วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

แดง-ปชป.พร้อมใจเปิดรร.ปลุกมวลชน ข่าวหน้า 1 29 October 2555 - 00:00



"นปช.-ปชป." งัดยุทธศาสตร์ผุดโรงเรียนการเมืองปลุกแนวคิดมวลชนสู้กัน "เสื้อแดง" โผล่อุตรดิตถ์อบรมแกนนำ 17 จว.ภาคเหนือ "ประชาธิปัตย์" ประเดิม 3 เขตใหญ่เมืองกรุง "สุเทพ" ลั่นถึงเวลาต้องกระจายกำลัง แฉระบบทักษิณทำชาติวุ่นวาย "ป.ป.ช." ปัดเตะถ่วงคดีสลายแดงปี 53 อ้างต้องรอผลสอบทุกฝ่าย
    เมื่อวันอาทิตย์ มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มียุทธศาสตร์คล้ายกัน ระหว่างกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง กับพรรคประชาธิปัตย์  ซึ่งมีการเปิดโรงเรียนการเมือง ในการให้ความรู้และนำเสนอแนวคิดทางการเมืองต่างๆ
    โดยกลุ่ม นปช. ใช้โรงแรมสีหราช จ.อุตรดิตถ์ เปิดโครงการโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช. "แดงทั้งแผ่นดิน" หลักสูตรผู้ปฏิบัติงาน นปช.ระดับต้น มีนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.การคลัง พร้อม นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. เป็นประธานเปิดโครงการ เพื่ออบรมแกนนำคนเสื้อแดงในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด จำนวน 1,500 คน 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แกนนำ นปช.ที่มาร่วมบรรยายครั้งนี้ อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช., นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ และนายอดิศร เพียงเกษ โดยต่างบรรยายเป้าหมายยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี หลักนโยบาย ภาระหน้าที่ การนำวิธีคิดวิธีทำงาน และงานแนวร่วมให้กับ นปช.และคนเสื้อแดงรับฟัง 
    ส่วน นพ.เหวง บรรยายเรื่องอุปสรรคการทำงานมวลชนและการจัดตั้งองค์กร นปช.ในชนบทและเขตเมือง, นายวิสา คัญทัพ นายก่อแก้ว พิกุลทอง และนายจรัล ดิษฐาอภิชัย บรรยายเรื่องพัฒนาการการต่อสู้ของประชาชนไทย และสถานการณ์การต่อสู้กับระบอบอำมาตย์ในปัจจุบัน และปิดท้ายด้วยนางธิดา ขึ้นตอบข้อซักถามของ นปช.และคนเสื้อแดง
    นางธิดากล่าวว่า ประมาณ 3 เดือนเราจะเปิดโรงเรียนให้ครบทั่วประเทศ แม้โรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.จะเป็นเพียงสถาบันการศึกษาแห่งหนึ่ง แต่จะมีความหมายมากไปกว่าสถาบันอุดมศึกษาที่สอนตามหลักสูตรธรรมดาในประเทศ เนื่องจากโรงเรียนดังกล่าวจะอบรมให้ผู้เข้าร่วมหลักสูตรเป็นผู้นำในพื้นที่ของตัวเอง โดยกิจกรรมที่คนเสื้อแดงจัดขึ้นในครั้งนี้ สร้างความหวั่นไหวให้เกิดขึ้นกับกลุ่มที่เป็นปฏิปักษ์ของคนเสื้อแดงเป็นอย่างมาก เพราะศัตรูรู้ดีว่าคนเสื้อแดงกำลังจะยกระดับคุณภาพขึ้นอีกขั้นหนึ่ง และสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองได้
    "แนวทางของคนเสื้อแดงจะต้องสถาปนารัฐใหม่ขึ้น โดยรัฐใหม่ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้น จะปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีหลักกฎหมายที่เป็นไปตามหลักนิติรัฐและสอดคล้องกับหลักนิติธรรม ขอให้คนเสื้อแดงทุกคนจงเสียสละเพื่อรัฐไทยใหม่" ประธาน นปช.กล่าว
    ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เปิดโรงเรียนการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ เขตสาทร บางคอแหลม ยานนาวา กทม. ที่โรงแรมรามาดา พลาซ่า ถนนเจริญกรุง มีแกนนำพรรคประชาธิปัตย์มาร่วมงาน อาทิ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรค, นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และ ส.ส.กทม.
    นายอภิสิทธิ์บรรยายในหัวข้อ "องค์กรและสถาบันหลักของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขของไทย" ตอนหนึ่งว่า วันนี้การเมืองเปลี่ยนไป อดีตการเมืองไม่ยุ่งเหยิงวุ่นวายขนาดนี้ แต่เหตุผลที่ปัจจุบันต้องเปิดโรงเรียนการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ เพราะการต่อสู้การเมืองเข้มข้นมาก และเป้าหมายการต่อสู้ทางการเมืองของพรรคคู่แข่งก็ไม่เหมือนในอดีต เพราะในอดีตเราทำงานการเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้ระบบรัฐสภา มีกติกาสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ การเมืองมีทั้งพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาล ฝ่ายค้านจะตรวจสอบรัฐบาล เราทำงานกันอย่างนี้มาตลอด  
    "แต่เกิดภัยจากการเมืองทุกวันนี้ขึ้นมา คือการปฏิวัติที่ไม่เป็นประชาธิปไตย สมัยก่อนผู้ที่ปฏิวัติก็มายึดอำนาจ แต่การปฏิวัติปี 2534 และ 2549 ผู้ที่ปฏิวัติรู้ว่าคนต่างประเทศไม่ยอมรับก็ไปหาคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรี และบอกกับประชาคมโลกว่า เป็นการปฏิวัติที่มาชั่วคราว และอ้างว่าจะรีบคืนอำนาจให้ประชาชน  ยิ่งไปกว่านั้นยังมาขอประชามติในการรับร่างรัฐธรรมนูญอีก" นายอภิสิทธิ์กล่าว
    ด้านนายสุเทพ บรรยายในหัวข้อ “ความคิดตรงข้ามรัฐไทยกรณีระบอบทักษิณกับความคิดเรื่องรัฐไทยใหม่ (ทักษิณ ลัทธิแดง รัฐไทยใหม่)” ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ตนได้แยกความใกล้ชิดออกจากนายอภิสิทธิ์เพื่อไปทำกิจกรรม 3 เรื่อง 1.โรงเรียนการเมือง 2.ตั้งเวทีประชาชน 3.มีทีวีฝ่ายข้างเรา (ซึ่งคำนี้ตนไม่ได้พูดเอง) เพราะอีกฝ่ายเขามีทั้งโรงเรียนแดง หมู่บ้านแดง ทีวีแดง และยังคุมสื่อโทรทัศน์ได้ทุกช่อง อนาคตถ้าปล่อยอย่างนี้จะไม่ไหวแน่ เนื่องจากบ้านเมืองกำลังมีภัยจวนตัว ถ้าเราไม่กระจายกำลัง ประเทศจะมีปัญหา และอาจเป็นความเสียหายของบ้านเมืองได้ เราจึงจำเป็นต้องรู้ต้นเหตุของปัญหา และคิดด้วยว่าจะแก้ไขอย่างไรโดยเป็นหน้าที่ของพวกเรา 
    "ประเทศไทยทุกวันนี้ตั้งแต่เกิดระบอบทักษิณขึ้นมาก็วุ่นวาย เจ็บปวด เสียหายยับเยินมากกว่ายุคไหนๆ เพราะใช้วิธีการปกครองบ้านเมืองแบบไม่สนใจหัวใจของระบอบประชาธิปไตยว่าคืออะไร เอาแต่ชื่อมาอ้าง และอ้างคำว่าเพื่อประชาชนอย่างเดียว เนื่องจากเป้าหมายสำคัญของระบอบทักษิณคือ ยึดอำนาจรัฐให้ได้ ไม่คำนึงถึงวิธีที่ได้มาเพื่อขอให้ได้อำนาจเบ็ดเสร็จการปกครองอย่างเดียว โกงชาติจนศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคสองหน จนเราเบื่อที่จะร้องศาลพิจารณาต่อ ถ้าร้องก็โดนอีกแน่" นายสุเทพกล่าว 
    ส่วนนายชวน บรรยายหัวข้อ “หน้าที่ของประชาชนเจ้าของประเทศที่แท้จริงในสถานการณ์ปัจจุบัน” ตอนหนึ่งว่า คนไทยทุกคนมีหน้าที่รักษาความถูกต้องชอบธรรม ขณะที่ฝ่ายการเมืองทำนโยบายข้าราชการปฏิบัติ แต่ถ้ามีการสั่งไม่ถูกต้องให้กลั่นแกล้งหรือเลือกข้างรัฐบาล เป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ข้าราชการต้องไม่เปลี่ยนตามรัฐบาล แต่ต้องรักษาเกียรติภูมิของตัวเอง อย่ายอมให้การเมืองควบคุม
    วันเดียวกัน สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกแถลงการณ์รายงานความคืบหน้าคดีเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่ม นปช. ปี 53 กรณีพรรคเพื่อไทยเร่งรัดในการสรุปสำนวนคดี และชี้มูลความผิดนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพว่า  ป.ป.ช.ได้ดำเนินการในคดีดังกล่าวตามขั้นตอนกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ซึ่งต้องไต่สวนข้อเท็จจริงจากผู้กล่าวหา พยานบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งต้องรอผลการสอบสวนเหตุการณ์ดังกล่าวจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการเสียชีวิตของประชาชนในเหตุการณ์การชุมนุมระหว่างวันที่ 10 เม.ย.-19 พ.ค.53 มีหลายหน่วยงานดำเนินการตรวจสอบ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช.จำเป็นต้องรอผลการตรวจสอบจากหน่วยงานต่างๆ 
    แถลงการณ์ ป.ป.ช.ยังรายงานคดีเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ปี 51 ว่า ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิดทางอาญา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี, พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และชี้มูลความผิดทางวินัย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. (ในขณะนั้น) แต่ในกรณีดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุดได้พิจารณาสำนวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้ว เห็นว่ายังมีข้อไม่สมบูรณ์ และได้แต่งตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างสำนักงาน ป.ป.ช.กับสำนักงานอัยการรวบรวมพยานหลักฐานตามที่อัยการสูงสุดมีความเห็นให้รวบรวมเพิ่มเติมแล้ว ป.ป.ช.จึงมีอำนาจฟ้องคดีเอง หรือแต่งตั้งทนายความให้ฟ้องคดีแทนได้ โดยคดีนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติให้จ้างทนายความเป็นผู้ดำเนินการฟ้องคดี.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น