ปชป. ลั่นจัดม็อบโต้รุ่ง!! ต้านนิรโทษฯ ย้ำต้องบอกความจริงปชช.ให้มากที่สุดก่อนสภาเปิด
ปชป. ลั่นจัดชุมนุมปราศรัยกันตั้งแต่หัวค่ำยังสว่าง เพื่อต้องการให้ข้อมูลกับปชช.ทุกกลุ่มให้มากที่สุด ก่อนประชุมสภาจะเริ่ม
วันนี้ ( 6 สิงหาคม ) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส. กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับสำนักข่าวทีนิวส์ โดยเปิดเผยว่า พรรคได้จัดชุมนุมคัดค้านร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมที่บริเวณแยกอุรุพงษ์จนถึงพรุ่งนี้เช้า ก่อนจะเข้าทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่างเต็มที่ ซึ่งเรียกว่าเป็นม็อบโต้รุ่ง โดยมีการปราศรัยกันตั้งแต่หัวค่ำยังสว่าง แนวความคิดนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องการสื่อข้อมูลให้กับประชาชนได้รับทราบมากที่สุด เพราะรัฐบาลได้ประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดสดในสภา
สำราญ : ก็ต้องถามกันตรงๆ นะครับ ประชาธิปัตย์บอกว่าจะจัดม็อบโต้รุ่ง ปราศรัยกันตั้งแต่หัวค่ำยังสว่าง แนวความคิดนี้เราต้องการอะไร
องอาจ : ก็ตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึงเช้าสว่าง ก็คงต้องการที่จะใช้เวลาในการที่จะให้ข้อมูลกับปชช.ให้มากที่สุด เพราะว่าทางสภาเขาไม่ยอมให้มีการถ่ายทอดสดที่เราจะอภิปรายกันในสภา อันที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ สภาควรจะจัดให้มีการถ่ายทอดสด และควรจะมีความจริงใจว่า กฎหมายนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องอำพรางช่วยเหลือใครต่อใคร เปิดอภิปรายในสภา มีการถ่ายทอดสด แต่ปรากฏว่ารัฐบาลก็ได้ออกมาพูดอย่างชัดเจนว่า ไม่อนุญาตให้มีการถ่ายทอดสด รัฐบาลมองว่าเป็นเรื่องกฎหมายธรรมดาไม่มีอะไร เพราะฉะนั้นเราคิดว่าก่อนจะถึงวันที่ 7 ส.ค. ให้พี่น้องปชช.ได้รับทราบข้อมูลเท่าที่เราจะทำได้ ก็จะเปิดการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียมทีวีบลูสกาย ทางทีนิวส์ทีวี แล้วก็ทุกๆ ช่องทางเท่าที่เราสามารถจะทำได้
สำราญ : ก็ตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงสว่างเลย แล้วตกลงว่าทางวิปรัฐบาลเขาชัดเจนแล้ว ว่าให้มีการถ่ายทอดสดทางช่อง 11 ทางไหน
องอาจ : คือผมได้เรียกร้องไปเมื่อวันอาทิตย์ ผมก็ออกมาแถลงข่าว ถ้ารัฐบาลมีความเชื่อมั่นว่า กฎหมายนี้เป็นเรื่องที่ดีต่อประเทศชาติ ต่อการปรองดอง รัฐบาลก็ควรจะเปิดโอกาสให้ทุกคนได้รับฟังด้วย ว่ามันจะนำไปสู่ความปรองดองอย่างไร มันจะช่วยใคร หรือไม่ช่วยใคร ยังไงอะไรต่างๆ เพราะว่าหลังจากวันอาทิตย์มาแล้ว รัฐบาลเขาก็ออกมาประกาศยืนยันที่ผมเรียกร้องให้ มีการถ่ายทอดสด แต่เขาไม่พร้อมที่จะปฏิบัติ เขาก็จะให้ฟังทางวิทยุรัฐสภาเป็นหลัก
สำราญ : อาจจะมีคนตั้งคำถามสวนกลับมาก็ได้ เราก็เปิดเวทีผ่าความจริงมากว่า 60 เวทีแล้ว ข้อมูลยังไม่เพียงพออีกหรือครับ ทำไมต้องโต้รุ่งด้วย
องอาจ : ผมคิดว่าข้อมูลคนฟังก็มีหลายกลุ่มนะครับ ผมคิดว่าเราก็พยายามที่จะให้ข้อมูลเข้าไปถึงคนทุกๆ กลุ่ม ให้ได้มากที่สุดก่อนวันสำคัญนั่นก็คือวันที่ 7 สิงหาคม
สำราญ : แล้วรูปแบบการปราศรัยคืนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง คืนนี้จะมีดนตรีสลับไหม หรือว่าจะมีบันเทิงสันทนาการกัน หรือมีอะไรที่ surprise กัน
องอาจ : ก็มีสลับกัน มีดนตรีบ้าง มีการปราศรัย แล้วก็มีการแสดงอื่นๆ มาสลับบ้าง เพราะว่าทั้งคืนถ้าเกิดปราศรัยอย่างเดียวก็มีความเหน็ดเหนื่อยพอสมควร โดยเฉพาะคนฟังนะครับ ส่วนคนพูดยังไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะเราสลับสับเปลี่ยนคนพูด และมาฟังทั้งที่เวทีปราศรัยเอง หรือว่าทั้งที่อยู่หน้าจอทีวี เราก็คงจะต้องสลับสับเปลี่ยนให้มันสามารถติดตามได้ตลอด
สำราญ : คุณองอาจคิดว่า ส.ส.คืนนี้ จะไปกันเยอะไหม หรือจะไปกันยกพรรคเลยหรือเปล่า
องอาจ : ก็ไปกันมากที่สุดครับ อาจจะมีบางส่วนที่เขาต้องเตรียมตัวที่จะปราศรัยในทันทีที่สภาเปิด
สำราญ : อภิปรายวันพรุ่งนี้
องอาจ : ใช่ครับ ก็อาจจะต้องให้เขานอนพักผ่อนก่อน ส่วนพวกที่ได้รับมอบหมายให้อภิปรายในสภาตอนหัวค่ำ คืนนี้ก็อาจจะต้องไปอยู่กับเราและก็พอตอนกลางวันก็อาจจะไปนอน พอตอนกลางคืนก็อาจจะต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ในสภา แล้วก็ในสภาเราพยายามอภิปรายกันให้ได้มากที่สุด ต้องยกมืออภิปรายในเรื่องนี้ เพราะเราถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญของบ้านเมืองในขณะนี้นะครับ อย่างที่คุณสำราญทราบดี รัฐบาลก็บริหารงานไปตามปกติ แก้ไขปัญหาปชช.ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง รัฐบาลก็สามารถทำงานได้ แต่พอมีเรื่องนี้ขึ้นมา รัฐบาลจะมาบอกว่า ทำให้เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีความสำคัญ นายกฯรีบออกมาบอกละล่ำละลักว่า กำลังหาทางออกให้กับประเทศไทยนะ ต้องมีการปฏิรูปอะไรต่างๆ ก็เพื่อที่จะมากลบเกลื่อนเรื่องนี้ ให้น้ำหนักของผู้ที่คัดค้าน ไม่ว่าคนที่คัดค้านอยู่ที่สวนลุมพินี หรือการคัดค้านของพรรคปชป.มันมีน้ำหนัก ก็พยายามหาเรื่องอื่นมากลบ
ตอนนี้เราก็เห็นข่าวกันอยู่ทุกวัน คุณพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ และ คุณวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 2 คนนี้ก็เที่ยวเดินข่าวทุกวัน จนกว่าจะถึงวันที่ 10 เพราะเขาบอกว่าถึงวันที่ 12 เขาจะนัดประชุมกัน ผมคิดว่าพอจากนี้ไปถึงวันที่ 10 เขาก็จะยกเลิกประกาศพ.ร.บ.ตามที่เขาได้ประกาศไว้ วันที่ 12 ก็เป็นเรื่องการปฏิรูปประเทศไทยทางออกของการเมือง คิดว่าพยายามที่จะเคลื่อนไหวของการคัดค้านพ.ร.บ.นิรโทษกรรม
สำราญ : ทีนี้การจัดโต้รุ่งอย่างนี้ ถ้ามองในเชิงกายภาพก็จะถูกมองว่านี่เป็นการเปลี่ยนยกระดับการต่อสู้ แล้วหลายคนก็อาจจะสงสัยว่า พอถึง 6 โมงเช้า 7 โมงเช้า คนที่มาชุมนุมมาฟังม็อบโต้รุ่ง ฟังการปราศรัยการโต้รุ่ง จะเคลื่อนไปที่หน้าสภาหรือไม่ เรื่องนี้ปชป.คิดยังไงครับ
องอาจ : ขณะนี้เรายังไม่มีความคิดอะไร รัฐบาลเขาก็ประกาศหน้าสภาว่าห้ามไปชุมนุม เขาก็มีตร.หลายพันหลายหมื่นคน ที่จะเข้ามาสกัดกั้นปชช.ไม่ให้เข้าไปหน้าสภาอยู่แล้ว ในขณะนี้เราก็ยังไม่ได้มีความคิดอะไรในเรื่องนั้นอยู่ ส่วนเรื่องสถานการณ์ทางการเมือง บางทีมันก็ไปบอกล่วงหน้าไม่ได้ ไม่รู้ว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น
สำราญ : เอาเป็นว่าในชั้นนี้ ไม่ได้มีเป้าประสงค์ที่จะนำกำลังบุกไปยังรัฐสภา ไม่มีความคิดนี้
องอาจ : ไม่มีครับ คือเราปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้วครับ เราดำเนินการเคลื่อนไหวชุมนุมภายใต้กรอบของกฎหมาย ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญอย่างที่ชุมนุมโดยสงบสันติ ปราศจากอาวุธ รัฐบาลอาจจะเล่นโดยไม่ซื่้อ โดยวิธีการที่ไม่ชอบธรรม อันนี้เราก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลกำลังคิดอะไร ทำอะไรอยู่
สำราญ : แต่ถ้ากลุ่มอื่น กลุ่มปชช.เขาจะรวมตัวกัน หรือมาจากสวนลุมฯ จะไปสภาก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป
องอาจ : มันอยู่ที่การตัดสินใจของเขา เราไม่ได้เข้าไปร่วมประชุมปรึกษาหารือด้วย ส่วนภาคปชช.ก็อาจจะมีความคิด มีความพร้อม ว่าจะแก้ไขอย่างไร และก็เห็นว่าวิธีการไหนที่มันนำไปสู่จุดมุ่งหมายของเขาได้ นำไปสู่เป้าหมายวางไว้ได้เขาก็อาจจะดำเนินการ แต่เขาจะดำเนินการอย่างไร เราก็ไม่สามารถที่จะไปรับรู้ได้ขณะนี้
สำราญ : แต่ว่าเวทีนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะฝึก และนำกำลังพลไปที่สภา ไม่มีเป้าหมายเช่นนั้น
องอาจ : ไม่มีเป้าหมายอะไรเช่นนั้นครับ
สำราญ : ก็เป็นการปลุกให้ข้อมูลกันเป็นวาระพิเศษ คุณองอาจประเมินการประชุมในวันพรุ่งนี้เป็นอย่างไรบ้าง
องอาจ : ก็คงเป็นไปด้วยความยากลำบากครับ รัฐบาลก็คงไม่อยากให้เรานำเสนอข้อมูลอะไรโดยเฉพาะข้อเท็จจริง ที่จะต้องพูดจากันโดยเฉพาะ เราคงจะต้องชี้ให้เห็นว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมันไม่ควรจะเกิดขึ้นเพราะอะไรอย่างไร ใครไม่ควรได้รับการนิรโทษกรรม แล้วสิ่งที่คุณกำลังนิรโทษกรรมมันเป็นไปไม่ได้อย่างไร หรืออย่างเช่น คุณบอกว่าเหตุจูงใจทางการเมือง อะไรคือเหตุจูงใจทางการเมือง ใครที่ทำความผิดในขณะนั้น มันมีรายละเอียดในเชิงวิชาการด้วยนะครับ ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องที่เรามาพูดกันลอยๆ ซึ่งเมื่อคืนนี้ก็ได้พูดกันใต้ทางด่วนอุรุพงษ์ตัดใหม่ ได้ความรู้ด้วย เพราะเป็นประเด็นที่ไม่ค่อยมีการหยิบยกมาพูดกัน ใครลองเข้าไปเปิดดูในเว็บของพรรคปชป. ก็จะเห็นข้อมูลในทางวิชาการซึ่งผมถือว่าเป็นประโยชน์มาก และข้อมูลตรงนี้จะชี้ให้เห็นว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมมันยังไม่ไปถึงจุดมุ่งหมายที่ทางรัฐบาลหรือคนของรัฐบาลได้วางเอาไว้อย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมันจะมีปัญหาอุปสรรคไม่สามารถเดินไปตรงนั้นได้ และถ้าเผื่อว่ารัฐบาลใจกว้างและรับฟังข้อมูลที่ไม่เหมือนกับของตัวเองบ้าง รัฐบาลก็คงมองเห็นว่า ถ้ายังเดินหน้าต่อไป นอกจากมันจะเป็นปัญหาที่บานปลายแล้ว มันยังไปขัดกับอะไรเยอะแยะไปหมด
สำราญ : สมมุตินะครับ คุณองอาจคิดว่าโอกาสที่เขาจะถอนร่างออกมา หรือจะยอมเลื่อนออกไปแบบ surprise กันสุดๆ มีสักประมาณกี่เปอร์เซ็นต์
องอาจ : ผมคิดว่าไม่มีครับ ถ้าไม่มีแรงกดดันมากพอ จะเป็นคุณทักษิณ หรือคุณยิ่งลักษณ์ก็ไม่ต่างกัน จะเห็นได้ว่า สมัยตอนที่คุณทักษิณยังเป็นนายกฯอยู่ เชิญประชุมพรรคการเมืองให้มาพูดคุยกันคล้ายๆ อย่างนี้ จำได้ไหมครับเมื่อตอนปี 2549 ทำเป็นประชุมไปอย่างนั้น ผมจำได้พวกผมนั่งรอกันอยู่ ตามที่นัดหมายไว้ว่าจะมาที่อาคารรัฐสภา 1 คุณทักษิณไปประชุมกับพรรคการเมืองที่ไม่มีส.ส. อะไรอย่างนี้เป็นต้น แล้วก็ชิงแถลงข่าวกันว่ามีคนมาปรึกษาหารือกันแล้ว แต่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไม่มีแรงกดดันจริงๆ ถ้าพี่น้องปชช.ไม่ออกมาแสดงให้เห็นถึงพลังของปชช.ว่าไม่เห็นด้วย คุณทักษิณเขาก็เดินหน้าลุยต่อไป เราก็คงไม่สามารถไปทัดทานอะไรเขาได้ ก็อยู่ที่กำลังปชช.
สำราญ : สภาปฏิรูปปรองดองที่นายกฯปูออกมาขายไอเดีย ก็รู้อยู่ว่าเป็นแนวคิดของคุณทักษิณ อันนั้นมันเป็นแต่เรื่องลับลวงพรางเฉยๆ หรือเป็นยุทธศาสตร์จริงๆ
องอาจ : มันจะเป็นยุทธศาสตร์จริงๆ ได้ไง ก็คุณอยู่มาถึง 2 ปี คุณไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เลย คุณเป็นรัฐบาลมีอำนาจรัฐอยู่ มีโอกาสทำได้มาก แต่ไม่เคยทำเลย แต่อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อพวกคุณ คุณก็เอา พอเขาพูดว่ามีชายชุดดำ รัฐบาลไม่เห็นด้วย คุณก็ไม่ไปดำเนินการตรงนั้นต่อ และวันดีคืนดีพอมาถึงจุดที่บ้านเมืองเขาต้องเผชิญหน้ากัน คุณก็พยายามมาลดความชอบธรรมของคนที่มาเผชิญหน้ากัน โดยการบอกว่า เรามาหาทางออกให้กับประเทศกันเถอะ เรามาจับมือกันนะ ก็เหมือนกับรัฐบาลมาเจรจากับบีอาร์เอ็นตอนนี้ ขณะที่คุณเปิดการเจรจา คุณก็ยิงไป คุณก็ฆ่าไป ขณะนี้คุณพยายามเอากฎหมายซึ่งอีกฝ่ายไม่เห็นด้วยเอาขึ้นมา แล้วทำไมเราไม่มานั่งคุยกัน ถ้ารัฐบาลต้องการแบบนั้นจริงๆ คุณบอกมาสิว่า ปชช.คนที่ไมใช่แกนนำ คนที่ควรจะได้รับการนิรโทษกรรม คุณบอกมาว่ามีกี่คน ซึ่งตอนนี้มันไม่มีแล้ว ได้รับการประกันตัวหมดแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคดีลหุโทษเล็กๆ น้อยๆ แต่คดีใหญ่ๆ ยิงวัดพระแก้ว เผาบ้านเผาเมืองทั้งหลาย คุณก็จะเหมารวมไปด้วย
สำราญ : สุดท้ายกฎหมายนิรโทษกรรม ก็คงจะเป็นแบบเดียวกับกฎหมายปรองดอง ทุกคนก็จะมาแปรญัตติ มันจะเป็นแบบเดิมหรือเปล่า
องอาจ : ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นไปได้ สมมุติว่าฉบับนี้ผ่าน เขาก็จะดันฉบับสุดซอยเข้ามา คนที่ศาลตัดสินแล้วว่าทำผิด คุณไปเผาศาลากลางจริงๆ ไปยิง ไปฆ่า ใช้อาวุธสงคราม คุณไม่ได้ชุมนุมโดยสงบ คุณกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา เหล่านี้ติดคุกกัน 20-30 ปี เพราะฉะนั้นพวกนี้ก็อยากจะเอาออกมาด้วย แต่เราไม่เห็นด้วย วัฏจักรมันจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ถ้าตรงนี้มันสามารถทำได้ และมันก็ผิดหลักนิติรัฐ นิติธรรมซึ่งมันไม่ควรจะเกิดขึ้น
สำราญ : เปิดเวทีกี่โมงวันนี้
องอาจ : ก็ประมาณเวลา 16.30 น. เราจัดชุมนุมตรงแยกโคลีเซียมตรงอุรุพงษ์ตัดใหม่มีพื้นที่ว่างใต้ทางด่วน ถ้าเราลงใต้ทางด่วนมาเราก็จะเห็นเวทีเลย เวทีมันจะเป็นลานกีฬาในปัจจุบัน ทางด่วนเขามาเทปูนซีเมนต์จุคนได้เป็นหมื่น เขาเรียกว่าอุรุพงษ์ตัดใหม่ แต่ถ้าเกิดคุณมาจากทางเพชรบุรี ถ้าเลี้ยวซ้ายก็ไปขึ้นทางด่วนยมราช แต่ถ้าเลี้ยวขวาก็ไปขึ้นทางด่วนเพชรบุรี แต่ว่าที่จอดรถก็อาจจะไม่ค่อยมีเท่านั้นเอง แต่ทางที่ดีนั่งรถเมล์ รถแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์ดีกว่า ตอนนี้รถติดมาก แต่ไม่ได้ติดเพราะการชุมนุม เพราะเขาชุมนุมกันเป็นสัดส่วน ที่รถติดขนาดนี้ เป็นเพราะตร.ไปปิดเส้นทางการจราจร 12 เส้นทาง ไม่มีใครไปชุมนุมตรงนั้นเลย ทางที่ดีเปิดให้รถผ่านไปผ่านมาอย่าไปปิดเลยดีกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น