วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

อ้างเป็นตร.ปส.เรียกเงินแลกไม่ดำเนินคดียาเสพติด ก่อนพาเมียผู้เสียหายไปข่มขืน เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 19 ก.พ.57



อ้างเป็นตร.ปส.เรียกเงินแลกไม่ดำเนินคดียาเสพติด ก่อนพาเมียผู้เสียหายไปข่มขืน (มีคลิป)
 
เมื่อเวลา 16.30 น.วันที่ 19 ก.พ. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.บุญสนอง เบ้าตุ่น พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังเข้าจับกุม นายธีรภพ หรือเปา ชวนะปัญญา อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61/29 หมู่ 9 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ นายโชติ ฉิมแป้น อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 19/5 ซอยพหลโยธิน 54/1 แยก 6-12 แขวงคลองถนน เขตสายไหม กทม.และนายสมัย หรือยาว โคตร์เพ็ชร อายุ 35 ปี อยู่เลขที่ 71 หมู่ 4 ต.โพนสา อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ตามหมายจับศาลจังหวัดมีนบุรี ที่ 65, 66 และ 68/2557 ลงวันที่ 30 ม.ค. ข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์ หน่วงเหนี่ยวกักขังหรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพ ร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าไถ่ ข่มขืนกระทำชำเราโดยขู่เข็ญใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้นั้นอยู่ในภาวะที่ไม่อาจขัดขืน

พร้อมกันนั้น ได้ตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย รถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ ไททัน สีเทาดำ ทะเบียน กค 3348 หนองบัวลำภู สิ่งเทียมอาวุธปืน ซองกระสุน ซองปืน มีดดาบ โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง รวมทั้งทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของผู้เสียหาย อาทิ เงินสด สร้อยคอทองคำ เครื่องประดับ พระเครื่อง อีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาทั้งหมด พร้อมพวกที่ยังหลบหนีอีก 2 คน รวม 5 คน

 ได้ร่วมกันบุกเข้าไปปล้นทรัพย์ นายหนุ่ย และ น.ส.อ้อ (ทั้งสองนามสมมติ) ซึ่งเป็นแฟนกัน ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในบ้านพักในพื้นที่ย่านสายไหม กทม.โดยผู้ต้องหาอ้างตัวเป็นตำรวจสังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด ขอเข้าตรวจค้นบ้านเพื่อหาสิ่งเสพติด ก่อนจะรุมทำร้ายร่างกายและใช้อาวุธปล้นเอาทรัพย์สินมีค่าต่างๆ ของผู้เสียหายทั้งสอง จากนั้นได้พาตัวขึ้นรถยนต์ของผู้เสียหายขับออกไปโดยระหว่างได้พูดจาข่มขู่เหยื่อว่าหากไม่ยินยอมหาเงินจำนวน 115,000 บาท มามอบให้จะยัดข้อหาครอบครองยาเสพติดและดำเนินคดี

ต่อมา ทางกลุ่มผู้ต้องหาได้พาผู้เสียหายทั้งสอง ไปกักขังไว้ที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านถนนศรีนครินทร์ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ 

แล้วข่มขู่ กระทั่งผู้เสียหายยินยอมติดต่อญาติให้โอนเงินมาให้กับกลุ่มผู้ต้องหาตามจำนวนดังกล่าว อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่รอการโอนเงินนั้น ผู้ต้องหาได้ฉุดตัว น.ส.อ้อ ไปข่มขืนกระทำชำเราในลักษณะรุมโทรม ที่ห้องพักย่อย จนสำเร็จความใคร่ เมื่อก่อเหตุและได้ทรัพย์สินจากเหยื่อแล้วจึงยอมปล่อยตัวผู้เสียหายไป จากนั้นทางผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.สายไหม แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงพากันเข้าแจ้งความที่ บก.ป.เพื่อให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายอีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ดี ภายหลังพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้ว จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับ 

ต่อมาชุดสืบสวน กก.1 บก.ป.สามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ไว้ได้ ส่วนอีก 2 ราย ยังอยู่ระหว่างหลบหนีการจับกุมซึ่งหนึ่งในนั้นพบว่าเป็นทหารเรือ แก๊งคนมีสีนอกรีต ร่วมกระทำความผิดด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เร่งสืบสวนขยายผลติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีแล้ว

สอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพ ทั้งนี้ ตามแนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่พบว่าผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมกันก่อเหตุกับเหยื่อมาแล้วหลายราย 

และทุกครั้งจะอ้างตัวเป็นตำรวจทั้งหน่วยปราบปรามยาเสพติด หรือแม้แต่กองปราบปราม เพื่อข่มขู่ผู้เสียหายก่อนจะปล้นทรัพย์สินไปซึ่งลงมือในพื้นที่ย่าน อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ย่านสายไหม กทม.และละแวกใกล้เคียงหากเหยื่อเป็นหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี ก็จะข่มขืนกระทำชำเราด้วย นอกจากนี้สำหรับนายธีรภพ และนายโชติ นั้น เพิ่งพ้นโทษจำคุกในคดีประทุษร้ายเจ้าทรัพย์ในพื้นที่ จ.นนทบุรี ก่อนจะกลับมาก่อเหตุซ้ำอีก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 มาแถลงข่าวนั้น นายหนุ่ย และ น.ส.อ้อ ผู้เสียหายได้เข้าชี้ตัว พร้อมกับด่าทอด้วยถ้อยคำที่รุนแรง และพยายามจะเข้าทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา แต่ทางเจ้หน้าที่สามารถกันตัวทั้งสองฝ่ายออกจากกัน ก่อนจะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.สายไหม รับไว้ดำเนินคดีต่อไป

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น