วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ข้าวไม่มีขาย??? ท่านขุนน้อย 19 October 2555 - 00:00




ข้าวไม่มีขาย???

  ปัญหาว่าด้วยเรื่องน้ำท่วม น้ำเอ่อ น้ำแฉะ น้ำขัง...ทำท่าว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี แต่ปัญหาเรื่องน้ำแล้งนี่สิ ชักจะเป็นเรื่อง เป็นราว ขึ้นมาอีกซะแร้นน์น์ ไม่ว่าจะมองขึ้นไปยังเบื้องบน เพื่อพินิจพิจารณา ถึงความเป็นไปของสภาวะลม-ฟ้า-อากาศ หรือมองกลับลงมายังเบื้องล่าง เพื่อตรวจสอบระดับปริมาณน้ำในเขื่อน ในเรือก สวน ไร่นา ของชาวบ้าน ชาวช่อง ผู้ซึ่งกำลังสนุกสนานอยู่กับการผลิตข้าว เพื่อเอามาจำนำให้ได้มากๆ เข้าไว้ ทุกสิ่ง ทุกอย่าง...มันดูจะออกไปทางแห้งแหงแก๋ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...
                                       --------------------------------------------------
    ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา...ขณะที่รัฐบาล กับกทม. ยังคงทะเลาะกันในเรื่องการเอากระสอบทรายมาอุดท่อ เพื่อป้องกันน้ำท่วม หรือน้ำขัง ชนิดไม่ไล่ไม่เลิก เรียกว่า...กะจะลากยาวไปจนถึง ช่วงเลือกตั้งผู้ว่า กทม.รอบใหม่ เอาเลยถึงขั้นนั้น ข่าวคราวเรื่อง ภัยแล้ง ซึ่งกำลังคุกคามจังหวัด แต่ละจังหวัดในภาคอีสาน อันเป็นฐานเสียงของรัฐบาลมาโดยตลอด ก็ค่อยๆ ปรากฏตัวถี่ๆ ขึ้นไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นขอนแก่น กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ นครพนม ฯลฯ ต่างกำลังตกอยู่ในอาการแห้งเหี่ยว แห้งแหงแก๋ ไปตามๆ กัน การโหมปลูก โหมผลิต ข้าวหอมมะลิ กันเป็นจำนวนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ ในจังหวัดขอนแก่นนั้น ถึงขั้นต้องสะดุด หยุดชะงัก หัวทิ่ม หัวตำ ความพยายามปลูกข้าวนาปรัง เอาไว้จำนำเกวียนละ 20,000 เพื่อรับทรัพย์แบบสดๆ เหนาะๆ กันอีกรอบ กลายเป็นความฝันกลางฤดูแล้งไปซะฉิบ เพราะสภาพพื้นดิน ไม่ว่านอกพื้นที่ หรือในพื้นที่ชลประทาน ต่างแห้งเกรอะ แห้งกรัง กลายเป็นพื้นที่ปรักหักพัง ไม่ใช่พื้นที่ทำนาปรัง ไปซะแล้ว...
                                        ------------------------------------------------
    กาฬสินธุ์นั้น ถึงขั้นต้องประกาศให้เกษตรกร ยุติการทำนาปรัง และการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม ไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคาดว่าความแล้ง จะครอบคลุมพื้นที่การเกษตร ไม่ต่ำกว่า 3.5 แสนไร่ ไปอีกประมาณ 6 เดือน 7 เดือน เป็นอย่างน้อย หรือคงจะต้องชักสะพานแหงนเถ่อ รอคอยไปจนถึงกลางปีหน้าโน่นแหละ ถึงพอจะได้รูดปรื๊ดด์ด์...รูดปรื๊ดด์ด์กันอีกซักครั้ง ส่วนมหาสารคาม ความแล้งเริ่มแผ่กระจายครอบคลุม ทั่วทั้งพื้นที่ 4 อำเภอ 19 ตำบล คิดเป็นปริมาณเนื้อที่ทำการเกษตรไม่น้อยกว่า 130,000 ไร่ ไม่ต่างไปจากนครพนม ปริมาณแม่น้ำโขงที่ลดฮวบๆ ฮาบๆ ลงไปอยู่ที่ระดับ 4.40 เมตร ส่งผลให้แม่น้ำสาขาแต่ละสาย แห้งเหือดตามไปด้วย เฉพาะแค่พื้นที่อำเภอนาหว้าเพียงแห่งเดียว ไร่ นา ที่ประสบความเสียหาย มีจำนวนนับเป็นหมื่นๆ ไร่เข้าไปแล้ว...ฯลฯลฯ...
                                        ------------------------------------------------
    อันที่จริงแล้ว...ถ้าหากดูจากภาวะลม-ฟ้า-อากาศในตลอดทั้งปี บรรดาความแห้ง ความแล้ง ทั้งหลายในปีนี้ อาจไม่ถึงกับหนักหนาสาหัส ฉกาจฉกรรจ์ อะไรมากมายนัก เพราะนับตั้งแต่ช่วงต้นฤดูฝน หรือนับแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นมา ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างมีโอกาสรับเละ หรือมีโอกาสรองรับปริมาณน้ำฝน ชนิดสูงกว่าค่าเฉลี่ยปกติมาโดยตลอด ปริมาณน้ำฝนที่ตกในภาคเหนือปีนี้ ว่ากันว่า...มีค่าเฉลี่ยสูงกว่าปกติถึง 49 เปอร์เซ็นต์ ภาคอีสานสูงกว่าปกติ 31 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะภาคกลาง อันถือเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ ของประเทศไทย มาตลอดช่วงประวัติศาสตร์ ปริมาณน้ำฝนโดยเฉลี่ยปีนี้ สูงกว่าค่าปกติไปถึง 56 เปอร์เซ็นต์ หรือมีปริมาณถึง 405.9 มิลลิเมตร เอาเลยถึงขั้นนั้น...
                                         -----------------------------------------------
    แน่ล่ะว่า...ภายใต้สภาพเช่นนี้ ถ้าหากบรรดาผู้รับผิดชอบ ในการบริหารจัดการน้ำทั้งหลาย มีความ เข้าถึง ภาวะความเป็นไปของลม-ฟ้า-อากาศ หรือมีความ เข้าใจ ต่อภาวะธรรมชาติอย่างจริงๆ จังๆ สามารถ มองข้ามช็อต จากภาวะภัยน้ำท่วม ไปจนถึงภาวะภัยแล้ง ว่ามันมีความเกี่ยวข้อง มีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร โอกาสที่จะบริหารจัดการไม่ให้ภัยทั้งสอง มันส่งผลกระทบต่อผู้คน ในระดับหนักหนา สากรรจ์ หรือทำให้ภัยแบบหนึ่ง มันกลายเป็นสร้างภัยอีกแบบหนึ่ง ขึ้นมาจนได้ ย่อมมีความเป็นไปได้ ไม่มากก็น้อย พูดง่ายๆ ก็คือ...ถ้าหากไม่หูแหก ตาแหก จนเกินไป รีบระบายน้ำออกจากเขื่อนซะจนแห้งแหงแก๋ ตั้งแต่ได้ยินเสียงฝนฟ้าคำรามแค่ไม่กี่ที โอกาสที่จะเหลือน้ำเอาไว้ทำยา หรือทำนา ได้บ้าง โดยไม่จำเป็นต้องไปคิดสร้างเขื่อนใหม่ๆ ให้ต้องเสียเม็ดเงินงบประมาณอีกนับเป็นหมื่นๆ ล้าน แถมยังอาจต้องเสียค่าหัวคิวไม่รู้กี่สิบ ต่อกี่สิบเปอร์เซ็นต์ อีกต่างหาก มันย่อมต้องเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ...
                                        -------------------------------------------------
    แต่ก็เอาเถอะ...ในเมื่อรัฐบาล โดยเฉพาะท่านอธิบดี ปลอก ท่านกำลังพยายามกลับลำ ตั้งลำกันใหม่ หันมาปรับภารกิจ ของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำ หรือ กบอ. จากที่มั่วๆ อยู่กับการสู้น้ำท่วม น้ำแฉะ หรือน้ำขัง เพียงลูกเดียวล้วนๆ ให้กลายมาเป็นการสู้ภัยแล้ง แก้ปัญหาภัยแล้ง โดยงัดเอากลยุทธ์ ถึง 7 ข้อ 7 ประการด้วยกัน มารับมือกับภาวะ ที่ทุกสิ่ง ทุกอย่าง มันกำลังแห้งแหงแก๋ ลงไปเรื่อยๆ ก็คงต้องแสดงความชื่นชม และให้กำลังใจกันเอาไว้มั่ง โดยเฉพาะในกลยุทธ์ 7 ข้อ 7 ประการนั้น ยังไม่ถึงกับมีข้อหนึ่ง ข้อใด ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ที่จะไปงัดเอา สูตรสำเร็จ ในการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องท่า นั่นก็คือการ สร้างเขื่อน มาสร้างความบาดตา บาดใจ ให้กับบรรดาราษฎรในบางพื้นที่ ให้ต้องกลายเป็นปัญหาเพิ่มเติมยิ่งขึ้นไปอีก...
                                      -------------------------------------------------
    อย่างไรก็ตาม...ภายใต้ภาวะที่อะไรต่อมิอะไร มันกำลังแห้งแหงแก๋ลงไปเช่นนี้ บรรดาเกษตรกรทั้งหลาย ที่ต่างถูกกระตุ้น ถูกเร่งเร้า ให้ตกอยู่ในอาการเมามันซ์ซ์ซ์ กับการรูดปรื๊ด...รูดปรื๊ด มาโดยตลอดนั่นแหละ คงต้องหาทางปรับตัว ปรับใจ เอาไว้บ้าง เพราะโอกาสที่จะปลูกข้าวเอาไว้ขาย หรือเอาไว้จำนำ ด้วยการทำนากันในแบบ 4 รอบ 5 รอบ มันคงลำบาก ยากเย็น ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ยกเว้นแต่ นักธุรกิจในคราบเกษตรกร หรืออภิมหานักธุรกิจ ผู้หากินกับเกษตรกรมาโดยตลอดเท่านั้น ที่ยังคงสบายๆ ต่อไปได้เรื่อยๆ เพราะถึงแม้เกษตรกรในเมืองไทย ไม่ว่าภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน จะต้องเจอกับภาวะ ข้าวไม่มีขาย ด้วยเหตุอันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วม หรือน้ำแล้งก็แล้วแต่ แต่โอกาสที่จะไปเอาข้าวพม่า ข้าวเขมร มาสวมตอ รับทรัพย์ รับประทานกันทีเกวียนละหมื่นห้า สองหมื่น แถมยังฟาดกำไรจากค่าปุ๋ย ค่าสารเคมี ได้โดยตลอด ไม่ว่าใครจะฉิบหาย ไม่ฉิบหายก็ตาม มันย่อมทำให้บรรดาอภิมหานักธุรกิจเหล่านี้ สมบูรณ์ไปตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาล ไม่ว่าท้องฟ้าจะเป็นสีทองผ่องอำไพ หรือเป็นสีแดงก็แล้วแต่...
                                        -------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Bible...Conquer thy desires, or they will conquer thee.- จงเอาชนะความอยาก มิเช่นนั้นความอยากจะเอาชนะท่าน...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น