วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ครม.ลูกจ้างตระกูลชินวัตร อย่าให้ระบบพวกพ้องล้นเกิน 27 October 2555 - 00:00



เห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่ออกมาแล้ว ไม่ต้องเหนื่อยวิจารณ์ให้มาก เพราะขนาดหัวหน้ารัฐบาลที่คุมบังเหียนประเทศยังไม่ต้องมีสเปก หรือฝีมือในการบริหารประเทศให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ แค่มีแบล็กอัพ แรงหนุนจากพี่ชายที่ชักใยอยู่นอกประเทศ ก็อยู่รอด เพราะทั้งเสียงในสภา มวลชนหนุนหลัง ระบบราชการ ระบบตรวจสอบ อยู่ในกำมือของเขาทั้งสิ้น จึงไม่แปลกที่นายกรัฐมนตรีจะอารมณ์ดีตลอดเวลา ทั้งที่ต้องเจอกับปัญหาเครียดๆ ทั้งเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ ที่จ่อคอหอยชนิดแทบกระอักจากคอ แต่ยังลอยหน้าลอยตา เดินสวย ยิ้มสวยได้รายวัน  เพราะเธอคิดว่าผลลัพธ์ที่ออกมา เธอคงไม่ต้องรับผิดชอบต่อผลเสียหายของประเทศที่สุ่มเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
    โครงการรับจำนำข้าวที่กำลังถูกเปิดโปงถึงร่องรอยความหายนะที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้า ตัวเลขแดงโร่ในการก่อหนี้ระดับถล่มทลาย ไม่ได้สร้างแรงกดดันให้กับทีมรัฐบาลเลยแม้แต่น้อย นั่นอาจเป็นเพราะความเชื่อมั่นต่อตัวผู้บงการที่อยู่ภายนอกว่ามีวิธีหาเงิน และแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการแบบพ่อค้าในตลาดโลกได้  ต่อให้ม็อบสารพัดสี สื่อสารพัดเสียง นักวิชาการสารพัดสถาบัน ก็ไม่สามารถสะกิดความกังวลใจ ความหวั่นเกรงที่จะเกิดหายนะต่อประเทศชาติขึ้นได้ในอนาคต
    ในขณะที่ประชาชน ชาวบ้าน ชนชั้นกลาง ก็กำลังเคลิ้มกับโครงการประชานิยม ทั้งโครงการรถคันแรก โครงการบ้านหลังแรก และสารพัดประชานิยม จนถอนตัวไม่ขึ้น รัฐบาลคงไม่สามารถจะเลิกนโยบาย ลด แลก แจก แถม แบบกะทันหันได้ เพราะเสี่ยงต่อคะแนนนิยม แต่ที่น่ากลัวไปกว่านั้น คือการเดินหน้ากระต่ายขาเดียวในสิ่งที่ทำ โดยไม่มีการทบทวนว่ามีข้อผิดพลาดบกพร่องอะไรบ้าง เหมารวมการต่อต้าน วิจารณ์ของทุกส่วนที่ออกมารวมเป็นก้อนเดียวว่า ล้วนมีวาระซ่อนเร้นที่จะจ้องล้มรัฐบาลให้ได้ เนื่องจากเสียประโยชน์
    แค่การปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่คาดหมายว่าจะโดนปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ปรากฏว่าโผรายชื่อที่ออกมา รัฐมนตรีผู้นี้ยังอยู่ยั้งยืนยง แต่นายกฯ ยิ่งลักษณ์เลือกวิธีเสริมทัพด้วยหัวหน้าแกนนำม็อบแดงอย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกโยกไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเตรียมทำหน้าที่องครักษ์ตอบคำถามรัฐมนตรีว่าการฯ แทนในสภา ในโหมดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ฝ่ายค้านประกาศชัดเจนว่าจะซักฟอกในประเด็นโครงการรับจำนำข้าวอย่างเข้มข้น
    นี่ยังไม่นับการวางคนในคณะรัฐมนตรีที่แบ่งเค้กระหว่างสามก๊กอำนาจ ตามโควตาดูไบ นายกฯ หญิง และเจ๊แดง ที่ดูจะมีไม่กี่คนที่สนองตอบต่องาน ที่เหลือเป็นการบำเหน็จความดีความชอบ และการส่งเข้าไปดูแลสอดส่องผลประโยชน์ในหน่วยงานนั้นๆ ยังไม่นับทหารที่เป็นเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 10 ของ พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ที่แสดงตัวยืนอยู่เคียงข้างมาตลอด ก็ได้รับเก้าอี้รัฐมนตรีไปเป็นรางวัลของเก่า 1  ตัว ของใหม่อีก 1 ตัว สร้างความฮือฮาไม่น้อยให้กับนักสังเกตการณ์ทางการเมือง  
    อย่างที่บอกว่า ไม่มีใครที่จะเขย่า หรือสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อรัฐบาลนี้ได้ พวกที่ก่อม็อบ วิจารณ์ด่า ก็ไม่สามารถสะกิดสะเกาสำนึกของฝ่ายบริหารให้แก้ไขความผิดพลาด บกพร่อง หรือความไม่เหมาะไม่ควรใดๆ ได้เลย เพราะไม่เช่นนั้นจะถูกเขี่ยให้ไปอยู่ในขบวนการจ้องล้มรัฐบาลไปโดยปริยาย อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ได้รับเศษอาหาร และผลประโยชน์เฉพาะหน้าเพื่อแลกกับรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ในขณะนี้จนคุ้นเคย แค่ระบบพวกพ้อง เครือข่าย เลือกคนเข้ามานั่งบริหารในกระทรวง บริหารนโยบายจากกลุ่มพวกตัวเองก็ไม่เห็นผิดตรงไหน เพราะไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ทำกัน แต่เหนืออื่นใดคือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกำลังกลายเป็นความชินชา และเรื่องปกติในสังคมไทย เพราะเหตุผลในการอธิบายถูกเหมารวมเป็นเหตุผลจ้องล้มทางการเมืองไปเสียแล้ว ครั้นจะมาแยกแยะว่าสิ่งที่โจมตี ตรวจสอบ หรือเล่นการเมือง ก็คงไม่มีความหมายไปเสียแล้วสำหรับผู้มีอำนาจในขณะนี้. 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น