วันพฤหัสบดีที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ยิ่งใกล้วันที่ 2 มีนาฯ “แม้ว-ปู” ยิ่งดิ้นรนก่อนหมดสภาพทางกฎหมาย!! โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 26 กุมภาพันธ์ 2557 07:41 น.

ยิ่งใกล้วันที่ 2 มีนาฯ “แม้ว-ปู” ยิ่งดิ้นรนก่อนหมดสภาพทางกฎหมาย!!

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์26 กุมภาพันธ์ 2557 07:41 น.

ผ่าประเด็นร้อน
       
       สังเกตหรือไม่ว่าช่วงนี้เริ่มมีการเคลื่อนไหวของเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ออกมาพร้อมๆ กัน ไม่ว่าเป็นความพยายามใช้กำลังตำรวจนับหมื่นนายพร้อมอาวุธครบมือ “บดขยี้” สลายการชุมนุมบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ การใช้กองกำลังติดอาวุธลอบทำร้ายผู้ชุมนุม ซึ่งก็ได้ผลเหี้ยมโหดราวสัตว์นรก เพราะทำให้เด็กและผู้หญิงเสียชีวิต และบาดเจ็บกันเป็นเบือ และยังมีการมุ่งหมายชีวิตแกนนำผู้ชุมนุมแทบทุกเวทีมีให้เห็นทุกวัน รวมไปถึงเหิมเกริมหนักข้อด้วยการยิงถล่มศาลถึงสองครั้งห่างกันเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น
       
       ขณะเดียวกัน คนในรัฐบาลในระดับรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อย่างจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ก็ขึ้นเวทีปลุกระดมมวลชนเสื้อแดงให้จับอาวุธทำร้ายคนที่เห็นต่างหรือพวกที่ต่อต้านรัฐบาลทรราช ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และระบอบทักษิณ แบบรุนแรง ทำกันถึงขั้นข่มขู่แยกประเทศแยกแผ่นดินกันเลยทีเดียวและล่าสุด ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็แสดงอาการเหมือน “โผล่มาจากรู” ออกมายืนยันว่า “จะไม่ยอมลาออก”จากรักษาการนายกฯ อย่างเด็ดขาด
       
       ทุกการเคลื่อนไหวระดมโหมเข้ามาพร้อมกัน เป้าหมายเพื่อให้เกิดความกลัว บั่นทอนฝ่ายตรงข้าม แต่กลับกลายเป็นว่าผลออกมาในทางตรงกันข้าม เพราะยิ่งเพิ่มความเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น และชี้หน้าัไปทันทีว่าคนที่ก่อเหตุร้ายแรงแบบอุบาทว์ทั้งหลายล้วนเป็นฝีมือของเครือข่ายระบอบทักษิณทั้งสิ้น โดยมีกองกำลังติดอาวุธจากเขมรเข้ามาผสมโรงด้วย และที่สำคัญผลจากความเกลียดชังดังกล่าวยังผลกระทบต่อธุรกิจของ “ตระกูลชินวัตร” ที่กำลังกอบโกยมาเป็นเวลานาน เริ่มส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีการรณรงค์ต่อต้านไม่กินไม่ใช้กันทุกวัน
       
       ขณะเดียวกันก็มีท่าทีแข็งกร้าวจากสำนักงานศาลยุติธรรมว่าจะดำเนินคดีกับใครก็ตามที่ “ละเมิดอำนาจศาล” ด้วยวิธีการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะเป็นการส่งต่อข้อความทางโซเชียลฯ ดูหมิ่น การข่มขู่คุกคามที่กำลังเกิดขึ้น รวมไปถึงคนที่ลงมือใช้อาวุธสงครามถล่มที่ทำการศาลยุติธรรม โดยจะต้องสาวไปถึงคนที่จ้างวานด้วย แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบไปถึงเครือข่ายทักษิณโดยตรง เพราะรู้กันอยู่ว่าคนที่ไปวางพวงหรีดต่อต้านศาลนั้นล้วนเป็นคนเสื้อแดงทั้งสิ้น
       
       ล่าสุดก็มีการเปิดเผยว่ามีการส่งน้องเขยทักษิณ คือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นคนของ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นั่นแหละเข้ามา “หยั่งเชิง” เข้ามาเจรจากับหลวงปู่พุทธะอิสระที่เวทีแจ้งวัฒนะเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งตามข่าวบอกว่ายังไม่มีอะไรเป็นเรื่องเป็นราวและนัดหมายว่าจะกลับมาใหม่ในสัปดาห์หน้า
       
       นี่คือลักษณะอาการของคน “ดิ้นรน” ลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกต ทั้งโหมเร่งก่อเหตุรุนแรง ปลุกระดมมวลชนข่มขู่ รวมไปถึงการส่งคนเข้ามาเจรจา ทุกอย่างย่อมมีที่มาที่ไปแน่นอน
       
       อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบรอบตัวจึงได้เห็นคำตอบและสาเหตุว่าทำไมต้องมีการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าว เริ่มจากในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำหนดให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปรับทราบข้อหาทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และแม้ว่าตามขั้นตอนแล้วจะยังสามารถยื้อได้โดยอาจใช้วิธีขอเลื่อนนัดออกไปก่อน แต่ทุกอย่างย่อมมี “กรอบเวลา” กำหนดเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมากรรมการ ป.ป.ช.ที่ดูแลคดีอย่าง วิชา มหาคุณ ก็เคยระบุมาแล้วว่าภายในเดือนมีนาคมจะสามารถ “ชี้มูล” ได้แล้วว่ามีความผิดหรือไม่ ซึ่งก็คือแค่เดือนหน้าเท่านั้น
       
       นอกจากนี้ยังมีเรื่องใหญ่ใน “แง่มุมกฎหมาย” ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษก็คือ 
       
       นั่นคือในวันที่ 2 มีนาคม ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรีครบ 30 วัน และการเลือกตั้งก็ยังทำได้ไม่ครบทุกเขตเลือกตั้ง จึงไม่อาจเปิดสภาเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้ 
       
       ทำให้นักกฎหมายหลายคนฟันธงว่า หลังวันที่ 2 มีนาคมเป็นต้นไปเธอก็จะ “พ้นสภาพ” ไปอีกขั้น คำถามก็คือจะเกิดสภาพ “สุญญากาศ” หรือไม่ ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากกลไกในวุฒิสภาที่กลุ่มที่มาจากการเลือกตั้งจะต้องหมดวาระลงไปในวันที่ 1 มีนาคมและต้องมีการเลือกตั้งใหม่ ทำให้ในสภาเหลือเพียงแค่ “วุฒิสภาสรรหา” ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ใช่ขี้ข้าทักษิณ ชินวัตร ทำให้รองประธานวุฒิสภา คือ สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ขึ้นมารักษาการประธานวุฒิสภา อาจทำหน้าที่เป็นคนเสนอชื่อนายกฯคนใหม่ตามรัฐธรรมนูญ
       
       แม้ว่าในเรื่องหลังยังมีข้อถกเถียงกันทางกฎหมายว่าเป็นไปได้หรือไม่ แต่ก็แน่นอนว่าเมื่อเลยวันที่ 2 มีนาคมไปแล้วมันก็ยิ่งทำให้สถานะความชอบธรรมของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยิ่งติดลบลงไปอีก และสิ่งที่ทำได้ก็คือ “กำลังใจ” จากพวกเดียวกัน นั่นคือเวลานี้เธอมีกำหนดการไปกบดานที่เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นแหล่งปลอดภัยที่สุด มีกำหนดอยู่ที่นั่นตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ นั่นก็หมายความว่าจะไม่ยอมเดินทางไปรับทราบข้อหาทุจริตจาก ปปช.ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์อย่างแน่นอน
       
       ดังนั้นนับจากวันนี้เป็นต้นไป ในทางกฎหมายสำหรับ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เริ่มตีบตันลงไปเรื่อยๆ จน “ไม่มีที่ยืน” อย่างที่เธอโอดครวญเอาไว้จริงๆ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น