วันจันทร์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“เหลิม” แถ “บ่อน-แม่ยก” ขนคนร่วม “ม็อบ เสธ.อ้าย” - “ก่อแก้ว” ยุปิดสนามม้าอ้างตัดน้ำเลี้ยง โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 ตุลาคม 2555 13:35 น.



รองนายกฯ ปากแข็งหาทางลง อ้างคนหนุน เสธ.อ้ายไม่เกิน 2 พัน แต่เจ้าของบ่อนบางซื่อขนคน 2 พัน แม่ยก พธม.ผสม เย้ยมามากก็ดีแต่อย่าทำผิดกฎหมาย ปากดีเหน็บ “ประสงค์” จะป่วยก่อน สั่งตำรวจถอดเทปเอาผิด วอนสมุนเพื่อไทยจับตา เชื่อไม่สำเร็จ “ก่อแก้ว” เอามั่งจี้รัฐบาลปิดสนามม้า อ้างตัดท่อน้ำเลี้ยง โยง ปชป.พ่วง ภท.เกี่ยวข้อง แต่ปอดแหกไม่บอกชาวบ้านรับเงินจากใคร 
       

       
       วันนี้ (29 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม โดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ที่สนามม้านางเลิ้ง เมื่อวานนี้ (28 ต.ค.) ว่า ไม่ถือว่าประเมินพลาด เพราะตัวเลขผู้สนับสนุนองค์การพิทักษ์สยามอย่างมากไม่เกิน 2,000 คน แต่มีเจ้าของบ่อนบางซื่อนำมาคนมาเติมอีกราว 2,000 คน และบรรดาผู้หญิงที่หน้าเวทีก็เป็นแฟนคลับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เดิมว่าจะไม่มาแต่ก็เข้ามาร่วมด้วย ทางเจ้าหน้าที่ก็ประเมินตามข้อมูลที่มี
       
       “มากน้อยไม่เป็นไร ห้าหมื่นก็ได้ หนึ่งแสนคนก็ดี แต่อย่าทำผิดกฎหมาย ผมไม่รังเกียจ เชิญชุมนุมไปเถอะ ส่วนที่ว่าจะมาอีกครั้ง คงไม่มาเพราะคุณประสงค์ (สุ่นศิริ) อาจจะป่วยซะก่อน เห็นเมื่อวานยืนปราศรัยก็มีไอแคกๆ เป็นระยะ แล้วตอนแรกว่าจะมีบันได 5 ขั้นล้มรัฐบาล หลังๆ บอกเหลือ 2 ขั้น แสดงว่าขึ้นขั้นที่ 3 ไม่ไหว ผมอยากให้มองเป็นเรื่องสบาย อย่าซีเรียส” รองนายกฯ ระบุ
       
       ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวยืนยันว่าไม่ได้มีการประเมินผู้ชุมนุมต่ำเกินไป แต่เป็นการดูตามพื้นฐานความเป็นจริง ที่สำคัญเงื่อนไขในการเคลื่อนไหวไม่มี หากทำอย่างนี้ได้ต่อไปก็ต้องเอารัฐบาลใส่โหลจับ หยิบพวกตัวเองมาเป็น พอพรรคเพื่อไทยเลือกตั้งชนะ ไม่ถูกใจก็มาไล่ อย่างนี้ไม่ถูกต้อง แต่การชุมนุมโดยสงบถือว่าไม่มีความผิด ยืนยันว่ายุคตนไม่มีการใช้ความรุนแรงแน่นอน
       
       รองนายกฯ เปิดเผยด้วยว่า ในการชุมนุมมีเนื้อหาการปราศรัยบนเวทีบางส่วนที่เข้าข่ายจาบจ้วงสถาบัน ซึ่งได้ให้ทางตำรวจถอดเทปอยู่ในตอนนี้ หากพบความผิดต้องมีการดำเนินการทางกฎหมายแน่นอน ใครทำอะไรไว้ต้องรับผิดชอบ เรื่องพวกนี้เป็นบทเรียนในอดีต พันธมิตรฯ ก็ขึ้นศาลและอยู่ในชั้นอัยการหลายคดี ในยุคพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายเสื้อแดงก็เสียชีวิต 98 ศพเป็นคดีความกันอยู่ ดังนั้นตนขอไม่อยากให้บ้านเมืองวุ่นวายอีก สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครทำอะไรตามใจชอบไม่สำเร็จหรอก ตอนนี้งานของรัฐบาลก็ไปได้ด้วยดี แต่กลับมีคนมาสร้างเรื่องแบบนี้ ซึ่งกระทบเศรษฐกิจ การลงทุน และการท่องเที่ยว
       
       “การปราศรัยแบบเมื่อวานนี้สำเร็จไม่ได้หรอก เพราะจู่ๆ มีคนมา 30,000 คนก็มาไล่รัฐบาลโดยไม่มีเหตุผล หรือถ้าไล่ได้แล้วจะเอาใครมาเป็นนายกฯ ใครเป็นรัฐบาล เพราะการจะเข้ามาต้องมีเสียงข้างมากในสภาฯ การชุมนุมเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผล ขอให้พี่น้องประชาชนที่เลือกพรรคเพื่อไทยมาต้องช่วยติดตามสถานการณ์ด้วย” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่า การชุมนุมมีผู้สนับสนุนค่อนข้างมาก จำเป็นต้องมีการประสานงานเจรจากับทางกลุ่มผู้ชุมนุมหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่มีใครห้ามทางกล่มผู้ชุมนุมได้ และคงไม่ส่งใครไปเจรจา ส่วนที่ตนกับ พล.อ.บุญเลิศนัดรับประทานอาหารกันเมื่อสัปดาห์ก่อนก็เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่มีการคุยเรื่องการเมือง ส่วนตัวชอบการชุมนุมเพราะเป็นสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย แต่เท่าที่ได้รับรายงานก็เชื่อว่าลักษณะนี้ไม่สำเร็จ และจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย หากอีกฝ่ายออกมาบ้างก็ไม่พ้นการเผชิญหน้า ซึ่งไม่เป็นประโยชน์
       
       เมื่อถามว่า ได้มีการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ปรับปรุงการทำงานหรือไม่ หลังประเมินจำนวนผู้ชุมนุมพลาด ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนี้ปรับปรุงยาก เพราะเราประเมินแค่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ไม่ได้ประเมินถึงจุดอื่น ยืนยันว่าไม่ได้ตื่นเต้น เป็นเรื่องดีด้วยซ้ำที่มีคนมาชุมนุมเยอะ
       
       เมื่อถามถึงกรณีที่ นายขวัญชัย สาราคำ หรือฉายาขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ออกมาระบุว่าหากไม่สามารถพา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาประเทศไทยได้ภายในสมัยรัฐบาลนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคเพื่อไทยก็จะไม่ได้เป็นรัฐบาลในครั้งต่อไป ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ก็เป็นข้อเสนอที่น่ารัก และคงไม่ถือเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนเสื้อแดงแต่อย่างใด เพราะประชาชนเลือกพรรคเพื่อไทยมา 15 ล้านเสียง การเมืองระบอบประชาธิปไตยต้องยึดเสียงมากเป็นหลัก ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลนี้ไม่จงรักภักดีนั้น ก็จะเห็นได้ว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวที่มีนายทหารตำรวจที่เป็นราชองครักษ์เวรมาแล้วเกือบ 100 คนเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งพรรคอื่นไม่มี จะโจมตีอย่างไรก็ว่ากันไป แต่ไม่ควรนำเรื่องไม่จงรักภักดีมาใช้
       
       ด้านนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า ตนได้ตรวจสอบผู้ชุมนุมที่มีมากผิดปกติพบว่ามีการเชื่อมโยงกับกลุ่มพรรคการเมือง จึงอยากให้สังคมได้จับตาและตรวจสอบร่วมกัน จากกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางไปพบกับ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีธุรกิจเกี่ยวกับคอกม้า ซึ่งมีความสัมพันธ์กับ พล.อ.บุญเลิศ
       
       นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นมวลชนจากอีสานใต้ ตนพบว่ามีการรับเงินค่าใช้จ่ายจากพรรคการเมืองเสื้อสีน้ำเงิน ที่ไม่ใช่ นายเนวิน ชิดชอบ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าการชุมนุมครั้งนี้ มีการเมืองเกี่ยวข้องจึงอยากเตือนรัฐบาล ว่าอย่านิ่งนอนใจ รัฐบาลต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ยังมีกลุ่มทุนอบายมุขจากสนามม้าที่รวมตัวเพื่อล้มรัฐบาล โดยเป็นการใช้เงินที่มาจากอบายมุข หากรัฐบาลมีนโยบายที่จะปราบปรามอบายมุข ซึ่งตนเชื่อว่าธุรกิจสนามม้าก็เป็นการพนันชนิดหนึ่ง และกำลังมีความเชื่อมโยงกับการชุมนุมที่จะล้มล้างรัฐบาล ตนเห็นว่ารัฐบาลควรจะปิดสนามม้าเพื่อไม่ให้กลุ่มทุนนำเงินจากอบายมุขมาก่อตั้งม็อบเพื่อล้มรัฐบาลอีก
       
       เมื่อถามว่า มีข้อมูลของนักการเมืองอะไรบ้าง นายก่อแก้วกล่าวว่า ตนมีข้อมูลจากนักการเมืองโดยตรงว่าในจังหวัดบุรีรัมย์ มีตำบล หรืออำเภอไหน ที่เดินทางมารับเงินจาก ส.ส.แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะอาจถูกฟ้องร้องได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น