ไทยติดแบล็คลิสต์สถานทูตประจำกรุงวอชิงตันถูกปฏิเสธขึ้นเงิน
วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2555 เวลา 13:36 น.
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมาธิการยกร่าง พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับใหม่และกฎหมายต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย กล่าวว่า ได้หารือกับผู้บริหารกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจถึงขั้นตอนการออกกฎหมายทั้ง 2 ฉบับว่า ไทยมีความพร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายทั้ง 2 ฉบับ และขอให้ไอเอ็มเอฟนำรายละเอียดความคืบหน้าของไทยไปชี้แจงต่อคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อดำเนินมาตรการทางการเงินเกี่ยวกับการฟอกเงิน (FATF) ให้แก้ไขกรณีที่ FATF ขึ้นบัญชีประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องจับตาว่าเสี่ยงต่อการฟอกเงิน โดยขอให้ไอเอ็มเอฟช่วยเป็นพี่เลี้ยงในการชี้แจงต่อ FATF โดยเฉพาะกรณีที่ขอให้เข้าใจว่าปปง.ของไทยมีความพร้อมในการบริหารจัดการและขอให้ถอนรายชื่อประเทศออกจากการถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจากขณะนี้การทำธุรกรรมการเงินระหว่างประเทศเริ่มมีปัญหา โดยล่าสุดได้รับรายงานจากสถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตันดีซี แจ้งมาว่า การทำธุรกรรมการเงินเริ่มมีปัญหาหลังจากล่าสุดเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประจำกรุงวอชิงตัน ได้นำเช็คเงินสดไปขึ้นบัญชีแต่ได้รับการปฎิเสธจากธนาคารไม่ขึ้นบัญชีให้ จึงถือเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ดี ดังนั้นจึงต้องเร่งให้มีการถอนชื่อประเทศไทยออกจากกบัญชีรายชื่อประเทศกลุ่มเสี่ยงให้เร็วที่สุด
เมื่อถามว่า มีความขัดแย้งในคณะกรรมาธิการอาจส่งผลให้กฎหมายไม่สามารถมีผลบังคับใช้ไม่ทันภายในเดือนก.พ. 2556 ตามกำหนดเดิมหรือไม่ พล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า มีความเห็นแตกต่างบ้างในบางประเด็น แต่เป็นเพียงประเด็นเล็กน้อยทั้งถ้อยคำและการให้คำนิยาม เช่น คำว่าผู้ก่อการร้ายและช่องทางในการดำเนินการที่จะกำหนดรายชื่อผู้ก่อการร้ายว่าจะกำหนดให้ศาลแพ่งหรือศาลอาญาเป็นผู้พิจารณา ซึ่งประเด็นดังกล่าวทางคณะกรรมาธิการจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 10 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงไม่มีกรรมาธิการคนใดขัดขวาง เนื่องจากทุกฝ่ายมีความเข้าใจตรงกันและถือเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความคิดเห็นหลากหลาย แต่ขณะนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า จำเป็นต้องเร่งแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น