วันพฤหัสบดีที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

‘ปึ้ง’นกรู้ชิงอุ้ม‘ปู’ โยนเหลิมนำปราบ เมื่อ 20 ก.พ.57

‘ปึ้ง’นกรู้ชิงอุ้ม‘ปู’ โยนเหลิมนำปราบ


ศรส.แถไม่ได้ใช้อาวุธหรือกระสุนจริงสลายม็อบ ผอ.เหลิมซัดกลุ่ม กปปส.มีอาวุธสงครามจงใจให้เกิดความรุนแรง ยอมรับภาพถือปืนเอ็ม 16 ของจริง แต่เป็นยุทธวิธีเมื่อถอนกำลัง ขู่ "สุเทพ" จะถูกฆาตกรรม "ปึ้ง" ปัดนายกฯ ไม่เกี่ยว โยน "เหลิม" รับผิดชอบ สะพัด!ชุดควบคุมฝูงชนขออำนาจใช้อาวุธปืนทั้งแบบสั้น-ยาว และเอ็ม 79 "กำนัน" นำมวลชนบุกไล่ล่า "ปู" ถึงสำนักปลัด กห. เรียกร้องทหารยืนข้าง ปชช. เรื่องจะจบเร็ว เดินผ่าน ศรส.ท้า "เหลิม" ชกตัวต่อตัว ถ้าแพ้พร้อมมอบตัว
    ภายหลังศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) สลายผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ส่งผลมีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะ ผอ.ศรส. กล่าวเมื่อวันพุธถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ตนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ไม่คิดมาก่อนว่าม็อบของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.จะมีอาวุธสงคราม ชัดเจนว่าสิ่งที่ประกาศป่าวร้องชุมนุมสงบ สันติ และปราศจากอาวุธเป็นความเท็จ นายสุเทพนำม็อบมาเพื่อต้องการให้เกิดเหตุและความรุนแรง แต่เจ้าหน้าที่ระมัดระวัง จะเห็นว่าเอ็ม 79 นั้นหายาก รวมถึงอาวุธปืนชนิดอื่นๆ 
    "ตำรวจไม่ได้สลายม็อบ แค่จะเข้าไปจับผู้ที่มีหมายจับและเป็นที่ซ่องสุมอาวุธที่อยู่ข้างทำเนียบรัฐบาล ตำรวจไม่ได้ไปที่เวที กปปส.ปทุมวัน สวนลุมพินี และอโศกเพื่อสลายม็อบ นายสุเทพไม่มีความจำเป็นใดๆ เลยที่ต้องมา ที่มาเพราะต้องการหาเรื่อง เริ่มตั้งแต่กระทรวงมหาดไทยที่ใช้เอ็ม 16 ยิงตำรวจมาจากข้างในก่อน ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งพี่น้องประชาชนและเพื่อนตำรวจมือเปล่าที่เสียชีวิตเพราะระเบิด ตำรวจไม่มีจิตใจที่จะเข่นฆ่าประชาชน เมื่อเห็นมีเหตุการณ์ก็ถอย อยู่ในสภาพม็อบสลายตำรวจ"
    ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ที่มีคนเห็นตำรวจถือเอ็ม 16 นั้นถูกต้อง แต่เป็นยุทธวิธีการฝึก เมื่อตำรวจชุดปราบจลาจลมือเปล่าถอนกำลังกลับที่ตั้ง จะมีตำรวจอีกชุดหนึ่งถืออาวุธให้ม็อบมีความรู้สึกว่าอย่าตามเข้าไปทำร้าย ตำรวจมีเป็นหมื่นนาย ม็อบมีประมาณ 5 พันคน หากตำรวจเขาคิดชั่วชาวบ้านจะเหลืออะไร ยืนยันตำรวจไม่ได้ใช้กระสุนจริง หากใช้ตายเยอะแยะกว่านี้ มั่นใจว่ามีมือที่สาม เพราะตำรวจมือเปล่า ล้มคาโล่ เห็นแล้วเจ็บปวด 
    ผอ.ศรส.ยอมรับว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตำรวจเสียขวัญและกำลังใจ เพราะผู้บังคับบัญชาบังคับไม่ให้พกพาอาวุธและไม่ให้ทำร้ายประชาชน แต่เพราะนายสุเทพเป็นต้นเหตุ ส่วนกระแสข่าวตำรวจฝ่ายปฏิบัติไม่พอใจที่ไม่ให้ใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัวนั้น ได้รับรายงานแล้ว และถูกด่าทุกวันว่าใจเย็นเหลือเกิน แต่ข้อเรียกร้องที่ให้ใช้ปืนนั้นทำไม่ได้ เพราะมองประชาชนเป็นพี่น้องทั้งนั้น ส่วนการชุมนุมจะยืดเยื้อแค่ไหนไม่สามารถประเมินได้ แต่เชื่อว่านายสุเทพจะล้มรัฐบาลไม่สำเร็จ หากสำเร็จจะไปกราบตักนายสุเทพ ตนได้อ่านบทวิเคราะห์ของหนังสือพิมพ์แคนาดา ที่วิเคราะห์ว่าจุดจบของนายสุเทพจะถูกฆาตกรรม
ปัดนายกฯ ไม่เกี่ยว
    นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกรรมการ ศรส. แถลงว่า ศรส.ขอแสดงความเสียใจต่อตำรวจและประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ และขอประณามกลุ่มกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม แล้วใช้อาวุธสงครามร้ายแรง อันได้แก่ ระเบิดลูกเกลี้ยง ระเบิดเอ็ม 79 ปืนซุ่มยิงความเร็วสูง และปืนสั้นชนิดต่างๆ รวมทั้งแก๊สน้ำตาระดมยิงเข้าใส่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันว่าการปฏิบัติการของตำรวจชุดควบคุมฝูงชนปราศจากอาวุธ ซึ่งมีเพียงโล่ กระบอง และปืนยิงกระสุนยางเท่านั้น ปฏิบัติการภายใต้กรอบของกฎหมายอย่างเปิดเผย และเป็นขั้นตอน ไม่ได้ใช้อาวุธเข้าสลายการชุมนุม ส่วนภาพที่ปรากฏตำรวจถืออาวุธนั้น เป็นอาวุธปืนที่ใช้ยิงกระสุนยางเท่านั้น
    นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ ในฐานะประธานที่ปรึกษา ศรส. กล่าวถึงกรณีนายสุเทพระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งการให้เปิดพื้นที่สถานที่ราชการจนทำให้เกิดความสูญเสียว่า นายกฯ ไม่ได้สั่งการอะไรทั้งสิ้น ทุกครั้งที่ ศรส.ปฏิบัติการกำชับตลอดเวลาไม่ให้ใช้ความรุนแรง เหตุการณ์เมื่อ 18 ก.พ. ตำรวจใช้ความอดทนเต็มที่ ปฏิบัติตามหลักสากล ยืนยันนายกฯ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวหรือสั่งการ เพราะเมื่อมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินคนที่ดูแลรับผิดชอบคือ ผอ.ศรส.และหัวหน้าผู้รับผิดชอบ
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก สตช. แถลงว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. แสดงความเสียใจต่อตำรวจและประชาชนที่เสียชีวิตและบาดเจ็บ เหตุการณ์นี้ปรากฏภาพหลักฐานชัดเจนว่าได้มีการใช้อาวุธร้ายแรง จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.จรัมพร สุระมณี ที่ปรึกษา (สบ 10) ตรวจสอบพยานหลักฐาน และจัดทำแผนที่เหตุการณ์ เพื่อหาตัวผู้เริ่มก่อเหตุความรุนแรงดังกล่าว ทั้งนี้ ขอให้มีการเจรจากันทั้ง 2 ฝ่าย เนื่องจากไม่ว่าฝ่ายใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาล ตำรวจก็ต้องทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อย จากเหตุการณ์ที่เกิดการสูญเสีย ต้องมีการทบทวนยุทธวิธีให้รอบคอบมากขึ้น แต่ไม่จำเป็นต้องขอกำลังทหารเพิ่ม 
    พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. กล่าวว่า กรณีที่ด.ต.ธีรเดช เล็กภู่ ผบ.หมู่ ป.สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ใช้เท้าเตะระเบิด จนทำให้ขาทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ถือเป็นการกระทำที่กล้าหาญและเสียสละในการช่วยเหลือเพื่อนตำรวจ
    ขณะเดียวกัน ได้มีการแชร์แถลงการณ์ที่อ้างว่า เป็นชุดควบคุมฝูงชนของ สตช.ทั่วประเทศ ผ่านสังคมโซเชียลมีเดีย ระบุว่า ผู้ชุมนุมที่ใช้นามว่า กปปส.และเครือข่ายต่างๆ มีอาวุธปืนและอาวุธสงครามร้ายแรง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ในหลายครั้งที่ผ่านมา ตำรวจต้องเสียชีวิตและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก จึงขอเรียกร้อง ดังนี้ 1.การปฏิบัติหน้าที่คราวต่อไป ต้องมีการประกอบกำลังอาวุธเต็มรูปแบบ ทั้งอาวุธปืนพกส่วนตัวและอาวุธปืนยาวที่ใช้ประจำหน่วย ประกอบด้วย ลูกซองและเอ็ม 79 2.ไม่ควรมีการเจรจากับผู้ชุมนุมอีกต่อไป 3.ให้ ศรส.รับผิดชอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ต้องแถลงข่าวว่า ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่มีการสลายการชุมนุม เพราะคำพูดดังกล่าวเป็นการเอาตัวรอดของผู้มีอำนาจใน ศรส.เท่านั้น หากเกิดความรุนแรง ตำรวจผู้ปฏิบัติก็จะต้องรับผิดชอบทางอาญาตามลำพัง 4.ตำรวจทั้งประเทศเหนื่อยมามากแล้ว ในการปฏิบัติหน้าที่ต่ออายุของรัฐบาลนี้ให้ใช้หน่วยงานอื่นบ้าง มิใช่ว่าเมื่อตำรวจมาเผชิญหน้ากับผู้ชุมนุม แต่กลับมีหน่วยงานที่ถืออาวุธอยู่ในฝั่งผู้ชุมนุม
สรุปตาย 5 ศพเจ็บ 68
    ศูนย์เอราวัณรายงานว่า จากการเข้าขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. มีรายงานผู้บาดเจ็บจากการปะทะ 68 คน เสียชีวิต 5 คน รวมเป็น 73 คน ในจำนวนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ 27 นาย ทหาร 1 นาย ที่เหลือเป็นพลเรือน 45 ราย สำหรับผู้เสียชีวิต 5 รายคือ 1. นายสุพจน์ บุญรุ่ง อายุ 52 ปี มีบาดแผลที่ศีรษะ และ 2.ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร บาดแผลที่หน้าอก 3.นายธนูศักดิ์ รัตนคช มีบาดแผลที่หน้าอกซ้าย 4.นายศรัทธา แซ่ด่าน มีบาดแผลใต้ราวนม และ 5.นายจีรพงษ์ ฉุยฉาย 29 ปี ถูกยิงบริเวณคอ 
    เช้าวันเดียวกัน ที่แยกราชประสงค์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นำผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.ทุกเวทีเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวจำนวนมากไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.กห.) เมืองทองธานี  เมื่อมาถึงขบวนรถแกนนำได้เคลื่อนมาจอดยังหน้า สป.กห. และปราศรัยโจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และ รมว.กลาโหม พร้อมย้ำว่าหากรู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปอยู่ที่ใด ก็จะติดตามไปทุกที่ ไม่เว้นแม้กระทั่ง จ.เชียงใหม่
     ขณะที่มวลชนทยอยเดินทางมาสมทบและปักหลักล้อม สป.กห.ทุกด้าน โดยบริเวณรอบๆ อาคาร เจ้าหน้าที่ทหารได้นำลวดหนามมาล้อมหลายชั้นเพื่อป้องกันมวลบุกเข้าไปภายใน โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร 3 กองร้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจ 8 กองร้อย พร้อมเพิ่มเครื่องบินสอดแนมไร้คนขับ (ยูเอวี) 1 ฝูง จำนวน 4 ลำ ส่วนออฟฟิศสำนักงานโดยรอบสั่งปิดตัวอาคาร และให้พนักงานบางส่วนหยุดทำงาน นอกจากนี้พบว่ามีการโรยตะปูเรือใบที่ถนนแจ้งวัฒนะด้านหน้าเมืองทองธานี ตั้งแต่ช่วงกลางดึกเมื่อคืนที่ผ่านมา 
      ต่อมาเวลา 12.00 น. นายสุเทพพร้อมด้วยแกนนำ   ประกอบด้วย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์, นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์, ร.ต.แซมดิน เลิศบุศย์ และนายชุมพล จุลใส เข้าเจรจากับ พล.อ.อภิชาต แสงรุ่งเรือง ผอ.ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (ศอพท.) และ พล.ท.อดุลยเดช อินทะพงษ์ เจ้ากรมการเงินกลาโหม 
ไล่ล่า "ปู" บีบทหารช่วย
    โดยนายสุเทพกล่าวว่า ที่มาในวันนี้มีเหตุจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ว่ามวลมหาประชาชนได้ประกาศชัดเจนว่าจะต้องขจัดระบอบทักษิณให้หมดไปจากประเทศไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นชิ้นส่วนสุดท้ายของระบอบทักษิณที่อยู่ในประเทศนี้ ต้องออกไป เหตุผลคือระบอบทักษิณเป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งคนไทยรับไม่ได้อยู่แล้ว รวมถึงเรื่องที่รัฐบาลใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม เป็นรัฐตำรวจ ตำรวจทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง เป็นศาลเตี้ยจะดำเนินการกับใครอย่างไรก็ได้ รวมถึงการฆ่าทหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม ที่กลางถนน ในวันที่ 10 เม.ย.53 ซึ่งตนเองลืมไม่ได้ เช่นเดียวกันเหตุการณ์ที่สะพานผ่านฟ้าฯ ประชาชนนั่งสวดมนต์ แต่เจ้าหน้าที่ยิงประชาชน ตีประชาชนที่กำลังสวดมนต์ ซึ่งรับไม่ได้ 
    นายสุเทพกล่าวอีกว่า เรื่องที่น่ากลัวที่สุดคือการทุจริตคอร์รัปชันโครงการรับจำนำข้าว มีทุจริต 7-8 แสนล้านบาท ขาดทุนแน่นอนอยู่ที่ 4-5 แสนล้านบาท แถมชาวนาไม่ได้รับเงินค่าข้าวจนเดือดร้อนกันไปหมด ขอฝากถึง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ปลัดกระทรวงกลาโหม ด้วยว่าไม่ต้องการให้รัฐบาลใช้สถานที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมในการทำงานอีกต่อไป ไม่ว่าจะในฐานะใดก็ตาม ถ้า น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมาทำงานที่นี่ ประชาชนก็จะมาล้อมทุกวัน และอาจจะต้องอยู่ 24 ชั่วโมง มีการย้ายเวทีมาอยู่ที่นี่ เพราะต้องการให้ออกไป และถ้าทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มาทำงานที่นี่อีกเมื่อไร  เราจะขออนุญาตเข้าพื้นที่ จะต้องจบโดยเร็วที่สุด        
    นายสุเทพกล่าวด้วยว่า ขอขอบคุณทหารทุกระดับในการปฏิบัติต่อผู้ชุมนุม รวมถึงการวางตัวของทหารทั้ง 3 เหล่าทัพ ซึ่งเป็นที่พอใจ แต่สิ่งที่ต้องเรียกร้องคือ เมื่อเห็นประชาชนออกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าพวกทหารตัดสินใจยืนข้างประชาชนเมื่อไร เรื่องก็จบ ถ้าปล่อยเรื้อรังอยู่อย่างนี้ก็ยังคงเป็นปัญหาต่อไป
    ขณะที่ พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า ทหารเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และประชาชน ส่งที่เราดูแลตามหน้าที่คือดูแลตึก สป.กห. แต่บังเอิญตึกนี้มีห้องทำงานของ รมว.กลาโหม ดังนั้นการเข้ามาใน สป.กห. ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถือว่าเป็นการทำงานตามปกติ ในฐานะผู้บังคับบัญชาของทหาร ขอยืนยันว่าถ้านายกฯ อยู่ ก็จะบอกว่าอยู่ ถ้าจะมาจับตัว ขอกันเลยว่า เข้ามาไม่ได้ ทหารสั่งให้ไปตายก็ตายได้ตามหน้าที่ 
      ก่อนที่นายสุเทพจะเดินออกจากห้องได้มีข้าราชการทหารใน สป.กห. มอบเงินใส่ซองสีน้ำตาลให้กับนายสุเทพ พร้อมกับบอกว่า "ขอมอบเงินสมทบช่วยชาวนาด้วย"
    จากนั้นนายสุเทพขึ้นรถติดตั้งเครื่องขยายเสียง ปราศรัยชี้แจงกับผู้ชุมนุมถึงผลการเจรจาดังกล่าว 
โถ! "ปู" เสียใจมีคนตาย
    สำหรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้เดินทางมาปฏิบัติภารกิจที่ สป.กห. เนื่องจากกลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมาชุมนุมปิดล้อมขับไล่ โดยได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ขณะที่คนใกล้ชิดเผยว่า จากเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ จนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ นายกฯ รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ ทำให้ตัดสินใจไม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ยัง สป.กห. เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุกระทบกระทั่ง และสั่งการเร่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่และประชาชนที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ และช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกฯ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจ 
    ต่อมาขบวนของนายสุเทพได้เคลื่อนมาถึงเวทีการชุมนุม กปปส.ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ เมื่อเวลา 14.40 น. จากนั้นนายสุเทพได้ขึ้นเวทีพร้อมหลวงปู่พุทธะอิสระกล่าวปราศรัยว่า อยากมากราบนมัสการหลวงปู่พุทธะอิสระ และอยากมาเวทีนี้อยู่ทุกวัน แต่ติดที่ตนมีข้อหากบฏ อาจทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมกลางทาง จึงได้แต่กราบผ่านทีวี นับจากนี้ตนจะรับคำแนะนำหลวงปู่พุทธะอิสระในการโค่นล้มธุรกิจตระกูลชินวัตร พร้อมกันนี้ตนขอให้พี่น้องมีกำลังใจในการต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไล่รัฐบาลล้มธุรกิจตระกูลชินวัตร 
    ที่สโมสรตำรวจ ถ.วิภาวดี เวลา15.00 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ในฐานะ ผอ.ศรส. เดินจากห้องทำงานไปตรวจเยี่ยมกำลังพลที่มาดูแลความสงบภายในสโมสรหลังจากที่นายสุเทพประกาศจะนำมวลชนมาปิดล้อมทางเข้า-ออก และขึ้นปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงกับกำลังพลว่า สถานที่แห่งนี้คือสถานที่ราชการ เป็นทรัพย์สมบัติแผ่นดิน ไม่ใช่สถานที่ที่ใครจะไปจะมาก็ได้ ใครทำความผิดบุกรุกสถานที่ราชการถือเป็นความผิดซึ่งหน้า
    “หากใครบุกรุก จับแม่งมันเลย เราไม่กลัวม็อบที่มีอาวุธสงคราม แต่เกรงว่าพี่น้องสุจริตชนที่ถูกนายสุเทพ หลอกลวงมาจะได้รับอันตรายมากกว่า ขอเตือนด้วยความหวังดี แน่จริงให้นายสุเทพเข้ามาคนเดียว จะให้กองร้อยน้ำหวานเข้าไปจับคนเดียวเหมือนกัน” หลังจากกล่าวจบ ร.ต.อ.เฉลิมได้เดินกลับและแวะเยี่ยมกำลังพลครู่หนึ่ง ก่อนกลับเข้าห้องทำงานในตึก บช.ปส.ทันที
    หลังจากนั้นไม่ถึง 5 นาที ขบวนของนายสุเทพก็เดินทางมาถึง โดยแกนนำได้สลับกันขึ้นปราศรัยโจมตีการทำหน้าที่ของ ศรส. ขณะที่นายสุเทพปราศรัยว่า รัฐบาลหมดความชอบ จึงไม่ชอบธรรม และเพื่อให้ตำรวจทราบว่าประชาชนไม่ต้องการระบอบทักษิณ ขอให้ตำรวจตรึกตรอง เราทำเพื่อลูกหลาน จะได้ตอบลูกหลานได้ว่าไม่ได้รับใช้ทรราช 
    “เหลิม นายกับเรามาชกกันตัวต่อตัวหน้าตำรวจนี้  ถ้าแพ้กูมอบตัว ถ้ากูน็อกมึง มึงมาคลานตามกู ว่าไงเหลิม มาพบกับกำนันแก่ๆ อย่างกูมั้ยเหลิม” นายสุเทพ กล่าว
    เวลา 19.50 น. ศูนย์เอราวัณรายงานเกิดเหตุรถกปปส.ถูกยิงบนทางด่วนโทลล์เวย์ใกล้ทางลงลาดพร้าว เมื่อเวลาประมาณ 18.50 น. มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน เป็นชายอายุ 40 ปี มีบาดแผลต้นขาซ้าย และชายอายุ 24 ปี มีบาดแผลต้นขาขวา นำส่งโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น