ถือว่าการปรับ "คณะรัฐมนตรีปู 3" รวดเร็ว เพราะหลังมีกระแสข่าวต้นสัปดาห์ต่อมาปลายสัปดาห์ก็มีการนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวมาตลอดว่า "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี อยากให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีมาเป็นระยะ แต่ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นายกรัฐมนตรี มีความเห็นแย้ง โดยต้องการให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีหลังการอภิปรายไม่วางใจของฝ่ายค้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพื่อนำข้อมูลของฝ่ายค้านมาประกอบการตัดสินใจในการปรับคณะรัฐมนตรี ที่สำคัญสามารถชี้แจงต่อกลุ่มก้อนของ "รัฐมนตรี" แต่ละคนได้ถึงสาเหตุที่ "ปรับเปลี่ยน" ดังนั้นการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ จึงถูกมองสาเหตุการปรับอย่างรวดเร็วครั้งนี้ได้หลายด้าน โดยเฉพาะมุมมองทางการเมืองคงหลีกหนีไม่พ้น สาเหตุแรกที่ถูกมองคือ เป็นการ "ปรับหนี" อภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่จะยื่นญัตติต่อ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ในวันที่ 31 ตุลาคม โดยศึกซักฟอกน่าจะดำเนินการต้นเดือนหรือกลางเดือนพฤศจิกายน ก่อนจะปิดสมัยประชุมในวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา "ฝ่ายค้าน" ประกาศชัดเจนเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล โดยพุ่งเป้าไปที่ "ความล้มเหลว" ในนโยบายของรัฐบาล เช่น โครงการรับจำนำข้าว, ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ โดยเฉพาะราคายางพารา, ปัญหาคอร์รัปชั่น, ความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังไม่รวมข้อมูลของ "หน่วยงานราชการ" ที่ไปตรวจสอบพบการทุจริตงบประมาณของรัฐบาลในเรื่องต่างๆ ที่เคยเป็นข่าวใหญ่ไปก่อนหน้านี้ จากกรณีการให้สัมภาษณ์ของ "พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ" รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะอดีตเลขาธิการ ป.ป.ท. ที่ให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร เกี่ยวกับทุจริตงบน้ำท่วม ภัยแล้ง รับจำนำข้าว โดยยอมรับว่า "ที่ผ่านมามีคนของพรรคประชาธิปัตย์ขอข้อมูลทุจริตงบน้ำท่วม" แต่แอบทิ้งท้ายไว้ว่า "ข้อมูลที่ประชาธิปัตย์ได้ไป เหมือนกับที่สื่อมวลชนได้" แต่ถามกลับว่า เรื่องนี้ "รัฐบาล" จะเชื่อได้มากแค่ไหน เพราะระยะหลังกระทู้ถามในสภาเรื่องใหญ่ เช่น รับจำนำข้าว ฝ่ายค้านไม่ปล่อยข้อมูลหมด นอกจากสาเหตุ "หนีซักฟอก" แล้ว การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ยังถูกมองว่า เพื่อเบี่ยงกระแสการนัดหมายชุมนุมใหญ่ของ "องค์การพิทักษ์สยาม" ที่มี "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม เป็นแกนนำ ในวันอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคมนี้ ที่สนามม้านางเลิ้ง ประเด็นนี้ดูจะเป็นเหตุที่ทำให้เกิดความเร่งด่วนในการเปลี่ยนแปลง ปะทะตรงกับบ้านสี่เสาฯ เพราะข้างๆ เสธ.อ้าย ก็คือ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี และเหนือกว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ก็คือ "ป๋า" พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ! จู่ๆ เสธ.อ้าย มาปลุกคนไล่รัฐบาลภายใต้ชื่อองค์การพิทักษ์สยาม และภายใต้เงื่อนไขที่ทำให้ "ทนไม่ได้" คือ เรื่องจาบจ้วงสถาบัน นั่นทำให้เป็นเหตุเป็นผลที่พอจะมองได้ว่า เรื่องนี้มีเบื้องหลังที่น่าจะเกี่ยวพันกับความเชื่อเดิมว่า มีผู้มีบารมีจ้องจะล้มรัฐบาล คนใหม่ที่ค่อนข้างจะ "แรง" จึงมีชื่อติดโผว่าจะได้นั่งเก้าอี้เสนาบดี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.พฤณฑ์ สุวรรณทัต กระทั่ง สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ก็ยังขยับควบรองนายกฯ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกฯ เพียงคนเดียวของรัฐบาลที่เชื่อมบ้านสี่เสาฯ ได้ กลับไม่มีชื่อในโผ ครม.ชุดใหม่ แต่เหตุที่บรรดา "สายล่อฟ้า" ทั้งหลายยังนั่งกันอยู่หน้าสลอน ไม่ว่าจะเป็น กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและ รมว.คลัง บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ อย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็ยังอุตส่าห์มีข่าวว่าจะย้ายไปเป็น รมช.พาณิชย์ นั่นก็เพราะที่ปรับครั้งนี้ไม่ได้ปรับเพื่อหนี หากแต่ปรับเพื่อปะทะโดยตรงกับอาทิตย์ที่ 28 ตุลาคมนี้ เก้าอี้ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงยังมั่นคงแข็งแรง ขณะที่ฝันของ จตุพร พรหมพันธุ์ ก็ยังคงลอยอยู่ในอากาศต่อไป ถึงแม้ว่า เสื้อแดงที่อิมพีเรียล ลาดพร้าว จะหนุนหลังเต็มที่ เพื่อให้ได้เป็นเสนาบดี แต่ก็ทำได้เพียงแค่บ่นพึมๆ ว่า รัฐบาลนี้ไม่สำนึกในบุญคุณคนเสื้อแดง แต่เหตุที่ไม่ปรับเช่นนั้น ก็เพราะยิ่งลักษณ์เองก็ไม่ต้องการจะให้ถูกตราหน้าว่าเป็นหุ่นเชิดให้พี่ชาย อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นความเป็นตัวของตัวเองผ่านการเลือก นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ บอร์ดการบินไทย นั่งเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข ท่ามกลางเสียงค่อนขอดว่าเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เครือบริษัทแสนสิริ แต่ก็มีเสียงตอบรับจากหมอในกระทรวงอย่างเซ็งแซ่ |
วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ ที่ 26 ตุลาคม 2555 ปรับครม.ปะทะชุมนุมสนามม้าสะเทือนถึงบ้านสี่เสาฯ : ขยายปมร้อน Posted by คมชัดลึก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น