วันเสาร์ ที่ 15 กุมภาพันธ์ 2557
ตามที่ผมบอกไว้แล้วว่าวันมาฆะบูชาและวันวาเลนไทน์ซึ่งอยู่ในวันเดียวกันถือว่าเป็นฤกษ์ดี สำหรับคนดีๆ จะทำงาน ทำอะไรก็ดีหมด ดังนั้น "คนชั่ว" จะทำอะไรก็ไม่ดีทั้งนั้น ใครจะทำอะไรคิดดูให้ดีๆก่อน ทำอะไรในวันพระใหญ่ ถ้าทำไม่ดี ไม่มีได้ผุดได้เกิดแน่ๆ ถึงกับมีคนกล่าวว่า ขนาดบุเรงนอง ผู้ชนะสิบทิศยังไม่กล้าขยับไปทำอะไรที่ไม่ดีในวันมาฆะบูชาเลย แล้วนี่คุณเฉลิมฯ เป็นใคร จึงกล้าตกนรกถึงขนาดนี้
(๒) แผนใหญ่ต่อไปที่มหาดไทยก็ต้องถอยอีก เพราะมวลชน กปปส.ไปเพิ่มกันเต็ม นอกจากนั้น เป็นที่รู้กันว่าใครไปทำอะไรร้ายแรงต่อกลุ่มรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์แล้ว ก็มีสิทธิโดนตัดน้ำตัดไฟที่บ้านทุกๆ วันครับ ขนาดเจ้ากระทรวงยังเฉยๆ เลย แล้วคุณเฉลิมฯ เป็นใครจะไปเดือดร้อนแทนทำไมแต่วันนี้ คุณเฉลิมฯ ดันวางแผนใหญ่ กะรุกเพื่อเรียกชื่อเสียงตัวเองคืน หลังจากถูก "บิ๊กจตุพรฯ" บิ๊กคนเสื้อแดงด่าว่า "ไม่เอาไหน" งานนี้คุณเฉลิมฯ เจ็บอกเจ็บใจกว่าถูกกำนันด่าเสียอีก นอกจากนั้นนายใหญ่ฯ ยังสั่งมาจากพม่า ให้ทำเอาฤกษ์อีกด้วย คุณเฉลิมฯ จึงกะโชว์งานใหญ่เอาให้ได้หมด ถึงขั้นพูดว่ารุกไม่มีวันหยุด แต่หลังสัมภาษณ์แล้ว ปรากฏว่าแผนพังยับหมดครับ เพราะ (๑) แผนนั้นถูกเปิดและใส่ไข่จากหมวดเจี๊ยบ จนเรียกสื่อมวลชนมาได้มากมายครบทุกชาติทีเดียว เป็นผลทำให้ตำรวจเองก็ทำอะไรก็ไม่ถนัด ประกอบกับ คปท.เองก็เคลื่อนพลออกไปจากหน้าทำเนียบ เหมือนมีข้อตกลงล่วงหน้า ทำให้คนเห็นภาพว่า ขนาด คปท.ไม่มีใครอยู่เลย ยังทำอะไรไม่ได้ แม้ทาง คปท.จะทิ้งคำท้าไว้ว่า "แน่จริงมารบเวลาคนอยู่ซิ อย่าไปรบกับกระสอบทราย" ก็ไม่น่าจะเป็นเหตุผลทำให้ตำรวจไม่กล้าเข้าไปโจมตีค่ายร้างคนของ คปท. ดังนั้นตำรวจหลายร้อยคนจึงทำได้แค่เก็บกวาดเล็กๆ น้อยๆ เอาแค่หนังสติ๊กเป็นอาวุธร้ายแรงไปให้คุณเฉลิมฯ นำมาแถลงข่าว แก้เซ็ง ในขณะที่ตำรวจหลายคนก็เริ่มสงสัยในท่าทีดังกล่าวนี้ของคุณเฉลิมฯ เหมือนกัน
(๓) แผนรุกต่อที่แจ้งวัฒนะ ซึ่งมีหลวงปู่พุทธอิสระดูแลอยู่ โดยเอาตำรวจโอบล้อมขนาบเข้ามาทั้ง ๒ ด้าน เป็นการปฏิบัติงานท่ามกลางเสียงสวดมนต์ในวันพระใหญ่ ตำรวจเองซึ่งใจไม่ดีอยู่แล้วที่ต้องมารบกับพระ ก็ขวัญเสียเพิ่มขึ้น เมื่อเสื้อแดงที่ติดมาด้วยก็ซ่าแทรกตำรวจออกไปข้างหน้าแถว จนโดนการ์ด กปปส.อัดกลับไป อัดแบบไม่กลัวตำรวจเลย แสดงว่ามันต้องมีอะไรอยู่เบื้องหลังแน่ๆ ที่สำคัญ คือ ในวันหยุดยาว ดันมีคนมาร่วมชุมนุมกับหลวงปู่มากมายหลายพันคน ทั้งๆ ที่ทางการข่าวระบุว่ามีคนอยู่ประมาณ ๓๐๐ คนเท่านั้นเอง และขวัญก็หมดไปอีกเมื่อมีผู้หญิง กปปส.มานั่งขวางแถวตำรวจ สวดอิติปิโสตามเสียงจากเวทีอยู่สักสองสามคน มีผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะและทีมแพทย์ กับประชาชนประมาณ ๒๐ คนมายันกับตำรวจอยู่ พอสวดครบ ๓ รอบ ก็เกิดมีระเบิดลึกลับผ่านหัวผู้ชุมนุมไปตกอยู่ข้างตำรวจ แม้จะเลยหัวไป แต่ก็ทำให้ทั้งตำรวจและผู้ชุมนุมแยกกันกระเจิดกระเจิงออกโดยปริยาย ต่อมาจึงมีการประสานงานเชิงเตือนมาจากทหาร ขอให้ตำรวจถอยกลับไป อย่ามาทำบาปในวันพระเลย เรื่องนี้ก็บังเอิญที่ตรงแจ้งวัฒนะนั้นมีหน่วยทหารที่เป็นหน่วยกำลังรบอยู่ถึง ๓ แห่ง นอกเหนือจาก บก.กองทัพไทย ซึ่งไม่มีกำลังรบประจำอยู่ ตำรวจจึงถอนตัวกลับไปเมืองทองโดยความเต็มใจ และมีข้อตกลงจะมาพูดคุยกันใหม่กับหลวงปู่อีกครั้งหนึ่งในวันที่ ๑๗ ก.พ. ๕๗ นี้
เห็นไหมครับ วันดีๆ ดันไปทำเรื่องไม่ดี ก็เสียฤกษ์แบบนี้แหละครับ ตอนนี้ข้าราชการทุกคนพอจะรู้ความจริงแล้วว่ารัฐบาลไปไม่รอดแน่ แม้แต่คุณเฉลิมฯ เองก็พอจะรู้ได้ เพราะสังเกตออกจากภาพรวมการทำงานของตำรวจส่วนใหญ่ที่ลดความรุนแรงลงเรื่อยๆ คงทำแต่เรื่องที่พอทำได้เท่านั้น ปัจจุบันนี้ เมื่อไรที่ตำรวจทำรุนแรง จุดจบของรัฐบาลก็จะมาถึงทันที ส่วนคนที่รับผิดชอบติดคุก คือ ตำรวจ แต่นักการเมืองก็จะหนีหายไป เพราะสั่งอย่างเดียว คนทำผิดกฎหมายจึงอยู่ที่ข้าราชการทั้งหมด ภาพเหล่่านี้เริ่มชัดเจนพอที่จะทำให้ ผบ.ตร.ต้องคิดใหม่ทำใหม่ ส่วนคุณธาริตฯ นั้นไม่ต้องไปพูดถึง เพราะจวนเสียสติไปแล้ว จากคดีต่างๆ ที่จะมีติดตัวอยู่นับร้อยคดีแน่ๆ ในช่วงปลายของการมีชีวิตอยู่ ก็ต้องรอดูกันต่อไปครับ ว่าคู่หูคู่ใหม่ คือ คุณเฉลิมฯ และคุณธาริตฯ จะทำอะไรต่อไปอีก เพราะคิดอะไร ก็คิดได้ ทำอะไร ก็ทำได้ ทั้งนั้น แต่คนเซ็นชื่อรับโทษ คือ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว เขาจะยอมเซ็นให้หรือไม่ นอกจากนั้น เรื่องที่คิดจะทำกันนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ล้วนแต่เรียกแขกให้ กปปส.เสียมากกว่า ก็รีบทำกันเสียจะได้ไปกันเร็วๆ เข้า เรื่องทั้งหมดนี้ลึกลับซับซ้อนพอสมควรครับ แต่ก็ไม่ลับมากถ้าแอบมองดีๆ ครับ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น