วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

กบอ.เตรียมทุ่งรังสิตรับน้ำทะลักกรุง แกมีเข้าไทย 5 ต.ค.55 ถล่มหนัก 7 ต.ค.



“รอยล” เผยเตรียมพื้นที่ทุ่งรังสิตหน่วงน้ำจากเหนือจากอิทธิพลแกมีเข้ากรุง อธิบดีกรมอุตุฯ ระบุเข้าไทยบ่ายวันที่ 5 ต.ค. โดยวันที่ 7 ต.ค.จะปกคลุมทั่วประเทศ ยันระดับความรุนแรงแค่ดีเปรสชัน ไม่ถึงขั้นอพยพ
       
       นายรอยล จิตรดอน ประธานอนุกรรมการ กบอ. กล่าวถึงการเตรียมพื้นที่รับมือพายุแกมีว่า จะมีการหน่วงน้ำไว้ที่ทุ่งรังสิต 7 หมื่นไร่ ในพื้นที่ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี โดยพื้นที่ 3 หมื่นกว่าไร่ส่วนใหญ่จะเป็นร่องสวน จากนั้นเป็นคลองรังสิต 8-9-10 เเละคลองเเอลของกรมชลประทาน ซึ่งพื้นที่นี้รองรับน้ำไว้ได้เกือบ 200 ล้าน ลบ.ม. เท่ากับว่าช่วยรองรับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ได้ครึ่งหนึ่ง
       
       “ยืนยันว่าการใช้พื้นที่นี้รองรับน้ำเป็นการทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ โดยพัฒนาพื้นที่ขุดลอกคูคลองตั้งเเต่ปลายปี 2554 โดยใช้เงินของกองทุน บยส. กระทรวงยุติธรรม 10 ล้านบาทมาช่วยดำเนินการ ซึ่งการหน่วงน้ำตรงนี้จะช่วย กทม.ได้ระดับหนึ่ง ตอนนี้ประตูระบายน้ำนารายณ์ปิดตายเเล้ว เพื่อไม่รับน้ำจากเเม่น้ำป่าสัก โดยเเม่น้ำป่าสักจะระบายลงเเม่น้ำเจ้าพระยาไปทางเขื่อนพระรามหกเเละปล่อยน้ำจากคลองระพีพัฒน์ตามปกติ ย้ำว่าพื้นที่ 7 หมื่นไร่นี้รองรับน้ำฝนอย่างเดียว
       
       นายสมชาย ใบม่วง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า พายุแกมีจะขึ้นฝั่งเวียดนามในวันที่ 5 ต.ค. โดยมีความเร็ว 90 กม.ต่อชั่วโมง เเละเคลื่อนตัวมาทางตะวันตกอย่างช้าๆ เเละเริ่มมีผลกระทบทางภาคอีสานตอนล่าง ภาคตะวันออก เเละภาคใต้ตะวันตกของไทย ทั้งนี้จะเริ่มมีฝนในช่วงบ่ายวันนั้นโดยเป็นกลุ่มฝนหน้าพายุ เเละในวันที่ 6 ต.ค.พายุลูกนี้จะผ่านเข้า สปป.ลาวกับกัมพูชา เเต่ลดความรุนเเรงลง เเละเมื่อพายุลูกนี้เข้าไทยจะลดความรุนเเรงเหลือระดับดีเปรสชันในช่วงวันที่ 7 ต.ค.ในช่วงภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง กับภาคตะวันออก เเล้วในช่วงค่ำวันนั้นกลุ่มฝนอาจจะเต็มพื้นที่ประเทศไทยเพราะพายุนี้จะอยู่ตรงกลางประเทศ อิทธิพลจะครอบคลุมหลายร้อยกิโลเมตร
       
       “จากนั้นวันที่ 8 ต.ค.พายุจะเริ่มเคลื่อนตัวออกไปยังอ่าวเมาะตะมะ เเละขยับไปในภาคตะวันตกของไทย โดยพื้นที่ในช่วงข้างต้นที่กล่าวมาเเล้วจะพ้นจากพายุนี้ จากนั้นวันที่ 9 ต.ค.ไทยจะพ้นจากพายุลูกนี้”
       
       นายสมชายกล่าวว่า ความรุนแรงของฝนและลมไม่ถึงขั้นต้องอพยพประชาชน เพราะเป็นพายุลูกเเรกของปีนี้เเละเป็นพายุโซนร้อน หากเทียบกับพายุไหหม่าเมื่อปีที่เเล้วนั้นเป็นพายุดีเปรสชันที่ทำให้ฝนตกเยอะเช่นกัน เเต่ความรุนเเรงอยู่ที่การเคลื่อนตัวของพายุกับสภาพเเวดล้อมในพื้นที่ หากผ่านเส้นทางภูเขาก็ไม่มีผลเยอะ เเต่หากผ่านพื้นที่ราบก็มีผลเยอะ เเละวันที่ 7-9 ต.ค.ประชาชนเพียงเเค่พกร่มติดตัว ส่วนพื้นที่ชายฝั่งก็รอฟังข่าวเเต่ไม่ถึงขั้นต้องอพยพตามที่มีกระเเสข่าวออกมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น