วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
แดงซัดอำมาตย์ปู ปรับครม.รักษาอำนาจ/แม้วบินเข้าท่าขี้เหล็กสืบชะตา27 October 2555 - 00:00
ไพร่แดงสะอื้น อำมาตย์เพื่อไทยไม่เห็นหัว "จตุพร" เปิดใจอีกรอบเสื้อแดงพรึ่บ! ซัดแหลก ความอ่อนแอของอำนาจธรรมดาเพื่อรักษาอำนาจโดยหวังว่ากลไกอำมาตย์จะไว้ชีวิต โวยลั่นถูกหลอกให้เล่นละคร น้อยใจคนที่ไม่ได้รบก็อยู่แถวหน้า นักรบพิกลพิการอยู่แถวหลังสุด พูดแปลกศัตรูอยากเห็นให้ตัวเองนำทัพไล่รัฐบาล ถามรัฐประหารคราวหน้าจะเหลือใคร ขณะที่ "น.ช.ทักษิณ" บินจ่อเชียงราย เข้าท่าขี้เหล็ก 30 ตุลา. สมุนเตรียมพร้อมแห่คารวะ ยังไม่โปรดเกล้าฯ "พงศ์เทพ" ส่งคนสั่งปลัดศึกษาธิการเบรกสรรหาประธานกรรมการคุรุสภาออกไปก่อน
การแถลงข่าวของคนเสื้อแดงประจำสัปดาห์ที่ห้างอิมพีเรียลลาดพร้าวเมื่อวันศุกร์ ค่อนข้างคึกคัก มีคนเสื้อแดงมารอฟังการแถลงของแกนนำอย่างหนาตา หลังทราบข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่ไม่มีรายชื่อของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำเสื้อแดง รวมอยู่ด้วย
นายจตุพรในชุดลายสก็อตสีแดงหม่นแถบลายขาวดำ เปิดแถลงข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า นอกจากพี่น้องเสื้อแดงที่จะได้ฟังการแถลง เชื่อว่าทั้งมิตร ศัตรู ก็ต่างรอฟังกันถ้วนหน้าว่าตนจะเลือกชะตากรรมชีวิตอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมดไม่ได้มีอำนาจพิเศษใดๆ เป็นอำนาจธรรมดา ภาระหน้าที่ของเรายังมีความจำเป็น เป็นสิ่งที่ค้ำคอ คือภารกิจทวงความยุติธรรมให้ประชาชนที่เสียชีวิตและถูกคุมขัง
"อำนาจที่บอกว่าไม่ใช่อำนาจพิเศษ แต่เป็นความอ่อนแอของอำนาจธรรมดา เพื่อรักษาอำนาจ โดยหวังว่ากลไกอำมาตย์จะไว้ชีวิต จนลืมไปว่าคนที่ให้ชีวิตคือประชาชน"
เขาบอกว่า ตำแหน่งเป็นเรื่องเล็ก เพื่อนพ้องพี่น้องได้โทรศัพท์มาหา ต่างมีความรู้สึก นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธานนปช. โทรศัพท์พร้อมบอกให้มาเป็นประธาน นปช. เป็นแม่ทัพเลยดีกว่า คือหัวใจคนเสื้อแดงที่ผ่านการสู้รบ สิ่งที่เดินขณะนี้ คนเสื้อแดงอย่างตน อย่างพี่น้อง เราเข้ามาโดยเขาเล่นละครกัน โดยนึกว่าเรื่องจริง ทั้งที่เป็นละคร เราไม่มีทางเลือกเป็นอย่างอื่น
"เวลานี้ บางจำพวกใช้การปล่อยข่าว ศัตรูบอกที่ผมและนายณัฐวุฒิไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณที่ฮ่องกงเพื่อขอแลกไม่รับตำแหน่ง แต่ขอเงิน ขอสาบานกับดวงวิญญาณประชาชน ไม่มีทางเอาดวงวิญญาณไปขาย ความเป็นจตุพรมันเล็กกว่าความเป็นวีรชน บางคนก็บอกว่าเมื่อไม่ได้รับตำแหน่ง บอกผมไปคุยกับแกนนำพรรคภูมิใจไทย ขอบอกว่าถ้าไม่พอใจ ถ้าคิดจะมีปัญหา จะคุยกับคนเสื้อแดงเท่านั้น"
นายจตุพรกล่าวว่า เรื่องตำแหน่งทำใจได้ เคยคุยกับคนมีอำนาจจะตั้งว่าโดยส่วนตัวหายอยากแล้วจริงๆ อย่างที่บอก เราเข้ามาอยู่ท่ามกลางวงละคร โดยไม่รู้ตัวมาก่อน เพราะฉะนั้นเราต่อสู้แต่ละอย่างคดีจึงเต็มไปหมด
"ถ้าการต่อสู้พวกเราได้รับคดีจำนวนมาก ถือเป็นรอยตำหนิ ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าพรรคเพื่อไทยจะหาคนสู้รบได้อย่างไร เพราะทุกคนต้องรักษาตัวเองให้สะอาด แต่ไม่สามารถรักษาพรรคและรัฐบาลได้เลย คดีที่มีจำนวนมากไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแม้แต่เรื่องเดียว แต่เป็นผลพวงจากการต่อสู้เพื่อระบอบประชาธิปไตย ไม่มีเรื่องส่วนตัว ถ้าถือเป็นรอยตำหนิ ก็ภาคภูมิใจกับรอยตำหนิ ในชีวิตนี้จะเปลี่ยนไม่ได้"
“นักรบเก่งกาจเพียงใด เมื่ออยู่ในสนามรบย่อมได้บาดแผล เมื่อเสร็จศึกก็บอกว่าเป็นรอยตำหนิ ขอให้คนผิวพรรณเกลี้ยงเกลาเถอะ เมื่อรบเสร็จ คนที่ไม่ได้รบก็อยู่แถวหน้า นักรบมันพิกลพิการ มันอยู่แถวหลังสุด นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง”นายจตุพรกัดฟันพูด
ศัตรูอยากเห็นนำทัพไล่รัฐบาล
แกนนำเสื้อแดงผู้นี้บอกอีกว่า สิ่งที่ศัตรูต้องการเห็นคือให้ตนนำทัพไล่รัฐบาลเอง เพราะฉะนั้นเขาก็พยายามเดินเกม สร้างความกดดันบนความอ่อนแอของเราคือสัจธรรม และหนทางข้างหน้ายังต้องเจอปัญหาอีกมาก ไม่รู้ว่ารัฐธรรมนูญจะแก้ไขหรือไม่ และไม่รู้ว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น เราจะเดินอย่างไรต่อไปนั้น ต้องสร้างความแข็งแรง เมื่อรัฐประหารหรือจะคว่ำรัฐบาล ไม่แน่ใจว่าในทำเนียบฯ จะเหลือกี่คน อาจเหลือนายณัฐวุฒิ ที่เหลือก็นั่งข้างนอก หน้าที่เราต้องสร้างความแข็งแรง บ้านเมืองยังไม่เป็นประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญยังไม่แก้ เรื่องส่วนตัวตนไม่ได้เป็นรัฐมนตรีเล็กที่สุดหากเทียบกับคนที่ยังเจ็บ ตาย ถูกขังอยู่ สิ่งที่นางธิดาและพี่น้อง นปช.เดินแนวโรงเรียนการเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
"เหตุการณ์ทั้งหมดอย่าไปโทษใคร ให้ไปโทษชะตากรรม เรามีทางเลือก ไม่ตายก็ติดคุก เวลานี้ความอดทนเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด หลายเรื่องก็พูดอย่างฉันมิตรด้วยความอดทน เราไม่มีทางเลือก มันวันเวย์จริงๆ ทางเลือกเดียว ที่ความตาย บาดเจ็บ สูญสิ้นอิสรภาพ ค้ำคออยู่ ไม่มีทางเลือกคิดเป็นอย่างอื่น มนุษย์ทุกคนต้องล้ม และต้องลุกมายืนโดยเร็ว ไม่ต้องฝากความหวังกับใคร ฝากกับข้าพเจ้าเท่านั้นที่จะกำหนดชะตากรรมตัวเอง"
นายจตุพรกล่าวอีกว่า เสื้อแดงที่ผ่านมายิ่งใหญ่กว่าอะไร แต่วันนี้ยังไม่ยิ่งใหญ่กว่าประชาธิปไตย ที่นั่งทุกวันนี้ไม่รู้จะถูกขังวันไหน เรายังต้องเดินทางร่วมกับรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต่อไป แต่เราก็บอกกับพรรค ประชาชนพร้อมเป็นหลังพิงให้รัฐบาลซื่อสัตย์ ไม่ลุอำนาจ ไม่ทรยศประชาชน ถ้ายึดไม่ได้ทั้ง 3ข้อ หลังที่จะพิงก็ไม่พิงให้ มนุษย์ไม่มีใครไม่เคยรู้ร้อนรู้หนาว ทุกคนมีความรู้สึก แต่ที่สูญเสียไป ได้รับการชดเชยจากพี่น้องเสื้อแดงครบถ้วนแล้ว
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. กล่าวว่า ตำแหน่งรัฐมนตรี หลายคนในคนเสื้อแดงอาจตั้งคำถาม ทำไมนายจตุพรถึงไม่ได้ ในความสัมพันธ์ 3 อย่างคือ รัฐบาล พรรคเพื่อไทย และ นปช. อาจแยกกัน แต่ยังมีฐานสำคัญหล่อเลี้ยงคือประชาชนคนเสื้อแดง เพราะฉะนั้นทุกคนต้องไม่ลืม ไม่มีแกนนำเกิดขึ้นมาลอยๆ รัฐบาลเกิดขึ้นลอยๆ หรือที่ชนะการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นอย่างลอยๆ ทั้งหมดมาจากฐานคนเสื้อแดง แม้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ในความสัมพันธ์ 3 อย่างเราจะลืมไม่ได้ สิ่งที่เสื้อแดงคิดอาจไม่เหมือนพรรคเพื่อไทย
“ฝากไปยังรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย เราเข้าใจ พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลต้องดำรงอยู่ ในรัฐนาวาที่มีคลื่นลมสูง แต่รัฐนาวาที่เคลื่อนไปได้เพราะมีประชาชนหนุนเข้ามา เพราะฉะนั้นภาวะการดำรงอยู่ ไม่ควรมีเพียงมุมมองเดียวจากสายตาระบอบอำมาตย์ แต่ควรมาจากสายตาประชาชนด้วย” นางธิดากล่าว
รายงานข่าวจากแกนนำเสื้อแดงเผยว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางมายังเมืองท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า ซึ่งอยู่ติดกับชายแดน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตั้งแต่วันที่ 30 ต.ค. และจะพำนักประมาณ 4-5 วัน ก่อนจะเดินทางกลับ
ยุทธตู้เย็นเคลียร์
ขณะนี้นายยงยุทธ ติยะไพรัช คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางลงพื้นที่ไปสำรวจยังฝั่งท่าขี้เหล็ก ทั้งสถานที่จะพักแรม รวมไปถึงเจดีย์ชเวดากองจำลอง ที่เป็นหนึ่งในกำหนดการที่ พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปสักการะ ซึ่งขณะนี้กระแสข่าวเริ่มแพร่สะพัดไปยังกลุ่มคนเสื้อแดงภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย มีการติดต่อประสานงานนัดแนะที่จะเดินทางไปหาพร้อมกับนำอาหารพื้นเมือง ของฝากไปให้ พ.ต.ท.ทักษิณ
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า นอกจาก พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางมาเพื่อให้คนเสื้อแดง ส.ส. รวมถึงว่าที่รัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายคนได้พบปะแล้ว ยังมีกำหนดการที่จะประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อบางอย่างอีกด้วย
ส.ส.ภาคเหนือคนหนึ่งยอมรับว่า ได้ยินข่าวนี้มาเหมือนกัน มีการพูดคุยกันในหมู่คนเสื้อแดงในจังหวัดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางมาเมืองท่าขี้เหล็ก หากทราบกำหนดการที่แน่นอน ตนพร้อมเพื่อน ส.ส.หลายคนจะเดินทางไปพบปะเยี่ยมเยียนท่านแน่นอน
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยว่า ในการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 30 ต.ค. ภายหลังจากที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ล่าสุดแกนนำพรรคเพื่อไทยได้ข้อสรุปแล้วว่า จะเสนอชื่อนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ และเสนอชื่อนายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.พรรคเพื่อไทย มาเป็นเลขาธิการพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้ทูลเกล้าฯถวายรายชื่อคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ 3 แล้วนั้น โดยกระแสของรัฐมนตรีที่คาดว่าจะถูกปรับออกจากตำแหน่ง อาทิ นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ให้เจ้าหน้าที่ ทยอยเก็บของออกจากห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ 1 แล้ว โดยมีรายงานด้วยว่านางนลินีได้ยกเลิกงานที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
ขณะที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรี ที่คาดจะถูกปรับออกเช่นกัน ยังไม่มีการเก็บข้าวของจากห้องทำงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อวันศุกร์ตลอดทั้งวัน พล.อ.ยุทธศักดิ์ไม่ได้เดินทางมาทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลแต่อย่างใด
ด้านนายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า ไม่น้อยใจหากการปรับ ครม.ครั้งใหม่ไม่มีชื่อตน เพราะเป็นแนวคิดของผู้ใหญ่ ซึ่งตนพร้อมรับ หลังจากนี้ยังมีงานอื่นอีกมากที่ต้องทำงานสานต่อนโยบายของพรรคต่อไป
พงศ์เทพล้ำเส้น
ที่น่าแปลกใจคือ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ทีมงานของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประสานมายังตน ขอให้ชะลอเรื่องการสรรหาประธานกรรมการคุรุสภาออกไปก่อน จนกว่านายพงศ์เทพจะเข้ามารับตำแหน่งและมอบนโยบาย ดังนั้น การประชุมคณะกรรมการสรรหาประธานคุรุสภา ที่มีนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เป็นประธาน และได้นัดประชุมไว้วันที่ 29 ตุลาคมนี้ จึงต้องเลื่อนออกไป
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นคนตัดสินใจเลือกรัฐมนตรีมาเสริมสร้างความเข้มแข็ง ขับเคลื่อนการทำงานของรัฐบาล ไม่มีใครกดดัน หรือบงการตามที่มีการกล่าวหา
แต่นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปรับ ครม.ที่นายกฯ ระบุเหตุผลว่า ให้รัฐมนตรีทำงานในตำแหน่งใหม่เหมือนเป็นการหาประสบการณ์ว่า เป็นทัศนคติที่น่ากลัว เพราะ รมต.ไม่ใช่ตำแหน่งฝึกงาน แต่ต้องใช้มืออาชีพมารับใช้และพัฒนาประเทศชาติ
เขาเชื่อว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ จะมีแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยตามมาแน่ อย่างน้อยเวลานี้ 3 กลุ่มคือ 1.กลุ่มคนเสื้อแดง เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเคยประกาศที่โบนันซ่า เขาใหญ่ ว่า จะปูนบำเหน็จให้นายจตุพร แต่กลับไม่มีชื่อเป็นรัฐมนตรี 2.กลุ่ม ส.ส.อีสานที่มีจำนวนมากที่สุดในพรรคเพื่อไทยและมีอาวุโสหลายคน แต่ก็เสียโอกาสเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณเลือกนายยุทธพงศ์ ข้ามหัว ส.ส.ที่มีอาวุโสกล่าว 3.กลุ่มคนที่ถูกปรับออก เช่น กลุ่มนายเสนาะ เทียนทอง ถ้า รมต.ในกลุ่มถูกปรับออกจริง ก็เหมือนเป็นการฉีกหน้า หักหลัง จึงเชื่อว่าจะมีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้นแน่นอน
นายนิรันดร์ นาเมืองรักษ์ ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยอมรับว่ามี ส.ส.อาวุโสอีสานบางส่วนน้อยใจและไม่พอใจที่นายยุทธพงศ์ได้เป็น รมช.เกษตรฯ ทั้งที่เพิ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก และย้ายมาจากพรรคอื่น ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบระหว่างลูกหม้อพรรคโดยตรงที่อยู่กับพรรคมานาน บางคนอยู่มาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย แต่ไม่เคยได้ตำแหน่งอะไรเลย ซึ่ง ส.ส.อีสานหลายคนก็ไม่คาดคิดว่านายยุทธพงศ์จะได้เป็นรัฐมนตรี แต่ ส.ส.อีสานคงไม่ถึงขั้นที่จะออกมากดดันอะไร คงได้แต่เก็บความน้อยใจไว้ในใจ
รายงานข่าวจากพรรคเพื่อไทยเผยถึงเบื้องหลังที่รัฐมนตรีหน้าใหม่หลายคนได้รับตำแหน่ง โดยสาเหตุผลที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ได้รับการเสนอชื่อ รมช.มหาดไทย เนื่องจากแกนนำพรรคเห็นว่า จ.สมุทรปราการ มี ส.ส.เพื่อไทยถึง 6 คน แต่ไม่มีใครได้เป็นรัฐมนตรี จึงเกลี่ยโควตาให้ ซึ่งที่ผ่านมานายประชาทำหน้าที่ปะฉะดะ คอยตอบโต้และชนกับฝ่ายค้านให้พรรคมาตลอด ขณะเดียวกันแกนนำต้องการให้นายประชาเข้ามามีบทบาทเป็นตัวแทนกระทรวงมหาดไทยใน การชี้แจงตอบกระทู้ต่างๆ ในสภาผู้แทนราษฎร แทนนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ที่มีรายชื่อเป็น รมว.มหาดไทย และ พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ที่มีรายชื่อเป็น รมช.มหาดไทย ที่ทั้งสองคนเป็นคนบุคลิกเงียบๆ พูดไม่เก่ง อาจไม่ทันเกมตอบโต้ในสภาของพรรคประชาธิปัตย์ จึงให้นายประชามาทำหน้าที่ตอบโต้ในสภาแทน.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น