วันพฤหัสบดีที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เจาะลึกเจตนาสุชาติ นาคบางไทร ป่วนองค์กรพิทักษ์สยาม..ทำไม?? เมื่อ 24 ต.ค.55




เรียกว่าสร้างความประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียวกับการปรากฎตัวของนายสุชิต นาคบางไทร อดีตจำเลยที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้ออกมาประกาศว่า พร้อมเข้าร่วมการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยาม ยิ่งไปกว่านั้น นายสุชาติยังแถลงอีกด้วยว่าทางกลุ่มได้มีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมภายใต้โครงการ "ราษฎรดำริ"


         นายสุชาติ นาคบางไทร แกนนำกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ แถลงว่าจะเข้าร่วมการชุมนุมใหญ่ภายใต้แกนนำของพลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประธานองค์การพิทักษ์สยาม แต่อยากให้ให้พลเอกบุญเลิศ ระบุคุณสมบัติของผู้เข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ให้ครบถ้วน ว่ามีข้อห้ามมิให้บุคคลกลุ่มใดเข้าร่วมชุมนุมหรือไม่ ซึ่งหากตนได้รับการอนุญาต ก็จะเดินทางไปร่วมชุมนุมครั้งนี้ด้วย ทั้งนี้ หากประชาชนคนใดสนใจเดินทางไปพร้อมกับตนก็สามารถไปร่วมชุมนุมด้วยกันได้ แต่ต้องรับผิดชอบตัวเองหากเกิดมีอะไรขึ้น ทั้งนี้ยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุมด้วยมือเปล่า ปราศจากอาวุธ ทั้งนี้ นายสุชาติ เชื่อว่า พลเอกบุญเลิศรับงานมาจัดการชุมนุมต่อต้านรัฐบาล อย่างแน่นอน เนื่องจากไม่เคยปรากฏตัวและแสดงเจตนารมณ์มาก่อนหน้านี้  และเห็นว่าประชาชนควรออกมากดดันการจัดการชุมนุมของพลเอกบุญเลิศ ในวันที่ 28 ตุลาคมนี้


         นอกจากการประกาศเข้าร่วมการชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยามแต่กลับเรียกร้องให้ประชาชนออกมาต่อต้านการชุมนุม การแถลงกิจกรรมภายใต้โครงการ "ราษฎรดำริ" ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของนายสุชาติ ที่ถูกถามไถ่ถึงเจตนาที่แท้จริงว่าต้องการอะไรกันแน่ เพราะการใช้คำว่าราษรดำรินั้น ทำให้คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ว่านายสุชาติต้องการล้อเลียนคำว่าราชดำริใช่หรือไม่


         นายสุชาติ นาคบางไทร แถลงว่าทางกลุ่มได้มีแนวคิดที่จะจัดกิจกรรมภายใต้โครงการ "ราษฎรดำริ" ที่ประกอบด้วย 8 โครงการย่อย คือ


         1.โครงการ No Bail Prince เป็นโครงการแจกรางวัลเป็นเงิน 112 บาท โดยขอสนับสนุนจากสถานทูตอเมริกาต่างประเทศ เป็นสดจำนวน 112 หน่วยงานในประเทศนั้นๆ เพื่อช่วยเหลือนักโทษทางการเมืองคดีประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพื่อเป็นการให้กำลังใจนักโทษที่ไม่ได้รับการประกันตัวสูงสุด โดยได้เปิดเผยผู้ที่จะได้รับรางวัลนักโทษชาย คือ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่ไม่ได้รับประกันตัวทั้งสิ้น 11 ครั้ง ทั้งนี้ ทางกลุ่มจะติดต่อประธานผู้มามอบรางวัล 2 คน คือ นางอองซาน ซูจี และประธานมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดต่อ โดยจะทำการมอบรางวัลอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ธันวาคม 2555

         2. ประกาศปฏิทินปีใหม่ 2556  โดยเชิญชวนนักเรียน นิสิต นักศึกษา จากสถาบันการศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป ร่วมประกวดปฏิทิน ซึ่งทางกลุ่มฯจะมอบเงินรางวัลเป็นเงินสด 112 บาท พร้อมเงินสนับสนุนจำนวนหนึ่งให้ผู้ที่ได้รับรางวัล

         3.โครงการปร.สฝ. หรือ เปลี่ยนรูปใหม่ ใส่ฝาบ้าน โดยจะระดมร่วมกันถ่ายรูปประชาชนหรืออื่นๆ แล้วนำไปแจกจ่ายตามบ้านเรือนประชาชน
   
         4.ทำเกมส์ร่วมสมัยให้คนไทยทั้งชาติ โดยหวังเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รู้จักเกมส์นี้ เพื่อรู้เท่าทันเหตุการณ์ต่างๆ ในประเทศ

         5.โครงการสร้างหนังสั้น เพื่อเชิดชูประชาชน  ต้องการให้ทุกหมู่บ้านร่วมกันสร้างหนังสั้น เพื่อเชดชูคนดีที่รู้จัก

         6.โครงการประชาชนเพื่อระบอบประชาธิปไตยป้องกันภัยรัฐประหาร เพื่อเตรียมประชาชนรับมือได้ทัน หากเกิดวัยรัฐประหารขึ้นอีก โดยทางกลุ่มฯจะเชิญชวนให้ประชาชนส่งแนวคิดป้องกันและการต่อต้านการรัฐประหาร
  
         7.โครงการเยี่ยมนักโทษการเมือง นักโทษ 112 จากที่บ้าน โดยให้ประชาชนเขียนจดหมายหรือส่งข้อความเยี่ยมนักโทษมายัง ตู้ ปณ. 112 สามเสนใน กทม.10400 หรือ 112@Saturdayvoice.net

         8. โครงการลงนามรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ด้วยลายมือประชาชน  โดยต้องการให้ประชาชนร่วมกันดาวน์โหลดรัฐธรรมนูญฉบับนิติราษฎร์ ซึ่งแต่ละใบต้องลงนามด้วยลายมือของตัวเอง และส่งมาทางที่อยู่ของกลุ่มฯ โดยทางกลุ่มฯจะรวบรวมแล้วนำรัฐธรรมนูญที่ประชาชนร่วมลงลายมือชื่อทั้งหมดอัพโหลดในยูทูป เพื่อต้องการแสดงพลังการเรียกร้องประชาธิปไตยว่ามีพลังมหาศาลเพียงใด


         เมื่อดูว่านายสุชาติยังมีความคิดที่เป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบันแต่กลับประกาศว่าจะเข้ามาร่วมกับการชุมนุมขององค์การพิทักษ์สยามที่ประกาศเจตนารมณ์ในการพิทักษ์สถาบัน แสดงให้เห็นได้หรือไม่ว่าวัตถุประสงค์ของการมาร่วมชุมนุมของนายสุชาติเกิดขึ้นมาจากเหตุผลอะไรกันแน่ ทั้งนี้นับตั้งแต่นายสุชาติได้รับการอภัยโทษตั้งแต่วันที่ 24 สิงหาคม หลังจากตัดสินใจขอพระราชทานอภัยโทษ โดยถูกจำคุกทั้งสิ้น 22 เดือน   และหลังจากพ้นโทษนายสุชาติก็เริ่มปฏิบัติการในลักษณะเดิมๆอีกครั้งก็คือการทำงานมวลชน ด้วยการปลุกระดม ตามเนื้อหาที่ได้มีการประกาศในอินเตอร์เน็ตแบบนี้


         ต้องการรับสมัคร"มวลชนอาสา" (มชอ.) จำนวนมาก ตอนนี้ผมเสนอโครงการไปหลายโครงการและกำลังจะแถลงข่าวในวันที่ 24 ต.ค.  นี้ แต่สิ่งที่ผมกังวลคือจะมีผู้คนมาช่วยงานได้มากและเร็วทันกับเหตุการบ้านเมืองที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ในเร็ววันนี้หรือไม่เพื่อให้การเตรียมตัวภาคประชาชนได้ยิ่งใหญ่สมกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมจึงต้องขอประกาศผ่านหน้าหน้าเฟสบุคและเวบบอร์ดไปยังพ่อแม่พี่น้องทั่วประเทศและทั่วโลก เพื่อมาช่วยกันทำงานสำคัญนี้ให้สำเร็จ งานสำคัญที่สุดเวลานี้ คือ งานการเป็นศูนย์กลางประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (ศกป.) มีหน้าที่รับความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศทุกหมู่เหล่าแล้วนำมาบันทึกบนเว็บไซต์กลาง (saturdayvoice.net)ให้แกนนำทุกกลุ่มและมวลสมาชิกได้ค้นคว้าเพื่อนำไปใช้และอ้างอิงได้เป็นการระดมสมองคนทั้งชาติอย่างเปิดเผย เป็นครั้งแรก


         ช่องทางระดมความคิดมี 2 ช่องทาง

         1.ส่งมาทาง ตู้ ปณ.112 สามเสนใน กทม 10400
         2.ส่งมาทางอีเมล 112@saturdayvoice.net     saturdayvoice.net
เป็นเว็บกลาง มีไว้เพื่อบันทึกความคิดเห็นจากประชาชนและเป็นช่องทางให้มาค้นหาข้อมูลตลอดจนเป็นสื่อกลางในการนัดหมายประชาสัมพันธ์ในทุกเรื่องราวจะไม่มีเว็บบอร์ด เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกปิดโดยฝ่ายตรงข้ามทุกข้อความจะถูกกลั่นกรองจากทีมงาน และนำไปบันทึกให้ไม่ว่าความคิดเห็นนั้นจะมาทางไปรษณีย์หรือทางอีเมลดังนั้นเราจึงต้องการอาสาสมัครจำนวนมากเพื่อช่วยกันบันทึกข้อมูลจำนวนมากที่กำลังจะหลั่งไหลมาท้าทายความสามารถของพวกเราผมจึงขอประกาศรับสมัครมวลชนอาสา(มชอ.) ซึ่งมีคุณสมบัติและรายละเอียด ดังนี้
         1.ไม่จำกัด เพศ วัย การศึกษา ขอให้ใช้เน็ตเป็นและพิมพ์งานได้
         2.ไม่ต้องเดินทางมาทำงาน สามารถทำงานจากที่บ้านได้ ขอให้มีอินเตอร์เน็ตที่บ้าน
         3.ไม่มีรายได้ เป็นงานที่ทำด้วยใจสมัคร
         4.ทำงานได้ตามเวลาเท่าที่ตนเองมี
         5.ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยชื่อหรือนามสกุลจริง เพราะไม่ได้นำไปแจ้งต่อสาธารณะ
         6.ผู้ที่สนใจกรุณาติดต่อมาที่ ตู้ ปณ.112 หรืออีเมล์2@saturdayvoive.net 

         ตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไปเริ่มต้นเป็นเจ้าของประเทศของเราเสียแต่วันนี้แล้วประเทศนี้จะเป็นของเราตลอดไป


         ไปกว่านั้น หลังจากพ้นโทษมาแล้วนายสุชาติยังได้ให้เหตุผลของการขอพระราชทานอภัยโทษเอาไว้ว่า มีบางคนตั้งคำถามว่า ไหนว่าเป็นนักต่อสู้ ไม่มอบตัว ทำไมมาขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งอันนี้ก็ต้องตอบ ต้องแยกแยะ สิ่งที่เราต่อสู้ เราต่อสู้กับใคร เพื่ออะไร เราต่อสู้กับทหารที่มายึดประเทศ 19 ก.ย. 2549 แต่ผมไม่รู้ว่าใครอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง ทุกวันนี้ ก็ไม่รู้ ฉะนั้น ผมก็คิดว่านี่คือการต่อสู้ ของเรา  เมื่อเราถูกจับในคดีแบบนี้ ผมก็ศึกษา ว่านักโทษ หรือผู้ต้องหาคดีนี้ เท่าที่รู้ ไม่มีใครเคยชนะคดีนี้เลย ข้อหนึ่ง สู้ก็แพ้ ข้อสองถ้าคุณสู้ คุณโดนลงโทษเต็ม สมมุติโทษ 6 ปี ก็โดน 6ปี เต็ม ข้อสาม ถ้ารับสารภาพ จะลดครึ่งหนึ่งทันทีเลย ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำ คุณได้ลดโทษครึ่งหนึ่งทันทีเลย แค่ปากบอกรับสารภาพ นี่ เป็นอะไรที่ดีมากๆ สำหรับงานตุลาการ งานยุติธรรม คือ ผิดหรือไม่ผิดไม่รู้ แต่ถ้ารับสารภาพได้ลดครึ่งหนึ่ง ทำไมจะไม่เอา แล้วนี่ผมจบปริญญาตรี ผมจะโง่เหรอ แค่พูดว่ารับสารภาพครับ ได้ลดโทษลงมา 3 ปีเลยนะ ใครไม่ทำต้องทำ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องมาซักไซร้เรามาก ตอนผมโดนกองปราบจับได้ ผมรับสารภาพเลย ก็ไม่มีอะไรต้องคุย คุณแจ้งความยังไง ก็ไม่ต้องอ่าน ..รับ รับ รับ ...จบ


         อย่างไรก็ตามสำหรับนายสุชาติ ถูกศาลอาญารัชดา อ่านคำพิพากษา ในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุชาติ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2551 จำเลยได้กล่าวปราศรัยบนเวที นปช. ที่ท้องสนามหลวง ในทำนองจาบจ้วงสถาบัน ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ซึ่งนายสุชาติ ได้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่มาถูกตำรวจจับกุมได้ย่านประตูน้ำ เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553  


         จากนั้น เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2553 พนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องนายสุชาติ ในข้อหาดูหมิ่นสถาบัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาในเวลาต่อมาว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาจำคุกจำเลยเป็นเวลา 6 ปี แต่จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น