วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2557

รัฐบาลโจร “ไฟเขียว” เสื้อแดง จัดทัพรุกรบ “ป๋าเปรม-พลากร” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 มีนาคม 2557 07:21 น.

รัฐบาลโจร “ไฟเขียว” เสื้อแดง จัดทัพรุกรบ “ป๋าเปรม-พลากร”

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์4 มีนาคม 2557 07:21 น.

รายงานการเมือง
       
       การยุบเหลือเวทีชุมนุม กปปส.เพียงที่สวนลุมพินี นับแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมทำให้มวลชนที่ร่วมเคลื่อนไหวกับ กปปส.ที่สวนลุมพินี หนาตา และคึกคักมากขึ้นกว่าเดิม
       
       เพราะจากเดิมที่แตกเวทีออกไปหลายจุด ตามปฏิบัติการ Shutdown Bangkok ตั้งแต่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ต่อมายุบเวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ห้าแยกลาดพร้าว แล้วเหลือเวทีสีลม-อโศก-ปทุมวัน-ราชประสงค์ จนกระทั่งปัจจุบันเป็นเวทีสวนลุมพินี ทำให้มวลชนที่เคยกระจายกันไปตามหลายๆ จุด จะกลับมารวมกันหมดที่สวนลุมพินีแห่งเดียว
       
       มาวันนี้เหลือเวทีสวนลุมพินีที่เดียว ช่วยลดความไม่พอใจจากคนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยที่ได้รับความเดือดร้อนกันมากที่ กปปส.ยึด กทม.พอมีการคืนพื้นที่แบบนี้ ก็เลยทำให้ได้ใจคนกรุงเทพฯ กลับไปไม่น้อย
       
       เปลี่ยนเป็นสวนลุมฯ ที่ไปมาสะดวก ลุกนั่งสบาย ไม่รบกวนการทำมาหากิน ปัจจัยเหล่านี้ต่างเอื้ออำนวยให้กับคนไปร่วมชุมนุมได้เป็นอย่างดี แม้จะน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะมองว่าย่านดังกล่าว เช่น บ่อนไก่-คลองเตย มีคนเสื้อแดงค่อนข้างมาก ผนวกกับช่วงปี 53 ก็เกิดเหตุรุนแรงแถวสีลม-ลุมพินี บ่อยครั้ง
       
       บริเวณดังกล่าวมีตึกสูงหลายแห่ง ง่ายต่อการลอบกัด เช่น ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในสวนลุมพินีได้ แต่เชื่อว่าฝ่ายสุเทพ เทือกสุบรรณ และทีมงานได้ศึกษาพื้นที่มาดีแล้ว และมั่นใจเรื่องความปลอดภัยถึงใช้สวนลุมพินีเป็นฐานที่มั่น
       
       สิ่งสำคัญต่อจากนี้ก็คือ เรื่องที่สุเทพจะหล่อเลี้ยงมวลชนให้ยืนหยัดกับการต่อสู้ที่ยังไม่รู้จะจบเมื่อไหร่ได้อย่างไร หลังชุมนุมกันมา 4 เดือน และบอกทุกค่ำคืนว่า ใกล้ชนะแล้ว แต่ในความเป็นจริง ชัยชนะก็ดูเหมือนยังไม่เกิดเสียที แนวร่วมบางส่วนก็เริ่มอ่อนล้าลงไปพอสมควร คือใจยังเชียร์และสู้อยู่ แต่การชุมนุมที่ยาวนานเช่นนี้ มันก็ทำให้ล้าไปมากพอสมควร
       
       แกนนำ กปปส.จึงมีงานหนักไม่น้อยในการหล่อเลี้ยงมวลชนให้รวมพลังกันหนาแน่นตลอดไปได้อย่างไร และการปรับแผนการต่อสู้ยุบย้ายเวทีชุมนุมครั้งนี้ กำนันสุเทพบอกว่า เป็นการถอยเพื่อตั้งหลักก่อนประกาศแผนการต่อสู้ครั้งใหม่
       
       สุเทพ แจงเหตุผลกับประชาชนเมื่อคืนสุดท้ายของการปิดเวทีชัตดาวน์กรุงเทพฯ ทั้งหมด เมื่อ 1 มีนาคม ว่า ยืนยันถอยไม่เป็น เพราะคนหนุนหลังหลายล้านคนจึงถอยไม่ได้ ที่ยุบเวทีทั้งหมดไม่ใช่ถอยทัพแต่เป็นการจัดทัพใหม่ให้เข้มแข็ง แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นแค่การอำลาเวทีแต่ไม่ใช่อำลาการต่อสู้
       
       การปรับเปลี่ยนยุทธวิธีรบถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะในการต่อสู้ทางการเมืองที่มีเดิมพันสูงเช่นนี้ก็เหมือนกับการทำสงคราม หากแม่ทัพสู้แบบไม่มีการเปลี่ยนแผน ปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ เมื่อปฏิบัติการ Shutdown bangkok ยังไม่ได้ผล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังอยู่ในตำแหน่งได้อยู่ แล้วจะดันทุรังทำกันไปเรื่อยๆ โดยไม่ปรับแผนเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ มันก็มีแต่จะเสียแรงเสียเวลาไปเปล่าๆ
       
       พอมีการประกาศของแม่ทัพใหญ่สุเทพ ในการทำศึกที่มวลชนเริ่มเหนื่อยล้า ก็ทำให้กองเชียร์ต่างมีกำลังใจจะสู้ต่อไป และต้องคอยดูว่า แผนการรอบใหม่ที่สุเทพและแกนนำ กปปส.วางไว้ต่อจากนี้ในการเผด็จศึกยิ่งลักษณ์ จะเด็ดดวงแค่ไหน และมีอะไรเป็นไม้ตายมาให้ได้ตื่นเต้นกันบ้าง
       
       ด้านฟากตรงข้ามพวก “นปช.-คนเสื้อแดง” ก็ออกเคลื่อนไหวจัดทัพ เตรียมพร้อมทำสงครามแตกหักกับ กปปส.เช่นกัน หลังจากทนอึดอัดมานานร่วม 4 เดือน กับการปล่อยให้สุเทพ-กปปส.รุกไล่บดขยี้ ยิ่งลักษณ์ และรัฐบาลเพื่อไทย จนแทบตายคามือแต่ก็ยังไม่ตาย
       
       ดูสภาพแนวรบ นปช.-คนเสื้อแดงแล้ว ที่หลายคนเคยบอกว่าที่เห็นออกมาฮึ่มๆ ก่อนหน้านี้ของพวกเสื้อแดง และอดีต ส.ส.เพื่อไทย หลายคนที่ประกาศจะจัดตั้งกลุ่มอีสานล้านนา และพร้อมทำสงครามกลางเมือง กับฝ่ายที่จะล้มยิ่งลักษณ์แล้ว คนบอกว่าคำขู่ดังกล่าวคงไม่เอาจริง แค่ขู่เฉยๆ แต่เมื่อดูจากการไปลั่นกลองรบนัดแรกกันที่ทุ่งศรีเมือง อุดรธานี เมื่อ 1 มีนาคม และเคลื่อนที่ไปขอนแก่น เมื่อ 2 มีนาคม
       
       คำขู่ของแกนนำ นปช.บนเวทีปราศรัยดังกล่าว น่าจะได้รับไฟเขียวจากแกนนำรัฐบาลเพื่อไทยมาแน่นอน สั่งให้เดินหน้าเตรียมพร้อมเต็มที่จะปราศรัยด่าใคร-ซัดใคร-ขู่ใคร ก็ทำได้ตามสะดวก ไม่ต้องเกรงใจเหมือนกับต้องการบอก สุเทพ-กปปส.รวมถึงกลุ่มที่เสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย เชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลชั้นนำในประเทศคอยสนับสนุน กปปส.อยู่ว่า หากยังไม่เลิกรา ไล่ทุบยิ่งลักษณ์ไม่หยุดหย่อน จนเหมือนกับต้องการจะให้ตายกันไปข้าง เสื้อแดงก็พร้อมเปิดศึกทำสงครามกลางเมืองด้วย
       
       เลยทำให้บนเวทีเสื้อแดงดังกล่าวที่มีการถ่ายทอดสดทางทีวีเสื้อแดง และเครือข่ายสื่อ นปช. เนื้อหาการปราศรัยของแกนนำ นปช.พบว่าส่วนใหญ่โจมตีองค์กรอิสระแบบเรียงหนากระดาน ทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการ ป.ป.ช.แล้วยังพบว่าแกนนำ นปช.ต่างเน้นกันมากเป็นพิเศษคือ การปลุกเร้าให้คนอีสาน-เสื้อแดงทั่วประเทศ เตรียมพร้อมกับการยกพลเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเผชิญหน้ากับ กปปส.ทันที
       
       หากมีการจัดการกับยิ่งลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการทำโดยองค์กรอิสระ อย่างคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือทำรัฐประหาร ก็ให้เสื้อแดงเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าเข้ากรุงเทพฯ ได้ทันที และพยายามปราศรัยโจมตีว่าม็อบ กปปส.มีเครือข่ายจารีตนิยมที่ไม่ต้องการให้อำนาจอยู่ในมือประชาชนเต็มที่คอยหนุนหลัง
       
       ถึงกับมีการปราศรัยซัดเข้าไปเต็มๆ กับ 2 องคมนตรี คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ พลากร สุวรรณรัฐ ว่าอยู่เบื้องหลัง กปปส.และสุเทพ
       
       โดยบนเวที นปช.ดังกล่าว มีการระบุว่า “พล.อ.เปรม” คือประธาน กปปส.ที่คอยให้ท้ายสุเทพมาตลอด ขณะที่พาดพิงไปถึง “พลากร” ว่าหวังจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง ถึงกับมีการเดินสายไปพบปะบุคคลต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา
       
       การที่เวทีเสื้อแดงพุ่งเป้าปลุกระดมคนเสื้อแดงทั่วประเทศว่า กปปส.มีเครือข่ายอำนาจบางอย่างหนุนหลัง เพื่อหวังล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนจะยอมไม่ได้ ต้องออกมาลุกขึ้นสู้ และต้องสู้แบบยอมสู้ตาย แบบนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าต้องมีการไฟเขียว หรือสั่งการมาให้เสื้อแดงพูดจาพาดพิงบุคคลระดับสูงอย่าง 2 องคมนตรีดังกล่าวได้ เหมือนกับต้องการสื่อสารอะไรบางอย่างไปยังสุเทพ และคนบางกลุ่ม ว่าระบอบทักษิณพร้อมแล้วกับการทำศึกหาก กปปส.ยังไม่เลิกราการชุมนุมโดยเร็ว
       
       เมื่อฝ่ายหนึ่งคือสุเทพ และ กปปส.ถอยมาตั้งหลัก เพื่อรอวางแผนเผด็จศึกรอบใหม่ แต่อีกฝ่ายคือเพื่อไทยและเสื้อแดง ออกมาจากที่ตั้ง เพื่อเตรียมทำศึกเต็มรูปแบบ
       
       เค้าลางสงครามกลางเมืองที่ฝ่ายเสื้อแดงดูจะต้องการเห็น ก็มีความเป็นไปได้ไม่น้อย!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น