วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สงคราม 'ในสงคราม' ของ ปชป. เปลว สีเงิน 29 October 2555 - 00:00



ก็จำกันไว้ ในรอบ ๑ ปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์ปรับเปลี่ยน ครม.แล้ว ๓ ชุด โดยชุดที่ ๓ เพิ่งประกาศรายชื่อไปเย็นวาน (๒๘ ต.ค.๕๕) ถ้าถามว่า "บอกนัยอะไรทางการเมืองบ้าง?" ผมว่า...ก็บอกนะ แต่ไม่ใช่ ครม.ยิ่งลักษณ์ ๓ บอก หากแต่เงื่อนไขและเหตุการณ์จากช่วงปลายตุลา ขณะนี้ และจากนี้เป็นต้นไป นั่นแหละ...จะเป็นตัวบอก!
    มอด-ย่อมเกิดแต่ข้าวที่กักตุนเต็มโกดัง "ด้วยกลโกง" ฉันใด ความวิบัติ-ย่อมเกิดแต่ "โกงไม่เป็นไร ได้เอามาแบ่งปันกัน" ฉันนั้น
    คนที่มาตาม "บัตรรอบ" ไม่ต้องไปเพ่งเล็ง เพราะนั่นเป็นวัฒนธรรมองค์กร "โกงแบ่งปัน" ที่ควรเพ่งเล็งคือ พฤติกรรมการใช้อำนาจปัจจุบันของแต่ละคน จะเป็นตัวบอกอนาคต (ของเขา) เอง 
    ที่ผมบอกว่า "จากปลายตุลานี้เป็นต้นไป" มันคือแบบไหน-อย่างไรกัน "ถ้าผมจะชี้นั่น-ฟันนี่ลงไป"  นั่นมัน "โม้ขายข่าว" ชัดๆ ฉะนั้น เอาแบบนี้ ผมจะรวบรวม "ระลอกคลื่น" ที่ค่อยๆ พลิ้วมากับน้ำในมหาสมุทร ก่อนกระฉอกในอ่าวไทยและไหลถล่ม "เจ้าพระยา"!?
    ณ ๒๗-๒๘ ตุลา ๕๕ เรื่อยมา และก็จะเรื่อยไป ความเคลื่อนไหวที่น่า "สะสม" ไว้ดูเล่น เป็นอย่างนี้ครับ คือหลังจาก "องค์การพิทักษ์สยาม" โดยพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ชุมนุมสนามม้านางเลิ้งวันที่ ๒๘ ตุลา ๕๕ ด้วย ๕ คำครึ่ง 
    รัฐะ-บาล-โกง-ออก-ไป!
    ปรากฏว่า ขบวนการรัฐบาล นปช.ก็ใช้ยุทธวิธี "กินข้าวกงสี แยกกันตีคนละด้าน" ปกป้องเขตแดนประสิทธิภาพแดงทั้งแผ่นดิน ด้วยการทำหน้าที่เป็น "ปลอก" สวมรัฐบาลยิ่งลักษณ์
    ๒๗ ตุลา ๕๕ นายพายัพ ปั้นเกตุ จัดเสื้อแดงแรลลี่ขย่มขวัญคนกรุง ประกาศว่า...ไม่ได้มาหาคนฆ่าประชาชน เพราะรู้อยู่ตั้งนานแล้วว่า "ใครสั่งฆ่า" จะให้เวลารัฐบาล ๒ วัน ในการติดตามคนสั่งฆ่าให้มาติดคุก เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่คนเสื้อแดง 
    หากนายกฯ ไม่ตอบสนอง มวลชนเสื้อแดงก็จะไปคุยกับนายกฯ ที่หน้าทำเนียบฯ แต่จะไปก่อน "กลุ่มพิทักษ์สยาม" แรลลี่ครั้งต่อไป จะไปที่หน้าดีเอสไอ และสำนักงานอัยการสูงสุด 
    ๒๘ ตุลา ๕๕ ที่โคราช ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ เรียกผู้ว่าฯ และผู้ปฏิบัติงานด้านยาเสพติด ๒๐ จังหวัดในอีสานมาประชุม และสำทับ
    "..........ต้องร่วมมือกัน ถ้าม็อบระดับอำเภอ นายอำเภอ-ผู้กำกับต้องดูแล รวมถึงผู้ว่าฯ ต้องแก้ปัญหา เพราะถ้าต่อไป เอะอะอะไรชาวบ้านปิดถนน-ปิดทำเนียบฯ โดยไม่ฟังผู้ว่าฯ ไม่ได้ ก่อนปิดถนน ต้องมีการเจรจา ถ้าเขาไม่ฟังต้องบอกผม วันนี้ถึงยุค change ต้องเปลี่ยนแปลง 
    .........ส่วนที่ฝ่ายค้านบอกว่า ผมเอาข้าราชการมาเป็นกลไกรัฐบาล ก็ต้องถามว่า ถ้าราชการไม่มาเป็นกลไกรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วท่านจะเป็นกลไกของอะไร"
    ๒๘ ต.ค.๕๕ ที่อุตรดิตถ์ สองสามี-ภรรยา "นางธิดา-นพ.เหวง โตจิราการ" และสามี-ภรรยา "นายวิสา คัญทัพ-น.ส.ไพจิตร อักษรณรงค์" นายนิสิต สินธุไพร ผอ.โรงเรียน นปช. และนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย อดีต รมช.คลัง ร่วมเปิด "โรงเรียนการเมือง นปช.แดงทั้งแผ่นดิน" หลักสูตรผู้ปฏิบัติงานระดับต้น ปี ๕๕ 
    นางธิดากล่าวว่า....โรงเรียน นปช.เปิดครั้งแรกปี ๕๒ ใช้เวลาราวๆ ๓ เดือนเปิดได้ทั่วประเทศ และมีการเคลื่อนพลใหญ่ในปี ๕๓ ปีนี้จะเปิดทั้งหมด ๕ โรงเรียน เปิดครั้งแรกใน กทม. ภาคกลาง และภาคเหนือ ต่อไปจะเปิดเขตภาคอีสาน และภาคใต้ ช่วงเดือนธันวา "สิ้นปีนี้" จะเปิดครบทุกแห่ง
    ต้นปีหน้าจะเปิดระดับจังหวัด หลักสูตรขั้นต้น และจะเปิดในขั้นที่สองระดับปฏิบัติงานในระดับขั้นที่สูง ในขั้นที่สามระดับผู้ปฏิบัติงานสูงสุด สรุปนับจากนี้ถึงสิ้นปี ๕๕ และ ๖ เดือนแรกของปี ๕๖ จะมีการเปิดโรงเรียน นปช.ทั้งระดับต้น-ระดับกลาง-ระดับสูง "ทั่วประเทศ" ให้หมด การเปิดโรงเรียน นปช.นี้ เป็นการ ยกระดับ นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั่วประเทศครั้งใหญ่.........."
    ครับ...ก็มาดูอีกด้านบ้าง 
    ๒๘ ต.ค.๕๕ ที่โรงแรมรามาดา กทม.ก็มี "ปรากฏการณ์ใหม่" จากพรรคประชาธิปัตย์ ในวงประชุมสัมมนาสมาชิกพรรควานนี้ ซึ่งมีทั้งอดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้ใหญ่พรรคหลายคนร่วม นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ขึ้นประกาศว่า
    "......ขณะนี้ผมได้แยกความใกล้ชิดออกจากนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคแล้ว เพื่อไปทำกิจกรรม ๓ เรื่อง คือ ๑.โรงเรียนการเมือง ๒.ตั้งเวทีประชาชน ๓.มีทีวีฝ่ายข้างเรา ซึ่งคำนี้ผมไม่ได้พูดเอง เพราะอีกฝ่ายเขามีทั้งโรงเรียนแดง หมู่บ้านแดง ทีวีแดง และยังคุมสื่อโทรทัศน์ได้ทุกช่อง อนาคตถ้าปล่อยอย่างนี้จะไม่ไหวแน่ เนื่องจากบ้านเมืองกำลังมีภัยจวนตัว ถ้าเราไม่กระจายกำลัง ประเทศจะมีปัญหา และอาจเป็นความเสียหายของบ้านเมืองได้ เราจึงจำเป็นต้องรู้ต้นเหตุของปัญหา และคิดด้วยว่าจะแก้ไขอย่างไร โดยเป็นหน้าที่ของพวกเรา"
    อดีตนายกฯ ชวน ได้บรรยายในวงสัมมนาว่า....
    ".......ภัยคุกคามการเมืองในขณะนี้ไม่ใช่ทหาร เพราะทหารมีวุฒิภาวะ ไม่ทำปฏิวัติเพื่อช่วงชิงอำนาจเหมือนอดีต แต่ปัญหาคือมีระบบธุรกิจการเมือง เข้ามา นับตั้งแต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก้าวเข้าสู่เส้นทางการเมือง มีการซื้อพรรคการเมืองเข้าควบรวมเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามระบบปกติ จึงเปรียบเหมือนกับว่าการเมืองไทยเจอโรคใหม่ เช่นเดียวกับที่สังคมไทยไม่เคยคิดว่าจะมีโรคเอดส์เกิดขึ้น
    การบริหารประเทศต้องยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณมีการใช้อำนาจนอกกฎหมายจนบ้านเมืองหายนะ และยังมีปรากฏการณ์โกงทั้งโคตร จนเกิดการรัฐประหารตามมา และมีขบวนการจาบจ้วงเบื้องสูง ทั้งนี้ เห็นว่าความคิดที่จะเปลี่ยนการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้น ประชาชนต้องช่วยกันปกป้องไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านั้น โดยเฉพาะความคิดใส่ร้ายป้ายสีสถาบัน ซึ่งทำกันอย่างเป็นขบวนการ..........."
    ก็ตบท้าย "บนความเคลื่อนไหว" ปลายตุลา ที่ทุกอย่างกำลังไหลรวมไปสู่ "วันมหาวิปริต" ซึ่งมีความน่าจะเป็นราวกลางปี ๕๖
    ๒๘ ตุลา ๕๕ วันเปลี่ยนสนามม้านางเลิ้ง เป็นสนามรวมพลคนไม่ต้องการรัฐบาลบริหารส่อโกงซ้ำซาก พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม กล่าวท่ามกลางผู้มาชุมนุมเรือนหมื่นว่า
    ".........พอใจที่ประชาชนมาในวันนี้เกินกว่าที่คาดคิดไว้ มากกว่า ๑ หมื่นคน ดังนั้นจะขอให้แต่ละคนชักชวนคนมาเพิ่มในอัตราส่วน ๑ ต่อ ๑๐๐ คน เพื่อให้มีผู้เข้าร่วมมากที่สุด ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้า จะประชุมเครือข่าย เพื่อขอฉันทมติว่าจะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล อย่างไร เพราะขืนปล่อยให้รัฐบาลทำงานต่อไป จะทำให้ประเทศชาติเสียหายไปมากกว่านี้"
    นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ แกนนำกลุ่มเสื้อหลากสี กล่าวว่า....จะได้ข้อสรุปภายในปลายสัปดาห์หน้า หลังจากประชุมกับเครือข่าย จะหารือแนวทางเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ พร้อมกำหนดวัน-เวลาที่แน่ชัด แผนนี้เรียกว่าแผนบันได ๒ ขั้น เมื่อได้ฉันทมติแล้วจะชุมนุมทันที คาดว่าจะใช้สถานที่ชุมนุมหน้าทำเนียบรัฐบาล"
    ครับ..ก็เอาหละ จะแกงซักหม้อยังต้องจ่ายตลาด นี่ก็เช่นกัน อยากรู้เหตุการณ์จากนี้เขาจะไปทางไหนกัน ผมก็จ่ายตลาดเป็นความเคลื่อนไหวแต่ละด้าน-แต่ละฝ่ายมาให้ท่านใช้ความคิดพินิจควรกัน วันต่อไปค่อยเคี่ยวละเอียดในแต่ละเรื่องนะครับ.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น