สังคมที่ยึด "ปริมาณเหนือเนื้อหา"
30 October 2555 - 00:00
เพื่อไทยเขาจะเลือกตัว "หัวหน้าพรรค" กันวันนี้ (๓๐ ต.ค.๕๕) ก็ไม่รู้จะเลือกสรรหาเปรต-อสุรกายมาเป็นหัวหน้าพรรคกันหรืออย่างไร ในเมื่อมียิ่งลักษณ์เป็น "นางฟ้า-นางสวรรค์" ให้กราบไหว้บูชา เสริมสิริมงคลคุ้มหัวโด่คาพรรคอยู่แล้วทั้งคน ขนาดปรับ ครม. แม่ยังสำแดงอัจฉริยะแห่งอำนาจและมันสมองให้ประจักษ์ ไม่มีนาย ท. นาง ด. นาย ส. เข้ามาบงการ (ยกเว้นกิ๊ก) ก็ให้ยิ่งลักษณ์ผู้เปี่ยมด้วยภาวะผู้นำนั่นแหละขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค มันถูกครรลองการเมือง "ระบบโคตร" ที่สุดแล้ว
มวลสมาชิกก็ลองคิดก่อนโหวตซักนิดซี มันมีอย่างที่ไหน ยกก้นยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกฯ ยังแย่งกันยกจนไม่มีที่ว่างให้จับ-ให้แตะ แต่กะอีแค่หัวหน้าพรรคอันคลั่กด้วยพระ-ด้วยโจร ทำกระบิด-กระบวน ด้วย "รังเกียจ-รังชัง" กันอยู่นั่นแหละ
ในมุมกลับกัน แค่ระดับหัวหน้าพรรค คนเพื่อไทยยังไม่อยากได้ยิ่งลักษณ์ นี่แสดงว่า ลึกๆ ในใจ-ในเจตนา ของคนเพื่อไทย ต้องซ่อนแผนชั่วร้ายไว้ใต้ความหวังดีต่อยิ่งลักษณ์บนเก้าอี้นายกฯ อย่างใด-อย่างหนึ่งค่อนข้างแน่
เลวร้ายไปกว่านั้น เอาเก้าอี้นายกฯ ล่อให้ยิ่งลักษณ์นั่งให้เชิด เพราะอ่านใจ-อ่านจริตออกว่า "ชีชอบแบบนี้" จึงใช้เป็น "เหยื่อ" เกี่ยวเบ็ด สู่เป้าหมาย "ตกเอาประเทศ" ไปต้มทำยำแกงในสูตร "แดงทั้งแผ่นดิน"!?
ครับ...ก็ดูหุ่น "การเมืองโจร" เลือกหัวหน้าแก๊งกันไป ไม่ว่าจะเชิดใครขึ้นมา มันก็แค่ราคา "หุ่น" เท่านั้น บทพิสูจน์ง่ายๆ ว่า ใครมีอำนาจเหนือรัฐบาลจริงๆ บ้าง มันดูไม่ยาก ถ้าจริงอย่างที่ยิ่งลักษณ์เริงร่าบอกว่า "ปรับ ครม.เอง" ด้วย ๒ มือ ๑ มันสมอง
นั่น...นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ต้องถูกปรับออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์" เป็นคนแรกแน่ๆ!
เพราะยิ่งลักษณ์จะต้องเห็นความสำคัญประเทศผ่านนโยบายข้าวเหนือกว่าความสำคัญของคนเครือข่ายญาติพงศ์วงศาในความเป็นก๊วน-เป็นแก๊ง แต่ถ้ายังไว้เยื่อ-ไว้ยาง ยังไงก็ต้องปรับออกไป แล้วให้ไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นที่ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์
การที่ปรับออกเป็นสิบในความหมาย "เก้าอี้ดนตรี" แต่รัฐมนตรีที่ถือว่าบริหารผิดพลาด สร้างความพินาศให้กับระบบข้าว-ประเทศไทยเด่นชัด ซ้ำยังเป็นเชื้อราทำให้รัฐบาลบูดมากที่สุด แต่กลับอยู่แนบชิดติดชายกระโปรงนิรันดร์!?
นี่มันส่งสัญญาณถึงอะไร?
การทำแบบนี้ เท่ากับเป็นใบเสร็จสำแดงการกระทำร่วมในนโยบายข้าวที่ใช้เงิน ๔-๕ แสนล้าน ซื้อข้าวใส่โกดังไว้เต็มบ้าน-เต็มเมือง ๑๐-๒๐ ล้านตัน และที่คุยว่าขายจีทูจีได้แล้ว ๗-๘ ล้านตัน ถึงวันนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่าขายใครได้ซักถัง!
รองปลัดกระทรวงคลังหญิงที่ส่งหนังสือตรวจสอบการประมูล ๓ จีน่ะ กับการรักษาผลประโยชน์ชาติ และกับภาระรับผิดชอบด้านตรวจสอบโดยตรงในฐานะ "รองปลัดกระทรวงคลัง" ไม่กระตือรือร้นที่จะตรวจสอบ และท้วงติงการขนเงินคลังไปหว่านโปรยสร้างฐานให้รัฐบาลโจรบ้างหรือ?
แนวคิดจะเอาข้าวไปแลกนั่น-แลกนี่กับประเทศนั้น-ประเทศนี้ ฝันไปเถอะ...นึกหรือว่าการเดินนโยบายต่างประเทศของนายเหลี่ยมผ่านนายล้าน มันจะไหลลื่นมันแผล็บอย่างที่คิด "เอาแต่ได้" ด้านเดียว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อุปทูตจีนประจำไทย "นายจางอี้หมิง" พูดที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นักข่าวถามถึงความเห็นของจีนต่อรัฐบาลไทย ที่ชักชวนให้สหรัฐเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา นายจางอี้หมิงตอบว่า
"เรื่องสนามบินอู่ตะเภาได้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ติดตามอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ย่อมคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ แต่การตัดสินใจแบบนี้ ควรคำนึงถึงความรู้สึกประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ด้วย เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือร่วมกันอย่างแท้จริง"
พอเข้าใจ "ความรู้สึก" ของจีนต่อปัญหาอู่ตะเภาแล้วใช่ไหม นายจางอี้หมิงบอกว่า "เรื่องสนามบินอู่ตะเภาผ่านไปแล้ว" ความจริงยังไม่ผ่านไปไหน นายสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ยืดอกพูดกลางสภาฯ ด้วยซ้ำว่า ไม่ใช่สหรัฐขอมาใช้อู่ตะเภา แต่เรา คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปขอให้เขากลับมาเอง
แถมควักกระเป๋า "ตั้งงบ" อีกตะหาก!
ก็พักเรื่องนายกฯ ปรับ ครม.เอง สมาชิกพรรคเลือกหัวหน้ากันเอง ไม่มีนายหมา-นายแมวที่ไหนมาบัญชาการไว้แค่นี้ก่อน กลับไปคุยการเมืองเรื่องคณิตศาสตร์การชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์กันบ้าง ก็การชุมนุมของเสธ.อ้าย ที่สนามม้านางเลิ้งนั่นแหละ
๒ อาทิตย์ก่อนชุมนุม เสื้อแดงและรัฐบาลไม่ให้ราคา ไม่มีการพูดถึงเลย จนเข้าสัปดาห์ชุมนุม มีคำเยาะเย้ย-ถากถางประปราย จนวันชุมนุมผ่านไป ใครประเมินผล "ให้ราคา" อย่างไร ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า นปช.ทั้งในคราบพรรค และคราบขบวนการอำนาจนอกกฎหมาย
ดาหน้าออกมา "ให้ราคา" ด้วยกิริยาอาการต่างๆ กัน แต่ประเด็นที่เขา "เห็นสำคัญ" และให้น้ำหนักในการประเมินลำหัก-ลำโค่น ให้ไปทางเดียวกันก็คือ "ปริมาณ" คนมาชุมนุม!
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ บอกว่า...
"..........ตัวเลขผู้สนับสนุนองค์การพิทักษ์สยาม อย่างมากไม่เกิน ๒,๐๐๐ คน แต่มีเจ้าของบ่อนบางซื่อนำคนมาเติมอีกราว ๒,๐๐๐ คน และบรรดาผู้หญิงที่หน้าเวที ก็เป็นแฟนคลับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เดิมว่าจะไม่มา แต่ก็เข้ามาร่วมด้วย...........
การปราศรัยแบบเมื่อวานนี้สำเร็จไม่ได้หรอก เพราะอยู่ๆ มีคนมา ๓๐,๐๐๐ คน ก็มาไล่รัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล หรือถ้าไล่ได้แล้ว จะเอาใครมาเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาล เพราะการจะเข้ามาต้องมีเสียงข้างมากในสภาฯ การชุมนุมเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผล........."
นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง บอกว่า......
"..........การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากนั้น ถือเป็นเรื่องผิดปกติ ซึ่งผมได้พยายามตรวจสอบความเคลื่อนไหวหลายๆ พื้นที่ และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง และอยากให้สังคมช่วยตรวจสอบเพื่อหาความสัมพันธ์
...........ขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ในเมื่อกลุ่มทุนจากอบายมุขสนามม้าเข้ามาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ซึ่งสนามม้าทุกคนเชื่อว่าเป็นบ่อนการพนันรูปแบบหนึ่ง ในเมื่อรัฐบาลไม่สนับสนุนการพนันทุกรูปแบบ ดังนั้นบ่อนในรูปแบบของสนามม้าก็ควรถูกปิดด้วย อย่าให้มีการใช้เงินที่มาจากอบายมุขมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”
และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) บอกว่า
"........มีกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นตอน ๓ โมงเย็น ยอด ๘,๐๐๐ คนเศษ และตอน ๔ โมงเย็น ผู้ชุมนุมทยอยกลับเหลือประมาณ ๖,๐๐๐ คนเศษ......."
แต่ตอน ๑๘.๑๐ น. พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ กล่าวปิดการชุมนุมว่า.....
"รู้สึกชื่นใจและขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแสดงพลัง มีตัวเลขผู้มาลงทะเบียนประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน และมีประชาชนที่ไม่ได้ลงชื่ออีกประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน มาร่วมชุมนุมด้วย
ฟังจากภาคประชาชน คือผู้มีบรรยากาศร่วมในการชุมนุมบ้าง Chalaikorn Phatrathirarat คอมเมนต์ในเว็บไซต์ไทยโพสต์ว่า
"..........เมื่อวาน ที่ราชตฤณมัยสมาคม ผู้คนล้นหลาม พิธีกรบอกว่า ถามเสธ.อ้ายว่า สนามม้าจุคนเท่าไร ตอบว่า ๒๐,๐๐๐ คน แล้วล้นสนามลงมา นับรวมถึงด้านใต้อัฒจันทร์ น่าจะเกือบ ๓๐,๐๐๐.........."
ครับ...นี่คือทัศนคติสังคมไทยต่อมุมมองทางการเมืองในภาค "คณิตศาสตร์เชิงปริมาณ" จะเห็นว่า "เน้น" ตัวเลขเชิงปริมาณเป็นหลัก แทบไม่มีใครในฝ่ายไหนๆ ยกขึ้นมาพูด-มาถาม-มาเน้น-มาใคร่ครวญเลยว่า
ที่ประชาชนออกมารวมตัวชุมนุมกันเมื่อวันอาทิตย์ โดยมีพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นแกนนำนั้น...อะไรคือสาเหตุแห่งความคับข้องจิต จนต้องออกมาแสดงเจตนาประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาล?
รัฐบาลบริหารบั่นทอนประเทศด้วยส่อโกง เป็นร่างทรงโจร และมุ่งเป้าเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน หวังเปลี่ยนประเทศเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน" อย่างนั้น...ใช่หรือไม่?.
มวลสมาชิกก็ลองคิดก่อนโหวตซักนิดซี มันมีอย่างที่ไหน ยกก้นยิ่งลักษณ์ให้เป็นนายกฯ ยังแย่งกันยกจนไม่มีที่ว่างให้จับ-ให้แตะ แต่กะอีแค่หัวหน้าพรรคอันคลั่กด้วยพระ-ด้วยโจร ทำกระบิด-กระบวน ด้วย "รังเกียจ-รังชัง" กันอยู่นั่นแหละ
ในมุมกลับกัน แค่ระดับหัวหน้าพรรค คนเพื่อไทยยังไม่อยากได้ยิ่งลักษณ์ นี่แสดงว่า ลึกๆ ในใจ-ในเจตนา ของคนเพื่อไทย ต้องซ่อนแผนชั่วร้ายไว้ใต้ความหวังดีต่อยิ่งลักษณ์บนเก้าอี้นายกฯ อย่างใด-อย่างหนึ่งค่อนข้างแน่
เลวร้ายไปกว่านั้น เอาเก้าอี้นายกฯ ล่อให้ยิ่งลักษณ์นั่งให้เชิด เพราะอ่านใจ-อ่านจริตออกว่า "ชีชอบแบบนี้" จึงใช้เป็น "เหยื่อ" เกี่ยวเบ็ด สู่เป้าหมาย "ตกเอาประเทศ" ไปต้มทำยำแกงในสูตร "แดงทั้งแผ่นดิน"!?
ครับ...ก็ดูหุ่น "การเมืองโจร" เลือกหัวหน้าแก๊งกันไป ไม่ว่าจะเชิดใครขึ้นมา มันก็แค่ราคา "หุ่น" เท่านั้น บทพิสูจน์ง่ายๆ ว่า ใครมีอำนาจเหนือรัฐบาลจริงๆ บ้าง มันดูไม่ยาก ถ้าจริงอย่างที่ยิ่งลักษณ์เริงร่าบอกว่า "ปรับ ครม.เอง" ด้วย ๒ มือ ๑ มันสมอง
นั่น...นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ต้องถูกปรับออกจากตำแหน่ง "รัฐมนตรีว่าการพาณิชย์" เป็นคนแรกแน่ๆ!
เพราะยิ่งลักษณ์จะต้องเห็นความสำคัญประเทศผ่านนโยบายข้าวเหนือกว่าความสำคัญของคนเครือข่ายญาติพงศ์วงศาในความเป็นก๊วน-เป็นแก๊ง แต่ถ้ายังไว้เยื่อ-ไว้ยาง ยังไงก็ต้องปรับออกไป แล้วให้ไปกินตำแหน่งรัฐมนตรีอื่นที่ไม่ใช่กระทรวงพาณิชย์
การที่ปรับออกเป็นสิบในความหมาย "เก้าอี้ดนตรี" แต่รัฐมนตรีที่ถือว่าบริหารผิดพลาด สร้างความพินาศให้กับระบบข้าว-ประเทศไทยเด่นชัด ซ้ำยังเป็นเชื้อราทำให้รัฐบาลบูดมากที่สุด แต่กลับอยู่แนบชิดติดชายกระโปรงนิรันดร์!?
นี่มันส่งสัญญาณถึงอะไร?
การทำแบบนี้ เท่ากับเป็นใบเสร็จสำแดงการกระทำร่วมในนโยบายข้าวที่ใช้เงิน ๔-๕ แสนล้าน ซื้อข้าวใส่โกดังไว้เต็มบ้าน-เต็มเมือง ๑๐-๒๐ ล้านตัน และที่คุยว่าขายจีทูจีได้แล้ว ๗-๘ ล้านตัน ถึงวันนี้ก็ยังไม่ปรากฏว่าขายใครได้ซักถัง!
รองปลัดกระทรวงคลังหญิงที่ส่งหนังสือตรวจสอบการประมูล ๓ จีน่ะ กับการรักษาผลประโยชน์ชาติ และกับภาระรับผิดชอบด้านตรวจสอบโดยตรงในฐานะ "รองปลัดกระทรวงคลัง" ไม่กระตือรือร้นที่จะตรวจสอบ และท้วงติงการขนเงินคลังไปหว่านโปรยสร้างฐานให้รัฐบาลโจรบ้างหรือ?
แนวคิดจะเอาข้าวไปแลกนั่น-แลกนี่กับประเทศนั้น-ประเทศนี้ ฝันไปเถอะ...นึกหรือว่าการเดินนโยบายต่างประเทศของนายเหลี่ยมผ่านนายล้าน มันจะไหลลื่นมันแผล็บอย่างที่คิด "เอาแต่ได้" ด้านเดียว
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อุปทูตจีนประจำไทย "นายจางอี้หมิง" พูดที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นักข่าวถามถึงความเห็นของจีนต่อรัฐบาลไทย ที่ชักชวนให้สหรัฐเข้ามาใช้สนามบินอู่ตะเภา นายจางอี้หมิงตอบว่า
"เรื่องสนามบินอู่ตะเภาได้ผ่านไปแล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นได้ติดตามอย่างใกล้ชิด การตัดสินใจเป็นหน้าที่ของรัฐบาลไทยที่ย่อมคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ แต่การตัดสินใจแบบนี้ ควรคำนึงถึงความรู้สึกประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคนี้ด้วย เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือร่วมกันอย่างแท้จริง"
พอเข้าใจ "ความรู้สึก" ของจีนต่อปัญหาอู่ตะเภาแล้วใช่ไหม นายจางอี้หมิงบอกว่า "เรื่องสนามบินอู่ตะเภาผ่านไปแล้ว" ความจริงยังไม่ผ่านไปไหน นายสุรพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ยืดอกพูดกลางสภาฯ ด้วยซ้ำว่า ไม่ใช่สหรัฐขอมาใช้อู่ตะเภา แต่เรา คือรัฐบาลยิ่งลักษณ์ไปขอให้เขากลับมาเอง
แถมควักกระเป๋า "ตั้งงบ" อีกตะหาก!
ก็พักเรื่องนายกฯ ปรับ ครม.เอง สมาชิกพรรคเลือกหัวหน้ากันเอง ไม่มีนายหมา-นายแมวที่ไหนมาบัญชาการไว้แค่นี้ก่อน กลับไปคุยการเมืองเรื่องคณิตศาสตร์การชุมนุมเมื่อวันอาทิตย์กันบ้าง ก็การชุมนุมของเสธ.อ้าย ที่สนามม้านางเลิ้งนั่นแหละ
๒ อาทิตย์ก่อนชุมนุม เสื้อแดงและรัฐบาลไม่ให้ราคา ไม่มีการพูดถึงเลย จนเข้าสัปดาห์ชุมนุม มีคำเยาะเย้ย-ถากถางประปราย จนวันชุมนุมผ่านไป ใครประเมินผล "ให้ราคา" อย่างไร ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า นปช.ทั้งในคราบพรรค และคราบขบวนการอำนาจนอกกฎหมาย
ดาหน้าออกมา "ให้ราคา" ด้วยกิริยาอาการต่างๆ กัน แต่ประเด็นที่เขา "เห็นสำคัญ" และให้น้ำหนักในการประเมินลำหัก-ลำโค่น ให้ไปทางเดียวกันก็คือ "ปริมาณ" คนมาชุมนุม!
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ บอกว่า...
"..........ตัวเลขผู้สนับสนุนองค์การพิทักษ์สยาม อย่างมากไม่เกิน ๒,๐๐๐ คน แต่มีเจ้าของบ่อนบางซื่อนำคนมาเติมอีกราว ๒,๐๐๐ คน และบรรดาผู้หญิงที่หน้าเวที ก็เป็นแฟนคลับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เดิมว่าจะไม่มา แต่ก็เข้ามาร่วมด้วย...........
การปราศรัยแบบเมื่อวานนี้สำเร็จไม่ได้หรอก เพราะอยู่ๆ มีคนมา ๓๐,๐๐๐ คน ก็มาไล่รัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล หรือถ้าไล่ได้แล้ว จะเอาใครมาเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาล เพราะการจะเข้ามาต้องมีเสียงข้างมากในสภาฯ การชุมนุมเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผล........."
นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำเสื้อแดง บอกว่า......
"..........การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งมีมวลชนเข้าร่วมเป็นจำนวนมากนั้น ถือเป็นเรื่องผิดปกติ ซึ่งผมได้พยายามตรวจสอบความเคลื่อนไหวหลายๆ พื้นที่ และเชื่อว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว มีความเชื่อมโยงกับพรรคการเมือง และอยากให้สังคมช่วยตรวจสอบเพื่อหาความสัมพันธ์
...........ขอฝากไปยังรัฐบาลว่า ในเมื่อกลุ่มทุนจากอบายมุขสนามม้าเข้ามาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาล ซึ่งสนามม้าทุกคนเชื่อว่าเป็นบ่อนการพนันรูปแบบหนึ่ง ในเมื่อรัฐบาลไม่สนับสนุนการพนันทุกรูปแบบ ดังนั้นบ่อนในรูปแบบของสนามม้าก็ควรถูกปิดด้วย อย่าให้มีการใช้เงินที่มาจากอบายมุขมาล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”
และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (ศปก.น.) บอกว่า
"........มีกลุ่มผู้ชุมนุมเพิ่มขึ้นตอน ๓ โมงเย็น ยอด ๘,๐๐๐ คนเศษ และตอน ๔ โมงเย็น ผู้ชุมนุมทยอยกลับเหลือประมาณ ๖,๐๐๐ คนเศษ......."
แต่ตอน ๑๘.๑๐ น. พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ กล่าวปิดการชุมนุมว่า.....
"รู้สึกชื่นใจและขอบคุณพี่น้องประชาชนที่มาร่วมแสดงพลัง มีตัวเลขผู้มาลงทะเบียนประมาณ ๒๐,๐๐๐ คน และมีประชาชนที่ไม่ได้ลงชื่ออีกประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน มาร่วมชุมนุมด้วย
ฟังจากภาคประชาชน คือผู้มีบรรยากาศร่วมในการชุมนุมบ้าง Chalaikorn Phatrathirarat คอมเมนต์ในเว็บไซต์ไทยโพสต์ว่า
"..........เมื่อวาน ที่ราชตฤณมัยสมาคม ผู้คนล้นหลาม พิธีกรบอกว่า ถามเสธ.อ้ายว่า สนามม้าจุคนเท่าไร ตอบว่า ๒๐,๐๐๐ คน แล้วล้นสนามลงมา นับรวมถึงด้านใต้อัฒจันทร์ น่าจะเกือบ ๓๐,๐๐๐.........."
ครับ...นี่คือทัศนคติสังคมไทยต่อมุมมองทางการเมืองในภาค "คณิตศาสตร์เชิงปริมาณ" จะเห็นว่า "เน้น" ตัวเลขเชิงปริมาณเป็นหลัก แทบไม่มีใครในฝ่ายไหนๆ ยกขึ้นมาพูด-มาถาม-มาเน้น-มาใคร่ครวญเลยว่า
ที่ประชาชนออกมารวมตัวชุมนุมกันเมื่อวันอาทิตย์ โดยมีพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นแกนนำนั้น...อะไรคือสาเหตุแห่งความคับข้องจิต จนต้องออกมาแสดงเจตนาประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาล?
รัฐบาลบริหารบั่นทอนประเทศด้วยส่อโกง เป็นร่างทรงโจร และมุ่งเป้าเปลี่ยนระบอบ-ล้มสถาบัน หวังเปลี่ยนประเทศเป็น "แดงทั้งแผ่นดิน" อย่างนั้น...ใช่หรือไม่?.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น