เรือนหมื่นไล่ยิ่งลักษณ์อ้ายนัดอีก1ด.ปิดฉาก ข่าวหน้า 1 29 October 2555 - 00:00

ผิดคาด ม็อบสนามม้าไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์คึก ตำรวจประเมิน 1 พันแต่มาเรือนหมื่น "เหลิม" รับการข่าวพลาด แต่ไม่สะดุ้ง ซัดปลุกไม่ขึ้นเหตุขนกันมา "เสธ.อ้าย" ตีปีกคุยโวมา 2 หมื่น รอบหน้าจัดหนักอีก ผบ.ทอ.ย้ำทัพอากาศหนุนรัฐบาล 
    การนัดชุมนุมการเมืองของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามและภาคีเครือข่าย เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ภายใต้การรณรงค์แสดงพลังขับไล่รัฐบาล ที่ราชตฤณมัยสมาคมฯ หรือสนามม้านางเลิ้ง ตลอดทั้งวันดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงหรือการเผชิญหน้าใดๆ แต่จำนวนคนที่มารวมตัวกันนับหมื่นคน ได้สร้างความประหลาดใจให้กับหลายฝ่ายไม่น้อย แม้แต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังยอมรับว่าประเมินผิดพลาด 
    การชุมนุมดังกล่าวครั้งนี้ได้มีแนวร่วมขององค์การพิทักษ์สยามมาร่วมชุมนุม อาทิ กลุ่มกองทัพธรรม กลุ่มที่สนับสนุนพันธมิตรฯ 
    ขณะที่ตำรวจมีการจัดกำลังตำรวจดูแลความปลอดภัยประมาณ 600 นาย อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ประชาชนจะมาชุมนุมกันจำนวนมาก พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 คาดว่าจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 1,000 คน หรือมากกว่านั้น
    โดยก่อนที่จะเข้ามายังพื้นที่ในสนามม้า ผู้จัดงานได้มีการตั้งโต๊ะเปิดให้ประชาชนที่มาร่วมลงชื่อสนับสนุนเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ซึ่งองค์การพิทักษ์สยามจะรวบรวมรายชื่อให้ได้ 1 ล้านรายชื่อภายในระยะเวลา 1 เดือน เพื่อส่งให้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง ทั้งนี้ เวทีปราศรัยมีการตั้งไว้บริเวณสนามม้า โดยประชาชนจะนั่งบนอัฒจันทร์ 
    เมื่อเริ่มงาน พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม ได้เปิดการนัดชุมนุมช่วง 11.00 น.
     พล.อ.บุญเลิศกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ทุกคนมาด้วยใจ ไม่มีมวลชนจัดตั้ง และเราก็ไม่มีเงินไปจ้างใคร และก็ไม่เคยรับเงินใครมาดำเนินการจัดการชุมนุม อยากได้รายชื่อประชาชนประมาณ 1 ล้านรายชื่อ เพื่อเสนอให้รัฐบาลพิจารณา จากที่ประกาศวัตถุประสงค์ 3 ข้อการชุมนุม คือ 1.ไม่เอารัฐบาลที่ไม่คำนึงถึงประชาชน 2.การปกป้องสถาบันที่มีการพูดจาบจ้วง 3.ขับไล่รัฐบาลที่บริหารงานที่ผิดพลาด หลังจากนี้จะประเมินอีกครั้งว่าจะจัดกิจกรรมอย่างต่อไปหรือไม่ ถ้ามีการจัดก็จะต้องจัดภายใน 1 เดือนนับจากวันนี้ 
"เหลิม"รับประเมินพลาด 
    ในช่วงบ่าย หลังเริ่มมีจำนวนคนมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่ามีคนชุมนุมมาร่วมกว่าหมื่นคน ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดความคาดหมาย ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ประเมินผิดพลาดมาก ประเมินไว้เพียง 1,500-2,000 คน การชุมนุมครั้งนี้เป็นการเกณฑ์คนมาจากพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพฯ เชื่อว่าจุดกระแสไม่ติด เพราะยังไม่มีประเด็นจะล้มรัฐบาลได้ อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็ออกมาระบุชัดเจนว่าทหารไม่ยุ่งเกี่ยว ถ้าทหารไม่เอาด้วยก็จบ รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไป 
    การชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงช่วงเย็น น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้นปราศรัยว่า ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศตัวจริง เมื่อรัฐบาลบริหารประเทศไม่ดี ประชาชนก็มีสิทธิ์ชุมนุมและเรียกร้องให้รัฐบาลออกไปจากตำแหน่งได้ บ้านเมืองกำลังเผชิญวิกฤติหลายด้านที่จะนำประเทศไปสู่หายนะในอนาคต อาทิ วิกฤติเศรษฐกิจ-วิกฤติทางสังคมและระบบราชการ-วิกฤติความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชา และพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ นักการเมืองเลวได้สมคบคิดนักการเมืองกัมพูชาและบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะประเทศอเมริกา ที่จะมากอบโกยทรัพยากรในอ่าวไทย-วิกฤติภาวะผู้นำประเทศ ที่ขณะนี้ผู้นำประเทศไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน ไม่สามารถที่จะตอบคำถามใดๆ ได้เลย มีเพียงแต่การอ้างว่า “หนูไม่รู้” เพียงอย่างเดียว รู้สึกสมเพชผู้นำประเทศคนนี้
    จากนั้นเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการชุมนุม โดยบรรดาแกนนำทั้งหมดได้ขึ้นเวที และ พล.อ.บุญเลิศได้ปราศรัยสรุป โดยยืนยันว่า การชุมนุมในครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากกว่า 2 หมื่นคน และทั้งหมดมาจากทั่วสารทิศ ไม่มีใครจ้างมา และเป็นการแสดงออกว่าประชาชนไม่พอใจการทำงานของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
    จากนั้น พล.อ.บุญเลิศได้ถามผู้ชุมนุมว่า “วันนี้ผู้ชุมนุมพอใจหรือไม่ เห็นด้วยหรือไม่” ทั้งนี้ ประชาชนได้ตะโกนกลับมาว่า “เห็นด้วย” และส่งเสียงสนับสนุน พล.อ.บุญเลิศ จึงพูดกลับไปว่า ถ้าเช่นนั้นให้ทุกคนพาคนมาร่วมอีกคนละ 100 คน เพื่อให้การชุมนุมประสบความสำเร็จต่อไป โดยการชุมนุมครั้งหน้าจะเป็นการชุมนุมครั้งสุดท้ายเพื่อขับไล่รัฐบาลนี้ให้ได้ จากนั้น พล.อ.บุญเลิศ ได้สั่งยุติการชุมนุมเมื่อเวลา 18.18 น.
ผบ.ตร.สรุปมา 8 พัน
    ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้มีผู้ร่วมชุมนุมจำนวน 7,000-8,000 คน ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ประเมินสถานการณ์คลาดเคลื่อน ยังไม่ทราบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมาจากกลุ่มไหนบ้าง ต้องขอเวลาตรวจสอบก่อน  
    ในช่วงเย็น หลังการชุมนุมยุติลง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ผู้ชุมนุมได้ชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และไม่สร้างผลกระทบ ความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น และไม่มีการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย ก็ต้องขอขอบคุณ ยอมรับจำนวนคนที่มาชุมนุมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะมีการเคลื่อนไหวของนักการเมืองบางคนที่ระดมคน จึงทำให้มีคนมาร่วมมาก ซึ่งผู้จัดการชุมนุมอาจไม่ทราบ แต่จำนวนมากน้อยไม่สำคัญ ถ้าชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ ไม่ก่อเหตุวุ่นวาย ถือเป็นสิ่งที่ทำได้
    เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่การชุมนุมจะยกระดับมากขึ้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ เคยทำอะไรให้สังคมชื่นชอบบ้าง ถึงจะมีคนมาเห็นด้วย จะมาแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชน่ะได้ แต่บอกให้รัฐบาลออก ไม่ออกหรอก เมื่อถามว่ามีทหารยศใหญ่อยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่มีหรอก ทหารในกองทัพก็ไม่มี มีแต่ทหารเกษียณแล้ว
    ร.ต.อ.เฉลิมประเมินอีกว่า การชุมนุมที่ผ่านไปยังจุดไม่ติด เรื่องที่พูดก็เป็นของเก่าที่ไม่จริงสักเรื่อง ยังไงประชาชนทั้งประเทศก็ไม่เอาด้วย เมื่อถามว่าไม่เกินมือเฉลิมใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ไม่ใช่ ไม่เกินพลังพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่เขาไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่ออกมา
ผบ.ทอ.ย้ำ ทอ.หนุนรัฐบาล
     พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ กล่าวตอบคำถามสื่อที่ว่า การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนของรัฐบาลหรือไม่ ว่าที่ผ่านมาเวลาที่มีการประเมินผลงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นที่พึงพอใจของประชาชน  อีกทั้งการทำงานของภาครัฐขณะนี้ดูแล้วก็ไปได้  
    จุดยืนของกองทัพอากาศมีภารกิจชัดเจน ทั้งการสนับสนุนโครงการพระราชดำริ การดูแลเรื่องภัยคุกคาม สนับสนุนรัฐบาลในการพัฒนาประเทศ ส่วนเรื่องการเมืองที่เป็นการเมืองโดยตรง เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่งานกิจการการเมืองที่มีผลต่อนโยบายการปฏิบัตินั้นกองทัพอากาศสนองตอบเต็มที่ 
    วันเดียวกันนี้ ที่โรงแรมสีหราช จ.อุตรดิตถ์ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ พร้อมด้วย นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.การคลัง ร่วมกันเปิดโรงเรียนการเมือง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน มีสมาชิก นปช.จาก 17 จังหวัดภาคเหนือกว่า 2,000 คนเข้าร่วมงาน
    นางธิดากล่าวว่า การเปิดโรงเรียน นปช.ครั้งนี้ คาดหวังเอาไว้ว่าเป็นการยกระดับ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั่วประเทศครั้งใหญ่ แกนนำทุกคนจะต้องมีคุณภาพที่สูงขึ้น ปริมาณต้องสูงขึ้นตามไปด้วย เหตุผลเพราะภารกิจมีความยากขึ้น 
    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในงานดังกล่าว มีการแจกหนังสือปกแดง ซึ่งเป็นเอกสารประกอบจัดศึกษาของผู้ปฏิบัติการ นปช.ในปี 2555 จำนวน 40 หน้า ภายในระบุแผนภูมิโครงสร้าง นปช.ทุกระดับ ทั้งระดับประเทศ-ต่างจังหวัดจนถึงระดับสากล รวมถึงแผนภูมิเครือข่ายอำมาตยาธิปไตย พร้อมเป้าหมายยุทธศาสตร์การต่อสู้ (เดิม) เป้าหมายยุทธศาสตร์ในการต่อสู้ (ใหม่) และเป้าหมายเฉพาะหน้าคือ 1.ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และผลผลิตของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมทั้งกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง 2.ยุติการรัฐประหารทุกรูปแบบให้หมดไปจากประเทศไทย รวมถึงเป้าหมายใหญ่ระยะยาวคือ โค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย
     ด้านท่าทีจากฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย วันเดียวกันนี้ มีการจัดงาน “เดินหน้ารวมพลัง ปฏิรูปประเทศไทย” ที่สนามหน้าเมือง อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช 
    โดยนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ แกนนำพันธมิตรฯ ย้ำเหตุที่ไม่เข้าร่วมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามว่า ผู้เข้าร่วมชุมนุมที่สนามม้านางเลิ้งมีหลายกลุ่มมาก ทั้งพันธมิตรฯ กลุ่มสันติอโศก กลุ่มที่สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ กองทัพปลดแอกประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอีกหลายกลุ่ม ถือเป็นการแสดงออกถึงความอึดอัดของประชาชนที่มีต่อรัฐบาล ในส่วนของแกนนำพันธมิตรฯ นั้น มีมติตรงกันว่า จะเป่านกหวีดระดมพล ถ้าหากรัฐบาลตรากฎหมายที่เอื้อต่อการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 
    ส่วน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ อีกคน กล่าวว่า เสธ.อ้ายเป็นรุ่นน้อง จปร.ผม 5 ปี สิ่งที่ เสธ.อ้ายเพลี่ยงพล้ำคือ การนัดทานข้าวกับ ร.ต.อ.เฉลิม จะไปคัดค้านหัวหน้ารัฐบาลดันไปรับนัดเขาได้ อย่างนี้เรียกว่าเสียทางทางการเมืองนิดหน่อย 
    นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง "ความหวังของสาธารณชน การปรับคณะรัฐมนตรี กับการยึดอำนาจรัฐบาล" อันเป็นการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่าง  2,104 ราย 
    เมื่อถามถึงการชุมนุมทางการเมือง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.6 สนับสนุน เพราะเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องปกติตามระบอบประชาธิปไตย เป็นต้น ขณะที่ร้อยละ 37.4 ไม่สนับสนุน เพราะวุ่นวาย ควรช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบสุข ทุกอย่างให้ว่ากันตามกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมือง เป็นต้น.