วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ตำรวจพร้อมอาวุธบีบขอพื้นที่คืน-ลุยสลายกลุ่มปฏิรูปพลังงานหน้า ปตท. - “สุเทพ” มาทำเนียบฯ แล้วเคลื่อนขบวนกลับ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 กุมภาพันธ์ 2557 07:46 น.

ตำรวจพร้อมอาวุธบีบขอพื้นที่คืน-ลุยสลายกลุ่มปฏิรูปพลังงานหน้า ปตท. - “สุเทพ” มาทำเนียบฯ แล้วเคลื่อนขบวนกลับ


ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนตรึงกำลังบีบขอพื้นที่คืนจากผู้ชุมนุม ตามคำสั่ง ศรส. เวที กคป.หน้า ปตท.สำนักงานใหญ่ถูกสลายแต่เช้า ก่อนผู้ชุมนุมพร้อมแกนนำถูกควบคุมตัวไป ตชด.ปทุมฯ “สุเทพ” นำกำลังปักหลักหน้าทำเนียบฯ เจรจา ตร.ไม่ยอมคืนพื้นที่ ก่อนเคลื่อนพลกลับปทุมวัน หลัง ตร.ไม่เข้าสลายชุมนุม นัดมาใหม่พรุ่งนี้
       
       วันนี้ (18 ก.พ.57) จากกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ผอ.ศรส. ประกาศจะขอยึดคืนพื้นที่สถานที่ราชการ 5 จุด คือ 1. ทำเนียบรัฐบาล 2. กระทรวงมหาดไทย 3. กระทรวงพลังงาน 4. สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และ 5. ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ภายในวันนี้่
       
       เมื่อเวลาประมาณ 07.00 น.มีรายงานว่า ที่เวทีกองทัพประชาชนและเครือข่ายปฏิรูปพลังงาน (กคป.) บริเวณกระทรวงพลังงาน และที่ทำการของสำนักงานใหญ่ ปตท. ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 10 กองร้อยเข้าตรึงกำลังด้านหน้าประตูและภายในไว้เบ็ดเสร็จ ทำให้ผู้ชุมนุมไม่สามารถต้านทานได้ ทาง นพ.ระวี มาศฉมาดล แกนนำ กคป.จึงยอมคืนพื้นที่ให้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอ้างว่ามีการตรวจพบอาวุธในที่ชุมนุม ขณะที่ นพ.ระวียืนยันว่าในที่ชุมนุมไม่มีอาวุธ ยกเว้นเสื้อเกราะกันกระสุนที่ทำจากแผ่นฟิล์ม ซึ่งจำเป็นต้องใช้เนื่องจากผู้ชุมนุมถูกยิงก่อกวนมาโดยตลอด ล่าสุดผู้ชุมนุมที่เป็นชายได้ถูกรัดข้อมือและนำตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องขังเพื่อไปยังกองบังคับการตํารวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี รวมทั้ง นพ.ระวีด้วย โดย นพ.ระวีกล่าวว่า หลังจากผู้ชุมนุมได้รับการประกันตัวก็จะกลับมาชุมนุมอีกครั้ง
       
       ทางด้านเวทีกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ (กปท.) บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศก็ได้มีตำรวจหลายพันนายเข้าประชิดแล้วเช่นกัน โดยมีการส่งชุดเจรจาเข้าเจรจาขอคืนพื้นที่
       
       ในส่วนของบริเวณทำเนียบรัฐบาล มีตำรวจจำนวนมากตรึงกำลังอยู่ทั้งหน้า บช.น. ลานพระบรมรูปทรงม้า และอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยเช้านี้นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และนายชุมพล จุลใส ได้นำมวลชนมาสบทบแล้ว ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.กำลังเดินนำขบวนมวลชนมาจากเวทีแยกปทุมวันเพื่อมาปกป้องทำเนียบรัฐบาลด้วยเช่นกัน
       
       นายอุทัย ยอดมณี นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง หนึ่งในแกนนำ คปท. เปิดเผยว่า ไม่กังวลใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าสลายการชุมนุมในวันนี้ โดยเตรียมมาตรการรับมือไว้หลายรูปแบบแล้ว และให้มวลชนเตรียมพร้อมระวังตัวตลอดเวลาหากเกิดความรุนแรงขึ้น พร้อมกันนี้ยืนยันว่าจะนำมวลชนปักหลักข้างทำเนียบรัฐบาล ยืดเยื้อต่อไปถึงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ และจะไม่ยอมให้นายกรัฐมนตรี รวมทั้งคณะรัฐมนตรีเดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลได้อย่างเด็ดขาด และจะสู้จนชนะ
       
       อย่างไรก็ตาม ได้ประสานไปยังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ในเรื่องดังกล่าวแล้ว ส่วนจะมีการร้องขอกำลังจากกองทัพเข้ามาช่วยดูแลความสงบ และความปลอดภัยให้แก่มวลชนหรือไม่ ขอประเมินสถานการณ์ก่อน หากรุนแรงอาจร้องขอให้ทหารเข้ามาช่วยดูแล
       
       ขณะที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นำมวลชนจากเวทีแยกปทุมวัน ตั้งแถวบริเวณสะพานหัวช้าง แยกราชเทวี เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปสมทบกับกลุ่มมวลชนที่รออยู่ก่อนหน้านี้ เพื่อไปปิดล้อมไม่ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี เข้าไปในพื้นที่ รวมถึงขัดขวางกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประกาศขอคืนพื้นที่บริเวณทำเนียบรัฐบาล
       
       ขณะที่บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีมวลชนเข้าร่วมเดินทางร่วมกับขบวน กปปส. เป็นจำนวนมาก ทั้งการเดินเท้า และการเคลื่อนขบวนไปด้วยรถยนต์ เพื่อไปยังทำเนียบรัฐบาล ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ขบวนของนายสุเทพได้ไปถึงหน้าทำเนียบรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว และได้นั่งรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสลายการชุมนุมอยู่ที่ถนนราชดำเนินนอก หน้ากระทรวงศึกษาธิการ ตรงข้ามประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ใกล้กับแยกมิสกวัน
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ด้าน กปปส.เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ ตำรวจหลายกองร้อย ได้เตรียมกำลังเตรียมเข้าขอคืนพื้นที่ ขณะที่หลวงปู่พุทธะอิสระ ปรับแผนการต่อสู้ โดยสั่งมวลชนเข้ารื้อแนวบังเกอร์ยางรถยนต์ กระสอบทราย รวมถึงสิ่งกีดขวางต่างๆ ที่ผู้ชุมนุมนำไปตั้งกีดขวางการจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าบริษัท กสท โทรคมนาคม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเปิดพื้นที่การจราจรเข้าออกศูนย์ราชการให้สะดวกมากขึ้น พร้อมสั่งยุบพื้นที่ชุมนุมบนถนนแจ้งวัฒนะให้เหลือเพียงด้านหน้าศาลปกครองไปถึงหน้าอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษเท่านั้น โดยไม่ให้ขวางทางเข้าออกศูนย์ราชการทั้ง 4 ช่องการจราจร ทั้งนี้เพื่อให้รถยนต์สามารถผ่านเข้าออกศูนย์ราชการโดยใช้เส้นทางเบี่ยงเข้าไปด้านข้างและอ้อมด้านหลังศาลปกครอง
       
       จากนั้นหลวงปู่พุทธะอิสระได้ติดต่อไปยัง พ.ต.อ.อธิป พงษ์ศิวาไพร ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง เพื่อยืนยันในขัอตกลงเดิมอีกครั้งว่า หากผู้ชุมนุมยอมเปิดการจราจรและเปิดทางให้ข้าราชการกลับเข้าทำงานในศูนย์ราชการ จะไม่มีเงื่อนไขให้ตำรวจนำกำลังเข้าสลายการชุมนุม จากนั้นพระพุทธะอิสระได้ปราศรัยทำความเข้าใจกับมวลชนว่าการรื้อแนวบังเกอร์เป็นยุทธศาสตร์ในการชุมนุมของเวทีแจ้งวัฒนะ
       
       นอกจากนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระได้เจรจากับตัวแทนของ กสท ทีโอที และบริษัท ไปรษณีย์ไทย เกี่ยวกับการเลื่อนเวลาเปิดทำการเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจร โดยได้ข้อสรุปว่า กสท จะเปิดบริการช่วงเวลา 08.30-15.30 น. ทีโอทีเปิดเวลา 08.00-16.30 น. และบริษัทไปรษณีย์ไทยเปิดเวลา 09.00-16.00 น.
       
       ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รักษาการ รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ได้มานั่งบัญชาการที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล ใกล้แยกมสิกวัน
       
       ส่วนที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ถนนราชดำเนินกลางเชื่อมกับถนนราชดำเนินนอก เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ ผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสระแก้ว ได้เจรจากับตัวแทนกองทัพธรรมเพื่อขอพื้นที่การจราจรบริเวณดังกล่าว ซึ่งผู้ชุมนุมยอมให้เปิดการจราจรให้ผ่านได้บางส่วน เจ้าหน้าที่จึงเริ่มถอนกำลังออกไป
       
       อย่างไรก็ตาม ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ ผู้ประสานงานกองทัพธรรม เปิดเผยในเวลาต่อมาว่า หลังจากผู้ชุมนุมยองเปิดพื้นที่จราจรให้บางส่วนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาขอเจรจาเปิดพื้นที่เพิ่มเติมอีกครั้ง โดยจะเปิดพื้นที่จากสะพานผ่านฟ้าฯ ไปจนถึงสะพานมัฆวานฯ ซึ่งผู้ชุมนุมไม่ยินยอม เพราะเห็นว่าตำรวจได้คืบจะเอาศอก
       
       ขณะที่สถานการณ์บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล ซึ่งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นำมวลชนเข้าสมทบกับ คปท. เพื่อสะกัดตำรวจเข้าขอคืนพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายได้เจรจากันบริเวณแยกวังแดง โดย พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) เป็นหัวหน้าทีมชุดเจรจา เข้าเจรจาขอคืนพื้นที่คืนกลับผู้ชุมนุม โดยมีนายสกลธี ภัททิยกุล แกนนำ กปปส.เป็นหัวหน้าชุดเข้าเจราจร รอง ผบช.น.ชี้แจงว่า ที่เราคืนพื้นที่ในครั้งนี้ก็เพื่อขอเปิดการเจราจรให้ประชาชน ตั้งแต่แยกมิสวักวันถึงแยกซมัยมรุเซฐ และแยกมิสกวัน ถึงสะพานมัฆวานฯ ทั้งนี้ตำรวจ จะไม่ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม ขณะที่ตัวแทนผู้ชุมนุมเอง ได้บอกว่าจะขอใช้พื้นที่การชุมนุมทางการเมือง เพื่อขับไล่รัฐบาล และขอยืนยันที่จะชุมนุมอยู่ที่บนถนนพิษณุโลก ส่วนอื่นก็จะใช้การเจราจาพูดคุยกันได้
       
       อย่างไรก็ตาม การเจราจรไม่ประสพความสำเร็จ ทั้งสองฝ่ายต่างต่างยืนยันข้อเสนอของตัวเอง ที่สุดจึงขอพักการเจรจา 1 ชั่วโมงเพื่อไปหารือกันภายในของแต่ละฝ่ายก่อนจะมาเจรจากันอีกครั้ง
       
       จากนั้นนายสุเทพขึ้นปราศรัยทักทายกลุ่มผู้ชุมนุมและตำรวจบริเวณแยกมิสกวัน ว่าพวกเรากำลังทำหน้าที่พลเมืองดี ปกป้องบ้านเมือง มาชุมนุมด้วยความสันติ อหิงสา ขอให้มวลชนใจเย็นๆ หากเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกเข้ามา พวกเราก็จะสวดมนต์ ตนขอให้ตำรวจเข้าใจว่าประชาชนไม่เคยคิดร้าย และถือว่าตำรวจก็เป็นพี่น้องกัน ขอให้ตำรวจมั่นใจว่า เราจะไม่ทำร้ายตำรวจแน่นอน ในส่วนตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ตนก็เข้าใจว่าต้องการรักษายศ รักษาตำแหน่ง แต่ถ้าต้องการจะอยู่ในประเทศอย่าทำให้มองหน้ากันไม่ได้ และประชาชนจะไม่ยอมให้คนที่ไม่มีอำนาจมาทำลายประเทศ
       
       สุดท้ายตนขอให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรักบ้านเมือง ศัตรูของมวลมหาประชาชน คือระบอบทักษิณ ต้องต่อสู้ให้หมดไป เราไม่ได้ต่อสู้เพื่อใคร แต่ทำเพื่อประเทศ ไม่ได้แย่งชิงอำนาจเป็นใหญ่
       
       เวลา 10.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจถือกระบองพร้อมโล่หลายร้อยนายได้ตั้งแถวพยายามรุกฝ่าแผงกั้นบริเวณแยกสะพานผ่านฟ้าลีลาศ เข้าสู่ที่ชุมนุมกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ผู้ชุมนุมที่ขวางต่างสวดมนต์พร้อมสกัดกั้นจนมีผู้บาดเจ็บ และบางรายถูกตำรวจจับกุมส่งเข้ารถคุมขังผู้ต้องหาด้วย
       
       เวลา 11.11 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกตำรวจจับกุมบริเวณด้านหลังที่ชุมนุม กปท.ภายหลังเจ้าหน้าที่รุกฝ่าเข้ายึดพื้นที่ โดยใช้เชือกมัดมือไพล่หลังไว้ ขณะสมณโพธิรักษ์ได้ประกาศทางเครื่องขยายเสียงให้ผู้ชุมนุมอยู่ในความสงบสันติและอหิงสาอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะถูกปิดเครื่องปั่นไฟ สมณโพธิรักษ์จึงพูดกับผู้ชุมนุมทางโทรโข่งแทน หลังจากนั้นตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ
       
       เวลา 12.00 น. นายสุเทพ ยังคงนั่งปักหลักอยู่บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ หลังจากเดินตรวตราพื้นที่ชุมนุมสะพานมัฆวาน ขณะที่แกนนำ กปปส.ได้เจรจากับตำรวจ 2 จุด คือ สะพานผ่านฟ้า และ สะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อขอเปิดพื้นที่ต้องไม่มีตำรวจเข้ามาในพื้นที่ และ ศรส.ต้องแถลงข่าว ในการขอเปิดถนนเส้นราชดำเนิน , ไม่เข้ายุ่งเกี่ยวพื้นที่ชุมนุมถนนพิษณุโลกทั้งหมด และตำรวจต้องไม่เข้ามาคุกคามหรือบุกจับแกนนำ กปปส. ซึ่งข้อตกลงระหว่างเจรจาตำรวจกับผู้ชุมนุมต้องถอยร่นกำลังตำรวจกลับที่ตั้งทุกจุดประมาณ 500 เมตร ขณะที่ผู้ชุมนุมจะถอนร่นประมาณ 500 เมตรเช่นกันระหว่างการเจรจา เพื่อเพิ่มความมั่นใจในปลอดภัยของผู้ชุมนุมและความจริงใจของการเจรจา แต่การเจรจามีแนวโน้มอาจจะล้มเหลว หลังตำรวจยิงแก็สน้ำตาและยิงกระสุนยางใส่กลุ่มผู้ชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้า ส่งผลให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจและมีบางส่วนเดินทางเข้าไปสมทบ เพราะอยู่ระหว่างเจรจา
       
       ขณะที่ นายสุเทพ บอกให้ผู้ชุมนุมใจเย็นๆหลังจากตำรวจเริ่มยิงแก๊สน้ำตา พร้อมทั้ง ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับแกนนำ กปปส.ที่เป็นตัวแทนเจรจาว่า หากตำรวจถอยร่นกำลังผู้ชุมนุมจะถอยร่นเช่นกันเพื่อให้รักษาแนวมทางชุมนุมไว้ และขอให้ผู้ชุมนุมอย่าพึ่งเข้าไปในพื้นที่ให้ดูสถานการณ์ก่อน แม้ว่าตำรวจยังคงยิงแก็สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าอยู่ก็ตาม
       
       ต่อมานายสุเทพ พร้อมด้วย แกนนำบางส่วนและผู้ชุมนุมได้เดินมาเฝ้าติดตามสถานการณ์และนั่งปักหลักบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ โดยมีการ์ดและผู้ชุมนุมนั่งล้อมรอบตัวอยู่จำนวนมาก
       
       ทั้งนี้ เนื้อหาของการเจรจาโดยสรุป พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะหัวหน้าชุดเจรจาต่อรอง เข้าเจรจารอบที่ 2 กับนายสกลธี ภัททิยกุล และนายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุม กปปส.และ คปท. บริเวณถนนพิษณุโลกว่า จะขอแค่พื้นที่ถนนราชดำเนิน จากแยกลานพระรูป จนถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยจะไม่ยุ่งกับถนนพิษณุโลกด แต่นายนัสเซอร์ กล่าวว่า จะยอมคืนถนนราชดำเนินให้กับตำรวจ แต่มีข้อแม้ว่า ทางตำรวจต้องแถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่า จะไม่สลายการชุมนุม ไม่เข้าจับแกนนำ และให้ถอยกำลังตำรวจออกไปอีกประมาณ 500 เมตร หรือให้กลับไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งทั้งสองฝ่ายต่างรับข้อเสนอซึ่งกันและกัน และกลับไปหารือ ก่อนที่จะมาเจรจาอีกครั้ง โดยยังไม่มีนัดหมายกำหนดเวลา
       
       เวลา 14.44 น. นายสุเทพ ได้เดินกลับมานั่งปักหลักบริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการ หลังการเจรจาระหว่างผู้ชุมนุมกับตำรวจตกลงกันได้ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอนร่นออกจากจุดปะทะเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เพื่อรอดูท่าทีจาก ศรส.จะดำเนินการตามข้อเสนอของผู้ชุมนุมอย่างไร
       
       ขณะที่ นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ แกนนำ กปท. ในช่วงเช้าถูกตำรวจเข้าดำเนินการติดตามจับกุมตัวได้ระหว่างเกิดเหตุปะทะ แล้วผู้ชุมนุมสามารถช่วยกลับมาได้ เดินทางเข้าพบและพูดคุยกับ นายสุเทพ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนบรรยากาศโดยรอบวันนี้ผู้ชุมนุมยังติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าตำรวจได้หยุดยิงแก๊สน้ำตาและกระสุนยางใส่ผู้ชุมนุมแล้ว ทั้งนี้ หากตำรวจไม่เข้าขอเปิดพื้นที่จะกลับที่ตั้งเวทีแยกปทุมวันเวลาประมาณ 15.30 น. คาดว่า จะประกาศแนวทางเคลื่อนไหวจากนี้ช่วงค่ำวันนี้ต่อไป
       
       พลตำรวจตรีอดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. เปิดเผยว่า ล่าสุดได้โทรศัพท์คุยกับทางแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมแล้วเพื่อเจรจา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยอมรับข้อเสนอในการถอยร่นกำลังกลับที่ตั้งในกองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อแลกกับการที่ผู้ชุมนุมเปิดเส้นทางการจราจรถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกพระรูปถึงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ส่วนจะเปิดพื้นที่ได้เมื่อไหร่และจะส่งกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่หลังเปิดจราจรเมื่อไหร่นั้น ต้องประสานงานกับแกนนำอีกครั้ง
       
       ส่วนเหตุการณ์ปะทะที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ในขุดดังกล่าวเป็นความรับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งระหว่างตำรวจเจรจาขอคืนพื้นที่ ได้ถูกกลุ่มคนร้ายไม่ทราบฝ่ายใช้อาวุธปืนและระเบิด M79 ยิงมาจากตึกการบินไทยใส่กลุ่มเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่งผลให้มีตำรวจเสียชีวิต 1 นาย และบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องยอมรับว่าการเจรจาหลังจากนี้ตำรวจต้องประเมินแนวทางในการเจรจาให้รอบคอบ เนื่องจากยอมรับว่าการดูแลจุดสูงในครั้งอาจจะมีช่องว่างจนทำให้เกิดการสูญเสียดังกล่าว
       
       ทั้งนี้ ภายหลังกำลังตำรวจถอยร่นเข้าไปในกองบัญชาการตำรวจนครบาล กลุ่มผู้ชุมนุมมีท่าทีพอใจ และถอยร่นกลับไปฟังคำชี้แจงจากนายสุเทพ
       
       ทางด้านนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ โฆษก กปปส. ให้สัมภาษณ์ว่า การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอคืนพื้นที่การชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ สามารถเก็บหลักฐานปลอกกระสุนปืนชนิดต่างๆ อาทิ ปืนลูกซอง ถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธจริง ทั้งที่ระบุว่าจะดำเนินการอย่างละมุนละม่อม ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้มีผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย รวมทั้งระหว่างชุลมุนมีการใช้เครื่องยิงลูกระเบิดเอ็ม 79 ด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องชี้แจง ส่วนการตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิงตายเพราะมีกระสุนจากฝั่งผู้ชุมนุมนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งตนสอบถามจากร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ แกนนำกองทัพธรรมแล้วบอกว่า ระหว่างปะทะผู้ชุมนุมนั่งสวดมนต์เท่านั้น นอกจากนี้มีการเก็บภาพของรถตู้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขับออกไปจากสะพานผ่านฟ้าลีลาศได้เปิดประตูรถและกราดยิงใส่ผู้ชุมนุมทำให้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย อย่างไรก็ตามนายเอกนัฏ ได้นำปลอกกระสุนปืนมาแสดงต่อสื่อมวลชน
       
       เวลา 15.00น. นายสุเทพ ขึ้นปราศรัยบนรถหกล้อติดตั้งเครื่องขยายเสียงว่า ขอบคุณประชาชนที่มารักษาพื้นที่รอบทำเนียบรัฐบาล ไม่ให้ฝ่ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เข้ามาได้ เราปฏิบัติภารกิจด้วยความเรียบร้อย สงบสันติ ปราศจากอาวุธความรุนแรง แต่น่าเสียใจที่ด้านสะพานผ่านฟ้าฯ เจ้าหน้าที่ยกกำลังเข้ามาบุกกองทัพธรรมและกองทัพประชาชนฯ โดยยิงแก๊สน้ำตา ยิงปืนสงครามใส่ประชาชน มีคนบาดเจ็บ มีความเสียหาย ขณะเกิดเหตุพี่น้องควบคุมตัวเองอยู่ในความสงบ อีกทั้งกองทัพธรรมและกองทัพประชาชนฯ แจ้งมายังตนว่าควบคุมสถานการณ์ได้ หากไม่ไหวจะขอกำลังไปช่วย และขณะนี้สถานการณ์สงบแล้ว จึงถึงเวลาเดินทางกลับเวทีปราศรัยปทุมวัน พรุ่งนี้ (19ก.พ.) ก็มาร่วมชุมนุมอีกครั้ง แต่ต้องดูการชุมุนมของชาวนาด้วย หากชาวนาพร้อม พวกเราพร้อม ก็จะตัดสินใจว่าจะไปตามไล่น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่างไรบ้างก็จะแจ้งให้ทราบ

       
       
ผู้ชุมนุมหน้า ปตท.ถูกนำตัวขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหา (ภาพจากเฟซบุ๊ก Cathay Mee)

      
       ตำรวจวางกำลังเต็มอัตราบริเวณถนนราชดำเนินกลาง
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       

       
       นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.นั่งรอกลางถนนราชดำเนินนอก ตรงข้ามประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล
       

       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       

       
       พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เจรจากับผู้ชุมนุมที่บริเวณแยกวังแดง
       

       
       
       
       
       
       

       
       
ขณะที่กปปส.เวทีศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ หลวงปู่พุทธอิสระ ปรับแผนการต่อสู้ โดยสั่งมวลชน เข้ารื้อแนวบังเกอร์ยางรถยนต์ กระสอบทราย รวมถึงสิ่งกีดขวางต่างๆที่ผู้ชุมนุมนำไปตั้งกีดขวางการจราจรบนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าบริษัท กสท.โทรคมนาคม และกรมสอบสวนคดีพิเศษ

       

       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       
       

       
       
บรรยากาศกลุ่มผู้ชุมนุมบุกไปหน้ากระทรวงมหาดไทย

       

       
       
       
       
       
       
       
       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น