วันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ฝนตกขี้หมูไหล!!! 15 October 2555




ฝนตกขี้หมูไหล!!!


 ถ้าหากจะว่ากันตามคำพยากรณ์ ของกรมอุตุนิยมวิทยา...นับตั้งแต่วันนี้ หรือวันจันทร์ที่ 15 ตุลาคม ไปจนอีก 2 วัน 3 วันข้างหน้า โอกาสที่จะเกิดฝนตกหนัก ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ อันเนื่องมาจากความกดอากาศสูงระลอกใหม่ จากประเทศจีน ท่านจะไหลลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ส่งผลให้เกิดภาวะฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือ อย่างทั่วถึงกันไปหมด...
                  ---------------------------------------
    แต่อันที่จริง...แม้นจะไม่ต้องตรวจสอบจากกรมอุตุนิยมวิทยา บรรดาเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ก็น่าจะพอรับรู้ได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ว่า ในช่วงวันจันทร์นี้...ยังไงๆ ฝนก็คงต้องตกหนักอยู่แล้วแน่ๆ!!! เนื่องจากข่าวคราวที่มีมาก่อนล่วงหน้าว่า บรรดาอดีตข้าราชการถึง 4 เหล่าทัพ ไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย ต่างยินยอม พร้อมใจ ที่จะไหลไปรวมกัน ณ ที่ทำการพรรคเผาไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมืองแห่งนี้ อันจะทำให้ปริมาณอุจจาระสุกรในแต่ละก้อน พอกพูน เพิ่มเติม ขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ไม่น้อยไปกว่าโกดังเก็บข้าวสาร ข้าวเปลือก ที่ต้องขยายสถานที่เก็บกัก ตามโครงการรับจำนำข้าว อันเนื่องมาจากยังไม่สามารถผ่องถ่าย ระบาย ออกไปสู่ตลาดได้เลย...
                   ---------------------------------------
    จากปรากฏการณ์เช่นนี้...ไม่เพียงแต่จะส่งผลให้พรรคเผาไทย กลายเป็น สุสานนายพล หรือเป็น โกดังเก็บอุจจาระสุกร เท่านั้น แต่ยังถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นค่อนข้างชัดเจนว่า ระบบราชการไทย ในทุกวันนี้...น่าจะถึงกาลล่มสลายลงไปเรียบร้อยแล้ว เพราะถ้าหากผู้ซึ่งเคยเกิดและเติบโตขึ้นมา จากเงินภาษีอากรของราษฎร เคยมีหน้าที่เป็นข้ารองพระบาท ถือเป็น ข้า-ราษฎร หรือ ข้า-ราชการ ก็แล้วแต่ ดันเกิดมาเห็นดี เห็นงาม ที่จะหันมาเป็น ข้า-ทาส กันในตอนแก่ๆ ตอนเกษียณอายุ หรือใกล้จะเกษียณอายุก็ตาม อันนี้...ต้องเรียกว่า หมดแล้ว ไปไม่กลับ-หลับไม่ตื่น-ฟื้นไม่มี-หนีไม่พ้น...ถ้าหากไม่ล่มสลายกันในตอนนี้ ก็คงอีกไม่กี่เดือน กี่ปี ยังไงๆ ก็คงไม่รอดอยู่แล้วแน่ๆ...
                  ---------------------------------------
    ข้าราชการทหารที่เห็นพี่ๆ น้องๆ เห็นเพื่อนข้าราชการด้วยกัน ถูกรุมกระทืบ รุมยิง รุมตี ตายกันสดๆ ต่อหน้าต่อตา ต่อจอทีวี ไม่ว่าจะโดยมือ โดยตีน ของชายชุดดำ หรือชุดอะไรก็แล้วแต่ แล้วยังอุตส่าห์แบกดาว แบกมงกุฎ บนบ่า คลานเดียะๆ ไปศิโรราบ ไปหมอบกราบ รับเป็นข้าทาส ให้กับผู้ควบคุม บงการ ผู้จุดชนวนเหตุการณ์เหล่านี้ เพียงเพราะไม่อยากอยู่บ้านเลี้ยงหลานไปตามลำพัง ยังอยากสนุก ซุกซน อยากมีตำแหน่ง แห่งที่ หรือยังอาลัย อาวรณ์ กับลาภ ยศ สรรเสริญ กับหัวโขน อย่างชนิดถอนตัวไม่ขึ้น อันนี้...คงต้องรอให้ กฎแห่งกรรม จัดการเท่านั้น เพราะกฎหมายใดๆ หรือกฎระเบียบประเพณีราชการใดๆ ก็คงเอาไม่อยู่ด้วยกันทั้งสิ้น...
                                                  ----------------------------------------
    ส่วนข้าราชการตำรวจ...คงแทบไม่ต้องพูดถึง ไม่ว่าจะเกษียณอายุไปแล้ว หรือยังไม่เกษียณ ส่วนใหญ่ก็หนักไปทาง ซอสมะเขือเทศ ด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็น ซอสศรีราชา หรือ ซอสตราโรซ่า และด้วยเหตุที่แทบทุกตำแหน่ง แห่งที่ แทบทุกกระทรวง ทบวง กรม ตลอดไปจนแทบทุกบอร์ด ต่างก็เต็มไปด้วยตำรวจ และอดีตข้าราชการตำรวจ เข้าไปสอดแทรกเป็นยาดำ ยาสั่ง ด้วยกันทั้งสิ้น ถึงขั้นที่อีกไม่นานไม่ช้า อาจจะมี ทูตตำรวจ แทนที่ ทูตทหาร ประจำสถานเอกอัครราชทูตในแต่ละประเทศ ให้สมกับความเป็น รัฐตำรวจ แทนที่จะเป็น คิงดอม ออฟ ไทยแลนด์ แบบแต่ก่อน ภายใต้การเปิดช่อง เปิดตำแหน่ง เปิดสถานะเอาไว้ รองรับลาภ ยศ สรรเสริญ และเงินๆ ทองๆ เช่นนี้ มีหรือที่ผู้ซึ่งเคยได้รับส่วยชนิดต่างๆ มาโดยตลอด จะไม่กระเหี้ยน กระหือรือ พร้อมจะไหลเข้าไปสู่โกดังเก็บอุจจาระสุกร กันเป็นแผงๆ...
              -----------------------------------------
    สำหรับข้าราชการพลเรือนนั้น...ระดับปลัดกระทรวงพาณิชย์ ที่ไม่เพียงแต่พร้อมที่จะเชลียร์รัฐบาลจนลิ้นบาง พอๆ กับลิ้นคุณเล็บงามเท่านั้น ยังหาญกล้าที่จะออกมาโต้นักการเมืองฝ่ายค้าน แบบดอกต่อดอก หนักเสียยิ่งกว่านักการเมืองฝ่ายรัฐบาล เอาเลยด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เกษียณอายุ และยังไม่ได้มีฐานะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆ แม้แต่น้อย ไม่ต่างไปจากมหาดไทย อัยการ ตลอดไปจนดีเอสไอ ฯลฯ แล้วถ้าหากมันเกิดการเปลี่ยนอำนาจ เปลี่ยนรัฐบาลขึ้นมาเมื่อไหร่ มันจะก่อให้เกิดความปวดเศียร เวียนเกล้า มากน้อยขนาดไหน ในการแยกแยะข้าราชการรายหนึ่ง รายใด ว่าเป็นกลาง หรือไม่เป็นกลาง เพราะต่างฝ่ายต่างอ้างว่า ความเป็นกลางของข้าราชการ ไม่มีอยู่ในตัวบทกฎหมาย ด้วยกันทั้งสิ้น มีแต่การเถลือกไถลไปตามความต้องการของใครก็ได้ ที่มีอำนาจไปวันๆ...
              ----------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าหากต้องการจะเห็น ประเทศไทยยุคใหม่ ที่มีความก้าวหน้า มีความเจริญเติบโตงอกงาม ทางด้านศีลธรรม คุณธรรม และความยุติธรรมจริงๆ แล้วล่ะก็ ดูๆ มันคงหนีไม่พ้น ที่จะต้องหาทาง ดุลข้าราชการ กันครั้งใหญ่ พอๆ กับยุคก่อนหน้าจะเกิดการปฏิวัติ 2475 นั่นแหละ คือต้องหาทางเก็บกวาดอุจจาระสุกรในแต่ละก้อน ออกไปจากระบบราชการ อาจไม่ต่ำกว่าครึ่งต่อครึ่งเป็นอย่างน้อย มันถึงจะพอฟื้นฟูระเบียบ ประเพณี ที่ดี ที่ยึดมั่น อยู่ในความซื่อสัตย์ ความเสียสละ และคุณธรรม อันเป็นแบบอย่างดั้งเดิมของข้าราชการในอดีต กลับคืนมาได้ใหม่ ไม่งั้นกว่าที่จะรอให้มันไหลไปรวมกันในพรรคเผาไทย นอกจากมันจะช้าเกินการ ยังต้องรอให้มันเกษียณอายุซะก่อน ถึงจังหวะนั้น...ประเทศชาติก็ฉิบหายไปหมดแล้ว!!!
                    -----------------------------------------
    ภารกิจในการ เปลี่ยนแปลงประเทศไทย มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ คือไม่ใช่เพียงแค่การโค่นล้ม ทำลาย ใครต่อใคร เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังต้องรวมไปถึงการล้าง การเช็ด การกวาดถู เพื่อให้แต่ละสิ่ง ละอย่าง มันสามารถฟื้นฟูกลับคืนขึ้นมาได้ใหม่ เรียกว่า...คงต้องแรงกันอย่างเป็นขั้น เป็นตอน และเป็นกระบวนการ หรือไม่งั้น...ก็อาจต้องรอให้ทุกสิ่งทุกอย่างมัน พังทลาย ลงมาเอง เหมือนอย่างที่มันกำลังพังแหล่ มิพังแหล่ อยู่เช่นทุกวันนี้นั่นแล...
                   ----------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon...As gold is tried by fire, so a heart must be tired by pain. - ทองแท้พิสูจน์ด้วยไฟฉันใด หัวใจที่แข็งแกร่งย่อมพิสูจน์ด้วยความปวดร้าว ฉันนั้น...
                     -----------------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น