหรือไม่ ต้องหารือร่วมกับรัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการหารือร่วมกัน

ถ้ามีการลักลอบเข้ามาบริเวณตามแนวชายแดน จะเป็นขบวนการ หากพบว่ามีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้อง ต้องถูกดำเนินคดี โดยเฉพาะทหาร จะต้องถูกไล่ออก และดำเนินคดีอาญา สิ่งที่เรากังวลและได้เรียนรัฐบาลไปแล้ว ถ้าให้เขาอยู่นานก็จะมีการลักลอบเข้ามาเพิ่ม หากรับไว้มากๆ ก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ เราต้องดูว่าจะดำเนินการอย่างไร ต้องหาคำตอบให้ชัดเจน ถ้าอยู่ในไทยนานเหมือนศูนย์พักพิงอื่นๆ ก็จะลักลอบออกมาทำงานข้างนอก และเกิดความสัมพันธ์กับคนไทย จนมีลูกหลานหรือเผ่าพันธุ์ที่ไม่เหมือนคนไทย มีความแปลกผสมกัน ดังนั้น ต้องหาทางให้เขากลับไปต้นหรือประเทศที่สามแต่ไม่ใช่ประเทศไทยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงแนวคิดตั้งศูนย์พักพิงชาวโรฮิงญาว่า ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมระหว่างรัฐบาลกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ตนเห็นว่าต้องดูแลสักระยะก่อน มีการผลักดันไปประเทศต้นทาง และประเทศที่สาม แต่ทุกประเทศต้องร่วมมือกัน ไม่ใช่ว่าไทยจะเป็นม้าอารี รัฐบาลและหน่วยงานด้านความมั่นคงก็ลำบากใจ แต่เราต้องยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก ต้องหาทางออกที่ไม่เป็นปัญหากับเราในอนาคต อย่างไรก็ตาม ขอให้ใจเย็น เพราะเชื่อว่าเรื่องนี้สามารถแก้ไขได้
เมื่อถามว่ามีเจ้าหน้าที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เข้าไปเกี่ยวข้องหาผลประโยชน์กับชาวโรฮิงญา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีทุกองค์กรแต่ไม่อยากกล่าวถึงองค์กร จริงๆ แล้วทหารไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวแต่เมื่อไปทำงานแล้วจึงเกิดความใกล้ชิดจนบางครั้งถูกชักจูง ตนได้ย้ำว่าอย่าไปหลงประโยชน์ถ้าถูกจับกุมแล้วจะเสียอนาคตและถูกดำเนินคดีอาญา ถ้ามีเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.เข้าไปเกี่ยวข้องก็เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของ กอ.รมน.ภาค 4 เพราะรับผิดชอบในพื้นที่ ตนอยากให้แยกแยะถ้าทหารคนใดทำไม่ดีก็ขอให้พิจารณาเป็นรายบุคคลแต่ส่วนใหญ่เป็นคนดี ทหารมี 2.5 แสนคน หากไม่ดี 2 คน จะมาเหมารวมทหารเลวทั้งหมดคงไม่ใช่

'สุขุมพันธุ์' ลุยอนุสาวรีย์ชัยฯ ชูสร้างโมโนแรลวัชรพล-ลาดพร้าว-พระราม9 พร้อมสร้างสะพานข้ามเจ้าพระยา อุโมงค์ลอดแยกศรีนครินทร์ ปัดไม่กังวลได้เบอร์ 16 ชี้ การเมืองควรมีรอยต่อ...
เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มรว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่ากทม. พรรคประชาธิปัตย์ พร้อม นายพนิช วิกฤติเศรษฐ์ พล.ต.ต.วิชัยสังข์ประไพ นส.มัลลิการ์ บุญมีตระกูล และคณะ เดินทางขึ้นรถหาเสียง พรรคประชาธิปัตย์ออกจากที่ทำการใหญ่พรรคปชป. ที่ถนนเศรษฐศิริ เพื่อมาลงพื้นที่หาเสียง ที่อนุสาวรีย์ชัยฯ โดยมรว.สุขุมพันธุ์ได้เดินทักทายพี่น้องประชาชนที่มารอต่อรถประจำทาง และรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่บนสกายวอล์ค และยังได้พูดคุยกับกลุ่มพ่อค้า แม่ค้าที่ค้าขายอยู่บริเวณทางเท้ารอบอนุสาวรีย์ชัยฯ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีอีกด้วย
มรว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เปิดตัวนโยบาย หากได้รับเลือกตั้ง กลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม.อีกสมัย  นั่นคือโครงการ สร้างรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีเทา วัชรพล-ลาดพร้าว-ดินแดง-พระราม9 ซึ่งยืนยันว่า กทม.พร้อมที่จะหางบประมาณเองมาก่อสร้างรถไฟฟ้าสายดังกล่าว  ซึ่งมีการออกแบบไว้เป็นที่เรียบร้อย 21 สถานี ระยะทางเกือบ20 กิโลเมตร เพื่อรองรับการใช้บริการของประชาชนคนกทม. ประมาณ 1 ล้านคน และคาดว่าใน ปี 2572 จะมีผู้โดยสาร ใช้เส้นทางนี้ ถึง  340,000 คน ต่อวัน โดยเฉพาะช่วงแรก ถนนวัชรพล-ลาดพร้าว ระยะทาง 8 กิโลเมตรนั้น มรว.สุขุมพันธุ์ ระบุว่า กทม.พร้อมที่จะหางบประมาณมาสร้างเอง เชื่อว่าจะใช้งบประมาณไม่มาก และคงมีเอกชนให้ความสนใจที่จะร่วมมือก่อสร้างโครงการดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงว่า จะสร้างไม่ได้ ขณะที่อีก 2 โครงการที่จะทำให้กับคนกทม. หากได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯอีกสมัยจริง ที่จะทำคือ โครงการอุโมงค์ทางลอดถนนศรีนครินทร์ และโครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณแยกเกียกกาย ที่จะรองรับรัฐสภาแห่งใหม่ สามารถดำเนินการได้ในทันที
ส่วนกรณีที่ได้ หมายเลขหาเสียง หมายเลข 16 กังวลใจหรือไม่ มรว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า ขอให้สื่อมวลชนมองหน้าตนในขณะนี้ดูว่าผมกังวลหรือไม่ (หน้ายิ้มแย้ม) เนื่องจากผมมีความมั่นในในพรรค ปชป.ที่เป็นหนึ่งเดียว มีความมั่นใจตัวเอง และมั่นใจประชาชน ว่าจะฟังนโยบายที่ผมเสนอ ส่วนจะตัดสินใจอย่างไรตนก็พร้อมน้อมรับ แต่ขอให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากๆในวันที่ 3 มี.ค.นี้  ขณะที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบเรื่องร้องเรียนตน
ส่วนที่เมื่อวานที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่ ลานคนเมือง ต่อว่าพรรคปชป.ที่บริหารงาน กทม.มา4 ปีด้วยท่าทีรุนแรงนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ก็ดีจะได้ให้ประชาชนใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการพิจารณา พรรคประชาธิปัตย์มีกำหนดการที่จะปราศรัยใหญ่ที่บริเวณลานคนเมืองในวันที่ 25 ม.ค.นี้ และยังมีอีก 2 เวที คือที่วงเวียนใหญ่ และปิดท้ายที่สวนเบญจสิริ

มรว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปีนี้สื่อมวลชนให้ความสนใจการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ด้วยความเข้มข้นมากกว่าครั้งที่แล้ว ก็แสดงว่าการแข่งขันในปีนี้เข้มข้น ผมให้เกียรติคู่แข่งทุกท่านเมื่อวานนี้ก็มีผู้ลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ถึง 18 คน ก็เป็นเรื่องที่ ดี การเมืองท้องถิ่น จะได้มีสีสัน ทั้งนี้เห็นว่า การมีรอยต่อระหว่างการเมืองท้องถิ่นและการเมืองสนามใหญ่ควรที่จะมีไว้บ้าง ดังนั้นจึงควรรักษาไว้
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ มรว.สุขุมพันธุ์ และแกนนำพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมปล่อยขบวนรถหาเสียงไปทั่วทุกเขตของกรุงเทพฯ พร้อมกราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระแม่ธรณีบีบมวยผม ที่หน้าพรรค เพื่อเป็นสิริมงคล.

 พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ย้ำ คดีพระวิหารสู้เต็มที่ นัดทีมทนายถก 25 ม.ค. แย้มปีนี้ ไฟใต้ต้องดีขึ้นแน่นอน...วันนี้ (21 ม.ค.56) ที่ท่าอากาศยานทหารกองบิน 6 (บน.6) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปเยี่ยมหน่วยทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ว่า เป็นธรรมเนียมที่ต้องลงพื้นที่เดือนละครั้ง เพราะต้องการเร่งรัดให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้น เพราะตนคาดหวังว่าปีนี้ต้องดีกว่าปีที่ผ่านมา จึงต้องลงไปดูด้วยตนเอง  
เมื่อถามว่าสาเหตุการเผากล้อง CCTV เป็นเพราะการขัดแย้งทางธุรกิจ หรือสร้างสถานการณ์ของผู้ก่อความไม่สงบ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า ตนก็จะไปติดตามและสอบถามเรื่องนี้ ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นเรื่องของธุรกิจ หรืออาจจะเชื่อมโยงกับผู้ก่อความไม่สงบ เมื่อถามว่าในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ ร่วมกับนายกรัฐมนตรี มีเรื่องใดน่าสนใจ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่าเป็นเรื่องยุทธศาสตร์ของประเทศที่กำลังเดินหน้าต่อไป ร่วมถึงการวางงบประมาณปี 2557 ทั้งการบูรณาการในภาพรวม 
อย่างไรก็ตามเรื่องของความมั่นคงเราตั้งจุดมุ่งหมายอยู่ คือ เรื่องสถานการณ์ในภาคใต้ต้องทำให้ดีขึ้น และเรื่องชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งถือเป็นงานหลัก และทางกระทรวงกลาโหม กองทัพต้องมีบทบาทสูงสุด และตนก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมต่อต้านคำสั่งศาลโลกกรณีปราสาทพระวิหาร พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า คิดว่าไม่ส่งผลกระทบถึงความสัมพันธ์กับกัมพูชา เพราะเขาเข้าใจดีว่ากลุ่มผู้ชุมนุมเป็นอย่างไร แต่ก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่สามารถทำได้ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา เราได้อธิบายและชี้แจงไปแล้ว อย่างกรณีนายสมปอง สุจริตกุล ทีมทนายที่เคยมีบทบาทในการขึ้นศาลโลกเมื่อปี 2505 ได้อธิบายแล้วว่าเป็นอย่างไร ซึ่งท่านก็เป็นคนกลางคนหนึ่งแต่ก็ยังไม่ฟังกัน ก็ไม่ว่ากัน ทุกคนมีความกังวลกันหมด
ทั้งนี้เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับคนในประเทศของเราเอง อย่าไปบอกว่ามวยยังไม่ทันขึ้นชกแล้วบอกว่าแพ้ ถ้าอย่างนั้นจะไปขึ้นชกทำไม เราต้องมั่นใจว่าการขึ้นเวทีครั้งนี้เราจะไม่แพ้ ส่วนผลที่ออกมาก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การขึ้นเวทีต้องมีความพร้อมเต็มเปี่ยม ซึ่งในวันที่ 25 ม.ค.2556 ตนจะได้พบกับทีมทนาย ที่เคยไปว่าความและอาจจะแถลงร่วมกันเป็นครั้งแรก เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ไม่อยากให้มีการพูดกันมาก

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หาเสียงข้าราชการกทม.ที่ศาลาว่าการฯ โชว์ไอเดียผุดตั้งสนง.เขตส่วนหน้าทำงานเชิงรุกแก้ปัญหาเร่งด่วน พร้อมโชว์ลีลาขับรถเมล์โชว์สื่อ....
ที่ 22 ม.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ในนามพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมาหาเสียงกับเหล่าข้าราชการกทม. โดยได้มีการทักทายพูดคุยถึงเรื่องการทำงานซึ่งก็ได้รับความสนใจจากเหล่าข้าราชการกทม.จำนวนหนึ่งที่มาขอถ่ายรูปด้วย พร้อมทั้งเข้าสักการะศาลที่บริเวณชั้น 5 เพื่อความเป็นสิริมงคล ภายหลังการหาเสียงพล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า หากตนนั้นได้มีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ว่าฯกทม. ตนเองจะตั้งสำนักงานเขตส่วนหน้าให้บริการเหมือนโรงพักที่มี 3 กะเวลาบริการ 24 ชั่วโมง เพื่อรองรับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด การเก็บขยะ เพื่อทำงานเชิงรุกมากยิ่งขึ้นเพื่อให้ประชาชนมีความอุ่นใจ ที่ตนมาเยี่ยมเยียนข้าราชการกทม.ในวันนี้ถือว่าตนเองมาให้กำลังใจ เพราะงานที่ข้าราชการกทม.เหล่านี้ทำคือความใส่ใจในเรื่องของการบริการประชาชน ถือว่าเป็นกลไกสำคัญของกรุงเทพฯ และมารับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะทุกกระบวนการของทุกสำนักงานคือคววามสำคัญของการทำงาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากพล.ต.อ.พงศพัศ ได้ออกหาเสียงและเยี่ยมเยียนข้าราชการกทม.แล้วนั้น ก็ได้เดินทางไปต่อยังที่เขตดินแดงเพื่อหาเสียงกับประชาชนผู้มาใช้บริการพร้อมดูการทำงานของเขต และเดินต่อไปยังวศาลาว่าการกทม. 2 (ดินแดง) ชั้น 6 เพื่อเข้าดูระบบศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมที่มีความเกี่ยวข้องกับการระบายน้ำท่วม หลังจากนั้นจึงออกมาทักทายกับกลุ่มผู้ให้การสนับสนุนที่ยืนอยู่บริเวณริมทางฟุตปาทข้างศาลาว่าการกทม. 2 (ดินแดง) พร้อมกับทักทายเจ้าหน้าที่ขสมก.อย่างเป็นกันเอง ก่อนที่พล.ต.อ.พงศพัศ จะขับรถเมล์สาย 117 ประมาณ 20 เมตร เพื่อเป็นการโชว์สื่อมวลชนและประชาชนที่อยู่บริเวณดังกล่าว.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จี้ กกต. เร่งตรวจสอบ อ้าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ส่อหาเสียงเกินขอบเขตอำนาจผู้ว่าฯ กทม.
วันที่ 21 ม.ค.56 เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย หาเสียงเลือกตั้งเรื่องการลดแผงค่าเช่าตลาดนัดจตุจักร การขึ้นรถเมล์และเรือฟรี ที่เป็นอำนาจของกระทรวงคมนาคม ไม่ใช่อำนาจของ กทม. และอาจผิดกฎหมายเลือกตั้งว่า เรื่องนี้ถือว่าหาเสียงเกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเข้าไปดูแล เพราะโดยหลักไม่น่าจะทำได้ และที่ผ่านมา กกต. บอกว่า ในการเลือกตั้งท้องถิ่นต้องหาเสียงในอำนาจหน้าที่ ที่ท้องถิ่นดำเนินการได้ แต่ตนยังไม่ทราบรายละเอียดว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พูดถึงเป็นอำนาจของใคร
อย่างไรก็ตามหลักของกฎหมาย มีเจตนาว่าการหาเสียงต้องบอกความจริง แต่การบอกในสิ่งที่ไม่อยู่ในอำนาจของตนเอง ต้องถือว่าทำไม่ได้ อยากให้ กกต. ติดตามดูแลให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะพวกตนก็ไม่อยากที่จะไปนั่งร้องเรียนอะไร
ทั้งนี้ ผู้ที่เป็นรัฐมนตรี ก็ไปช่วยผู้สมัครหาเสียงได้หลังเวลาราชการ ส่วนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทย ที่โจมตีผู้สมัครพรรคอื่นนั้น ตนอยากให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ประกาศว่าจะหาเสียงอย่างสร้างสรรค์ จึงขอให้กำกับดูแลพวกตัวเองด้วย และไม่ต้องห่วงพวกตน และการที่ให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ ขึ้นเวทีปราศรัยด้วย ก็ถือเป็นสิทธิ ซึ่งอยากให้ขึ้นปราศรัยบ่อยๆ เพราะจะเป็นเรื่องดีสำหรับพวกตน แต่ไม่ทราบว่า จะส่งผลลบกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่  

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า จุดอ่อนของพรรคในบางพื้นที่ของ กทม. พรรค จะทำงานทุกพื้นที่ แต่พื้นที่ไหน ที่เราไม่ประสบความสำเร็จ ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ก็ต้องระดมคนลงไป ซึ่งจุดอ่อนที่พรรคไม่มีผู้แทน เช่น โซนเหนือและตะวันออกของ กทม. แต่ ผอ.ศูนย์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ของพรรคก็ดูแลอยู่ โดยจะลงไปคุยกับคนในพื้นที่
ทั้งนี้ กรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคได้หมายเลข 16 นั้น ตนไม่ติดใจ เพราะการที่จะได้ชัยชนะ คือการได้คะแนนเสียงสนับสนุนจำนวนมากและอย่ามองว่าผู้สมัครอิสระ จะมาตัดคะแนนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากทุกคนต้องการการสนับสนุน แต่เราก็ไม่ประมาท ผู้สมัครทุกคนมีมุมที่อยากได้รับการสนับสนุนจากคน กทม. ตอนนี้ก็วิเคราะห์กันอยู่
อย่างไรก็ตาม ต้องใช้เวลาเดินเข้าหาประชาชน เพื่อทำความเข้าใจหลายเรื่อง ซึ่งตนรู้สึกเห็นใจ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ช่วงที่ทำงานมา 4 ปี ในสถานการณ์ยากๆ บางครั้งไม่มีโอกาสสื่อสารอะไรหลายอย่าง จึงจะใช้จังหวะนี้เร่งสื่อสาร

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน จี้นายกรัฐมนตรีตอบ 4 ปม ก่อนออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม....
วันที่ 22 ม.ค. ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ต้องขอแสดงความเสียใจต่อการถึงแก่อสัญกรรมของ นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ทั้งนี้ ที่ประชุมวิปฝ่ายค้านเห็นว่า ควรเลื่อนร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมการบริหาร จัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอออกไปก่อน เพื่อรอกฎหมายที่ภาคประชาชนเสนอเข้ามาประกบจะได้พิจารณาไปพร้อมกัน แต่เห็นควรให้เลื่อนร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติขึ้นมาแทน เพราะเป็นกฎหมายสำคัญที่จะเปิดโอกาสให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ สามารถยื่นฟ้องแทนประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิได้ส่วนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 24 ม.ค. ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้ถามสดเรื่องสถานการณ์ดำรงชีพของประชาชนที่ค่าครองชีพสูงขึ้นทั้งแผ่นดิน แต่ผลผลิตทางการเกษตรกลับตกต่ำทั้งแผ่นดิน ทั้งนี้ วันที่ 31 ม.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้มอบหมายให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก เข้าให้ข้อมูลเรื่องทุจริตส่งออกข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ของรัฐบาล ต่ออนุกรรมการไต่สวนคดีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีบางคนเตรียมเสนอให้นายกรัฐมนตรีผลักดันการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม วิปฝ่ายค้านเห็นว่า เป็นเป้าหมายเพื่อนิรโทษความผิดทางอาญาเหตุการณ์วันที่ 1 ม.ค.2550–31 ธ.ค.2554 ให้พ้นผิดโดยสิ้นเชิง หากนายกฯ จะเห็นด้วยกับการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ดังกล่าวต้องตอบคำถาม 4 ข้อ ให้ได้ว่า
1. เป็นการเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 184 หรือไม่ ซึ่งจะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของประเทศและสาธารณะความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ การป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ หรือต้องเป็นกรณีจำเป็นฉุกเฉินเร่งด่วนอันมิอาจหลีกเลี่ยงได้
2. การกำหนดช่วงเวลานิรโทษกรรมดังกล่าว เท่ากับเลือกปฏิบัติเพื่อช่วยเฉพาะคดีเผาศาลากลาง คดียิงวัดพระแก้ว และคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แต่มีเจตนาไม่ให้รวมคดีที่มีการชุมนุมทางการเมืองต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในปี 2555 ด้วยหรือไม่
3. จะเป็นจุดเริ่มต้นการนิรโทษกรรมคดีทุจริตด้วยใช่หรือไม่
4. มีวัตถุประสงค์นำไปสู่การแก้ปัญหาประเทศ หรือแก้ปัญหารัฐบาล ให้พ้นจากข้อหาได้เป็นอำมาตย์แล้วลืมพวกหรือไม่

เคลื่อนศพ'ชุมพล'ไปวัดเทพศิรินทร์ พระราชทานน้ำหลวงอาบ
ญาติ-สมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเคลื่อนศพ "ชุมพล ศิลปอาชา" จาก รพ.รามาธิบดี ไปยังวัดเทพศิรินทร์ ในเวลา 13.00 น. และให้บุคคลทั่วไปเข้ารดน้ำศพ เวลา 14.00 น. ก่อนจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ในเวลา 17.00 น. คาด "บรรหาร" เสนอชื่อ รมว.คนใหม่แทนวันนี้...

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. นายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยว่า ในเวลา 13.00 น. จะมีการเคลื่อนศพ นายชุมพล ศิลปอาชา อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ที่ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา จากโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปยังวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ศาลา 1 เตชะอิทธิพร และจะมีพิธีรดน้ำศพ ในเวลา 14.00 น. โดยก่อนเวลา 17.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะนำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมรดน้ำศพ จากนั้นเวลา 17.00 น. จะมีพิธีรดน้ำหลวงอาบศพพระราชทาน เสร็จแล้วประกอบพิธีบรรจุศพลงหีบ และในเวลา 19.00 น. พระราชทานพิธีธรรม

ทั้งนี้ ครม.จะรับเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรมศพในวันที่ 29 ม.ค. พิธีสวดพระอภิธรรมศพ จะจัดขึ้น 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 22-31 ม.ค. 2556 โดยระหว่างวันที่ 22-28 ม.ค. จะอยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ ส่วนวันที่ 30-31 ม.ค. จะเปิดให้ญาติและลูกศิษย์ ร่วมเป็นเจ้าภาพในการสวดพระอภิธรรม หลังจากนั้นจะเก็บศพไว้ 100 วัน

นายวัชระ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ที่จะมาเป็นตัวเต็งนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาคนต่อไปนั้น คาดว่านายบรรหาร ศิลปอาชา จะเสนอชื่อต่อนายกรัฐมนตรีในวันนี้
ทางด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงตำแหน่งหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ตามข้อบังคับข้อ 19 (1) หากหัวหน้าพรรคเสียชีวิต จะไม่มีผลให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ

อย่างไรก็ตาม ทางพรรคชาติไทยพัฒนาจะต้องแจ้งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่าง และจะต้องเรียกประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ภายใน 60 วัน นับแต่ตำแหน่งว่างลง ทั้งนี้ ข้อบังคับพรรคกำหนดให้รองหัวหน้าพรรคคนที่ 1 คือ นายถาวร จำปาเงิน ปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งจะทำให้การดำเนินกิจการของพรรคมีความต่อเนื่อง ไม่ต้องสะดุดไป

ส่วนตำแหน่ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะมาแทนนายชุมพล เป็นหน้าที่ของประธานสภาผู้แทนราษฎรที่จะประกาศเลื่อนลำดับ ส.ส.จากบัญชีรายชื่อ ซึ่ง ส.ส.ระบบบัญชีฯ ของพรรคชาติไทยพัฒนา ในลำดับที่ 5 คือ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ จะขึ้นมาเป็น ส.ส.แทน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ 0tเป็นตัวแทน อัญเชิญหลวงอาศพพระัราชทานมาที่งาน นายชุมพล ศิลปอาชา ในเวลา 16.30น. วันนี้  ก่อนที่จะมีพิธีในเวลาประมาณ 17.00น. ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาร่วมงานในเวลาประมาณ 15.30น.
ขณะที่ล่าสุด นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังอยู่ในอาการที่ โศกเศร้า โดยมีน.ส.กัญจนา ศิลปอาชา บุตรสาว อยู่เคียงข้างตลอดเวลา ทั้งนี้มีบุคคลสำคัญ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก อาทิ นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล อดีต รมว.มหาดไทย นายธีระ วงค์สมุทร อดีต รมว.เกษตร และสหกรณ์ นางอนงวรรณ เทพสุทิน ภรรยานายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทย  โดยมีนายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา และนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา ทำหน้าที่เป็นพ่องาน คอยต้อนรับแขกที่เดินทางมาร่วมงานศพ นายชุมพล ในครั้งนี้ด้วย

ปูประกาศยุทธศาสตร์ ปลดไทยพ้นประเทศรายได้น้อย

นายกรัฐมนตรี ประกาศยุทธศาสตร์ประเทศ โดยมีเป้าหมายปลดแอกประเทศไทย ให้หลุดพ้นจากประเทศรายได้น้อย ผ่าน 4 ยุทธศาสตร์สำคัญ...

วันนี้ (22 ม.ค.56) เวลา 09.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานมอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ และการชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 ให้กับหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ โดยใช้เวลาถึง 1.30 ชั่วโมง

โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ย้ำ 4 ยุทธศาสตร์ เพื่อขับเคลื่อนประเทศในปี 2557 และการรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปีี 2558 ว่า ประกอบด้วย การสร้างความสามารถในการแข่งขัน เพื่อให้ประเทศหลุดพ้นจากประเทศรายได้น้อย เป็นประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ยุทธศาสตร์ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อสร้างโอกาส ความเสมอภาค และความเท่าเทียมกับสังคม ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ยุทธศาสตร์ สร้างความเติบโตบนพื้นฐานคุณภาพชีวิต เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยุทธศาสตร์การปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าทั้ง 4 ยุทธศาสตร์จะนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศ ตามนโยบายขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวพระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว การบริหารราชการ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีความท้าทาย เพราะมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกที่ไม่นิ่ง ทั้งด้านเศรษฐกิจที่มีความผันผวน ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะยุโรปที่ให้ความสำคัญกับความเป็นประชาธิปไตย และความเท่าเทียม เศรษฐกิจของประเทศที่ไม่สมดุล และสังคมขาดการดูแล แต่ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานที่ร่วมบูรณาการ ทำให้เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 48 ของจีดีพี ซึ่งถือว่าสูงกว่าคาดการณ์ และคาดว่าในปีนี้จีดีพีประเทศจะอยู่ที่ร้อย 5.5 ภาวะเงินเฟ้อขณะนี้ถือว่าอยู่ในภาวะปกติคือร้อยละ 3 ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องช่วยกันดูแลไม่ให้เงินเฟ้อเพิ่มมากไปกว่านี้

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาเราขาดดุลงบประมาณอยู่ที่ 4 แสนล้าน แต่วันนี้สามารถรักษาภาวะขาดดุลลดลงต่อเนื่อง ภาวะตกงานน้อยลง เพราะมีการปรับยุทธศาสตร์ในพื้นที่ให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของประเทศ ดุลบัญชีเดินสะพัดเป็นบวก หนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 43.9 ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ชี้แจงกับส่วนราชการในการจัดทำยุทธศาสตร์ให้ไปในทิศทางเดียวกัน และมีการจัดสรรงบประมาณได้เต็มศักยภาพ เพราะการจัดทำยุทธศาสตร์จะมีปัจจัยและอุปสรรค 2 ด้าน คือ ปัจจัยภายนอกประเทศ จากเศรษฐกิจ-สังคมโลกที่กระทบประเทศไทย เนื่องจากรายได้ของไทยส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการส่งออก และปัจจัยภายในประเทศ จากการทำงานของส่วนราชการและการบริหารจัดการน้ำต้องเดินหน้าอย่างเต็มศักยภาพ เพราะปัจจุบันสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงมากขึ้น หากต้องการให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโตจำเป็นต้องพัฒนาภายในประเทศด้วย ทั้งการพัฒนาการศึกษา แก้ปัญหายาเสพติด แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แก้ปัญหาคอรัปชัน โดยเฉพาะการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อให้เกิดการลงทุนขนาดใหญ่ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เนื่องจากที่ผ่านมาไทยไม่ได้ลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เลย สิงคโปร์ไม่ต้องพูดถึง แพ้มาเลเซียด้วยซ้ำ มีเพียงการลงทุนตามปีงบประมาณแบบปีต่อปีเท่านั้น

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวอีกว่า จากการเดินหน้านโยบายและการใช้จ่ายงบประมาณระหว่างปี 2555-2556 พบว่า ประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรงบประมาณร้อยละ 10 จากทุกกระทรวงเพื่อช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ประสบอุทกภัย การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท การขยายตัวของยอดการท่องเที่ยวของไทย โครงการรถคันแรกที่เกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 1,250,000 คัน โดยต้องคืนเงินภาษีจำนวน 90,000 ล้านบาท รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณเพื่อคืนให้กับ UN ประชาชน หลังรัฐสามารถจัดเก็บภาษีได้เกินเป้า ทำให้นักธุรกิจและนักลงทุนมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ดูจากตัวเลขนักลงทุนที่ขอรับการสนับสนุนการลงทุนจากบีโอไอเพิ่ม 2,500 ราย ขณะที่ทุนสำรองประเทศมีความมั่นคงและเพียงพอ โดยรัฐบาลมั่นใจปีนี้จะสามารถทำให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตขึ้นภายใน 6 เดือน คาดว่าจีดีพีประเทศจะเติบโตร้อยละ 5.5 อัตราเงินเฟ้อ ต้องไม่เกินร้อยละ 3 ของจีดีพี โดยให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังดูแล

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจำเป็นต้องปรับยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ประเทศ เริ่มตั้งแต่การปรับนโยบายรัฐไปยังกระทรวงก่อนลงไปยังจังหวัดให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อให้เกิดการจัดสรรและเบิกจ่ายงบประมาณอย่างเต็มศักยภาพ โดยเฉพาะการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐานประเทศ และการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมอาเซียนอย่างสมบูรณ์ การส่งเสริมอุตสาหกรรมการเกษตรและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ในการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน ด้วยการรักษาฐานตลาดประเทศท่องเที่ยวเดิมไว้แล้วเจาะตลาดประเทศท่องเที่ยวใหม่เพิ่มเติม อย่างตลาดในอาเซียน และการจัดการที่ดินประเทศ (โซนนิ่ง) ด้วยการกำหนดการใช้ที่ดินให้ชัดเจนในแต่ละประเภทการใชังาน ทั้งนี้ ขอให้ทุกฝ่ายคิดบวกจะได้เห็นรัฐบาลทำงานร่วมกับภาคเอกชนและภาคประชาชน ร่วมกันพัฒนาประเทศและสร้างความมั่นคงยั่งยืนและสมดุลต่อไป

กทม.กำหนดสถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. 15 แห่ง ขณะออกกฎเข้ม ปิดป้ายโฆษณา หาเสียงเลือกตั้งในสถานที่ต้องห้าม สามารถสั่งรื้อถอนได้ทันที
วันที่ 22 ม.ค. นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร อาศัยอำนาจตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องอนุญาตให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดหาสถานที่เพื่อให้ผู้สมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นประกาศนโยบาย หรือการดำเนินการตามแนวทางในการแก้ไขปัญหาอำนาจหน้าที่ของท้องถิ่น พ.ศ.2548 ข้อ 4 ลงนามในประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่องกำหนดสถานที่สำหรับการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จำนวน 15 แห่ง ในพื้นที่ 13 เขต ประกอบด้วย ลานคนเมือง เขตพระนคร สวนจตุจักร สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ และสวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร สวนลุมพินี เขตปทุมวัน อุทยานเบญจสิริ เขตคลองเตย บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เขตธนบุรี สวนสาธารณะใต้สะพานพระราม 8 เขตบางพลัด ศูนย์เยาวชนสะพานพระราม 9 (ฝั่งธนบุรี) เขตราษฎร์บูรณะ สวนกีฬารามอินทรา เขตบางเขน สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม สวนพระนคร เขตลาดกระบัง สวนสุขภาพ เขตประเวศ ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ เขตทุ่งครุ และสวนสาธารณะหน้าเดอะมอลล์ บางแค เขตบางแค
ทั้งนี้ ผู้มีสิทธิ์ขออนุญาตใช้สถานที่ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งในสถานที่ดังกล่าว จะต้องเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร จากผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พรรคการเมือง หรือกลุ่มการเมือง ที่ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยให้ยื่นคำร้องขออนุญาตต่อปลัดกรุงเทพมหานคร ณ ศูนย์ประสานงานการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่บริเวณสำนักงานปกครองและทะเบียน ชั้น 5 ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในวันและเวลาราชการ โดยจะต้องยื่นคำร้องล่วงหน้า ก่อนวันเข้าใช้สถานที่ไม่น้อยกว่า 3 วัน และจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งเอง
ปิดป้ายโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งในสถานที่ต้องห้าม กทม. สั่งรื้อถอนได้ทันที
นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร แจ้งว่าตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.ทถ.กทม.) ประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 3 มี.ค.56 และกำหนดให้มีการรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระหว่างวันที่ 21-25 ม.ค.56 เวลา 08.30-16.30 น. ณ ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เพื่อให้การปิดประกาศโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นแนวทางเดียวกันทั่วพื้นที่ กรุงเทพมหานครจึงได้ออกประกาศกรุงเทพมหานครกำหนดสถานที่สำหรับปิดประกาศโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในเขตกรุงเทพฯ
โดยอนุญาตให้ปิดประกาศโฆษณา หาเสียงเลือกตั้งได้ในบริเวณและสถานที่ที่ผู้อำนวยการเขตกำหนดไว้ให้ ยกเว้นบริเวณดังนี้ เกาะกลางถนน สะพานลอยคนเดินข้าม และสะพานลอยรถข้าม รวมทั้งส่วนประกอบของสะพาน รั้วและแผงเหล็กริมถนน ป้ายจราจร และสัญญาณไฟจราจร ป้ายประกาศของทางราชการ รั้ว หรือกำแพง หรือผนังอาคารของทางราชการ ต้นไม้ และเสาไฟฟ้า บริเวณเกาะกลางถนน ศาลาที่พักผู้โดยสาร และบริเวณโดยรอบภายในระยะ 10 ม. ตู้โทรศัพท์ ตู้ไปรษณีย์ อนุสาวรีย์ ป้อมตำรวจ สุขาสาธารณะ ท้องสนามหลวง สวนหย่อม สวนสาธารณะ วงเวียนทุกวงเวียน ถนนโดยรอบพระบรมมหาราชวัง ถนนโดยรอบพระราชวังสวนจิตรลดา ลานพระบรมรูปทรงม้า ถนนราชดำเนินนอก ถนนราชดำเนินกลาง และถนนราชดำเนินใน
ทั้งนี้ การปิดป้ายประกาศโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งจะต้องไม่กระทำโดยวิธีการทากาว แป้งเปียก หรือทา พ่น ระบายสี หรือตอกตะปูเป็นอันขาด และต้องไม่ติดตั้งในลักษณะแขวนเป็นราว รวมทั้งต้องไม่กีดขวางทางสัญจรหรือก่อให้เกิดอันตรายแก่ประชาชนหรือยานพาหนะ หรือปิดบังป้ายและสัญญาณไฟจราจร หรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของทางราชการ
หากฝ่าฝืนกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขต มีสิทธิ์ในการพิจารณาสั่งเก็บ ย้าย หรือรื้อถอนเอกสาร และแผ่นประกาศโฆษณาหาเสียงโดยมิต้องแจ้งให้ผู้สมัครฯ ทราบก่อนล่วงหน้า และเมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง ผู้สมัครจะต้องจัดเก็บรื้อถอนให้หมดภายใน 3 วัน หรือภายในระยะเวลาที่สำนักงานเขตท้องที่กำหนด หากเห็นสมควรเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง กรุงเ

มือดี ร้อง กกต.ชงยุบพรรคภูมิใจไทย อ้างเหตุไม่ชี้แจงค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2554 เข้าข่ายผิด ม.52 ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม เผย ถือเป็นข้อหายุบพรรคคดีแรก... 

วันที่ 22 ม.ค.56 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมืองและการออกเสียงประชามติ กล่าวว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง จ.สงขลา ได้ยื่นคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาสั่งยุบพรรคภูมิใจไทย โดยอ้างว่าไม่แจ้งค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 กรณี 1.ค่าเช่าพื้นที่ด่านการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ในการยืนแจกใบปลิวประมาณ 300 ด่าน 2.ค่าจ้างผู้ช่วยหาเสียงที่ยืนแจกใบปลิวหน้าด่านฯ และ 3.ค่าขนส่งเอกสาร (ใบปลิว) จากสำนักพิมพ์ไปยังด่านต่างๆ ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย รวมมูลค่าหลายล้านบาท แต่ไม่ได้แจ้งไว้ในรายงานประจำปี 2554 ที่จะต้องแจ้งต่อ กกต. จึงเข้าข่ายผิดมาตรา 52 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ประกอบมาตรา 42 และมาตรา 93 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 

ทั้งนี้ นายทะเบียนพรรคการเมืองเตรียมที่จะเสนอคำร้องดังกล่าวต่อที่ประชุม กกต. ในวันที่ 23 ม.ค.นี้ เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวน หลังจากที่ได้ตรวจสอบรายงานประจำปี 54 ของพรรคภูมิใจไทย ไม่พบว่ามีการแจ้งยอดค่าใช้จ่ายดังกล่าวไว้ในรายงาน หากที่ประชุม กกต. มีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะกรรมการไต่สวน ก็จะใช้เวลาในการไต่สวนคำร้องเป็นเวลา 30 วัน โดยต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า บัญชีค่าใช้จ่ายในการสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ 3 ก.ค.54 มีค่าใช้จ่ายดังกล่าวหรือไม่ อย่างไรก็ตามกรณีนี้เป็นกรณีแรกที่มีการร้องเรียนให้มีการยุบพรรค เนื่องจากที่ผ่านมาไม่พบการรายงานค่าใช้จ่ายการเลือกตั้ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น