ปูด‘แม้ว’หลุดก่อการร้าย ‘สนธิลิ้มฯ’โดน112คุก2ปี!
"ถาวร” ปูดอัยการเมินฟ้องคดีก่อการร้าย ทักษิณอ้างที่ผ่านมาดำเนินการไม่เป็นธรรม ด้าน “อรรถพล” ปัดยังไม่ทราบเรื่อง "วิภูแถลง" รับภรรยาชื่อ "ไก่" แต่ปัดอมเงิน 100 ล้าน โบ้ยถูกใส่ร้ายจากพวกอิจฉาตาร้อน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับสั่งจำคุก "สนธิ ลิ้มทองกุล" 3 ปี ก่อนลดเหลือ 2 ปี ระบุนำคำพูด "ดา ตอร์ปิโด" มาปราศรัยถือว่าหมิ่นสถาบันซ้ำ เจ้าตัวยันเจตนาปกป้องสถาบัน ลั่นสู้ถึงฎีกา
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยเมื่อวันอังคารว่า ได้รับข้อมูลจากวงในสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าทางอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้าย โดยอ้างว่ามีการร้องขอให้ทบทวนการใช้ดุลยพินิจของอัยการในช่วงปี 2552-2553 ว่าดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการหยิบยกพิจารณาใหม่อีกครั้ง แล้วเห็นว่าคำร้องดังกล่าวฟังได้ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องไปในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
"ผมก็ได้รวบรวมหลักฐานว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่ที่ออกมาเปิดเผยขณะนี้ เพราะอยากให้ประชาชนรับรู้ว่าระบอบทักษิณกำลังจะฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง เพราะหากเป็นเรื่องจริง จะส่งผลให้ไม่มีชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในคดีก่อการร้ายอีกต่อไป และจะเหลือแต่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น" นายถาวรกล่าว
นายถาวรกล่าวอีกว่า แม้อัยการซึ่งเป็นทนายแผ่นดินจะไม่ดำเนินการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ก่อขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับหลายบุคคล ทั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย ตนคิดว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถเป็นโจทย์ฟ้องร้องเองได้โดยไม่ต้องพึ่งอัยการอีกต่อไป
ด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด กล่าวปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และหากมีข่าวดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้ตนทราบอีกครั้ง
สำหรับกรณีที่มีการโพสต์คลิปเสียงแนวร่วมเสื้อแดงผ่านเว็บไซต์ยูทูบ ระบุว่า “อีไก่เมียวิภูแถลงเผยเงิน 100 ล้านบาทจ่ายผ่านบัญชีผัว" นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกพาดพิงว่าได้รับการโอนเงิน 100 ล้านบาทจากนายใหญ่ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อให้ไปช่วยเยียวยาคนเสื้อแดง กล่าวยอมรับว่า คนชื่อ "ไก่" ที่ระบุในคลิปคือภรรยาของตน ซึ่งทำงานเป็นรองผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาหนึ่ง ซึ่งตนและภรรยาได้ไปร่วมงานวันเกิดนางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยานายอริสมันต์จริง เพราะมีความสนิทสนมกันตั้งแต่แกนนำคนเสื้อแดงยังติดคุก และยืนยันว่าภรรยาไม่ดื่มเหล้า
“เรื่องนี้ฟังแล้วก็ได้แต่นั่งขำ เงินจำนวน 100 ล้านไม่ใช่เงินน้อยๆ ใครจะโอนให้กันง่ายๆ ในหมู่คนเสื้อแดงก็มีคนหลากหลาย และมีการอิจฉาตาร้อนกันเอง ที่ผ่านมามองว่าเหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังไม่มีเรื่องเสียหาย การเอาเรื่องเงินทองมาทำร้ายกันคงหวังให้เกิดผลที่สุด ที่ผ่านมาไม่มีบทบาทในเรื่องเงินทอง และไม่เคยถูกตำหนิเพราะไม่เคยเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะแถลงชี้แจงกรณีดังกล่าวอีกครั้งที่รัฐสภา เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการใส่ร้ายกัน ซึ่งไม่มีเรื่องอะไรจะดีเท่ากับเรื่องเงินทอง ถ้ามาดูฐานะความเป็นอยู่ของตน ก็จะรู้ดี จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คงมีการเขม่นกัน อิจฉาริษยากัน แล้วเอาเรื่องเงินทองมาเป็นเครื่องมือ" นายวิภูแถลงกล่าว
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า ได้ถามคุณไก่แล้วว่ามีกระแสข่าวว่ามีเงินเข้าบัญชีนายวิภูแถลงจริงหรือไม่ คุณไก่ก็ยืนยันว่าไม่จริง เรื่องที่มีข่าวว่าได้ไปพูดที่งานเลี้ยงวันเกิดก็ไม่จริง ไม่เคยไปพูดอะไรแบบนั้น คิดว่าเรื่องนี้มันเกิดจากความขัดแย้งของคนที่คอยแจกเงินเยียวยาให้กับคนเสื้อแดง มันมีคนที่บริหารเงินเยียวยาอยู่ ผู้บริหารเงินเยียวยาอาจจะขัดแย้งกันเอง หรือไม่ก็คนรับเงินเยียวยาขัดแย้งกับคนที่บริหารเงินเยียวยา ตรงนี้นปช.ไม่รู้ เพราะ นปช.ไม่เกี่ยวกับเงินเยียวยา แต่พอมาเชื่อมโยงกับคุณไก่ ซึ่งเป็นภรรยาแกนนำ นปช. มันเลยดูมีน้ำหนัก นำมาเป็นประเด็นโจมตีกันได้
ประธาน นปช.กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะนายวิภูแถลงเป็น ส.ส. ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ถ้ามีการโอนเงินเข้าเป็น 100 ล้านบาทจริง ก็ต้องโดนสอบสวน นายวิภูแถลงฉลาดพอที่จะไม่ให้โอนเงินมาบัญชีของตนเอง แต่นี่มันไม่มีการโอนเงิน ทั้งนี้ นปช.ไม่เคยได้รับเงินจากอดีตนักการเมือง ไม่รู้ว่าเขาจ่ายเงินเยียวยากันอย่างไร แต่รู้แค่ว่ามีการจ่ายเงินเยียวยากัน และก็ไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน อย่างไรก็ตาม คงไม่ตามคนปล่อยคลิป เพราะตามตัวยาก
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีวันที่ 20 ก.ค.2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีข้อความซึ่งจำเลยนำเอาคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง อันเป็นการพูดที่มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาพูดซ้ำ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า จำเลยนำคำพูดของ น.ส.ดารณี ที่พูดพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ ที่จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา แต่เอาคำพูดมาปราศรัยเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับ น.ส.ดารณี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ เพราะประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่า น.ส.ดารณีพูดอย่างไร ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
หลังฟังคำพิพากษา นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ได้นำหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) วงเงิน 3 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป
ขณะที่นายสนธิให้สัมภาษณ์ว่า ตนเพียงนำคำพูดของดา ตอร์ปิโด ที่พูดพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้นำมาพูดทั้งหมด เพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ดำเนินคดีต่อคนที่พูดจาจาบจ้วงศาลชั้นต้นเห็นว่าตนไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงออกมาเช่นนี้ ไม่ดูที่เจตนาในการกระทำความผิด
"ผมนำคำพูดมาเพื่อเจตนาอะไร เพื่อปกป้องสถาบันใช่หรือไม่ ผมยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ปกป้องสถาบันในฐานะคนไทยคนหนึ่งต่อไป ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลฎีกา" น ายสนธิกล่าว และว่า ต่อไปคนไทยจะไม่กล้าออกมาเรียกร้องใดๆ เห็นคนพูดจาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะนิ่งเฉยเพราะกลัวติดคุก.
นายถาวร เสนเนียม รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยเมื่อวันอังคารว่า ได้รับข้อมูลจากวงในสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าทางอัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีก่อการร้าย โดยอ้างว่ามีการร้องขอให้ทบทวนการใช้ดุลยพินิจของอัยการในช่วงปี 2552-2553 ว่าดำเนินการกับ พ.ต.ท.ทักษิณอย่างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการหยิบยกพิจารณาใหม่อีกครั้ง แล้วเห็นว่าคำร้องดังกล่าวฟังได้ จึงมีคำสั่งไม่ฟ้องไปในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา
"ผมก็ได้รวบรวมหลักฐานว่าเรื่องดังกล่าวมีข้อเท็จจริงอย่างไร แต่ที่ออกมาเปิดเผยขณะนี้ เพราะอยากให้ประชาชนรับรู้ว่าระบอบทักษิณกำลังจะฟื้นคืนชีพมาอีกครั้ง เพราะหากเป็นเรื่องจริง จะส่งผลให้ไม่มีชื่อของพ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในคดีก่อการร้ายอีกต่อไป และจะเหลือแต่แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น" นายถาวรกล่าว
นายถาวรกล่าวอีกว่า แม้อัยการซึ่งเป็นทนายแผ่นดินจะไม่ดำเนินการฟ้องร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่สิ่งที่พ.ต.ท.ทักษิณได้ก่อขึ้น ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับหลายบุคคล ทั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตและทรัพย์สินเสียหาย ตนคิดว่าครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับความเสียหายสามารถเป็นโจทย์ฟ้องร้องเองได้โดยไม่ต้องพึ่งอัยการอีกต่อไป
ด้านนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อัยการสูงสุด กล่าวปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า ยังไม่ทราบเรื่อง และหากมีข่าวดังกล่าวจริง เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งให้ตนทราบอีกครั้ง
สำหรับกรณีที่มีการโพสต์คลิปเสียงแนวร่วมเสื้อแดงผ่านเว็บไซต์ยูทูบ ระบุว่า “อีไก่เมียวิภูแถลงเผยเงิน 100 ล้านบาทจ่ายผ่านบัญชีผัว" นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ถูกพาดพิงว่าได้รับการโอนเงิน 100 ล้านบาทจากนายใหญ่ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เพื่อให้ไปช่วยเยียวยาคนเสื้อแดง กล่าวยอมรับว่า คนชื่อ "ไก่" ที่ระบุในคลิปคือภรรยาของตน ซึ่งทำงานเป็นรองผู้จัดการธนาคารกรุงไทย สาขาหนึ่ง ซึ่งตนและภรรยาได้ไปร่วมงานวันเกิดนางระพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ภรรยานายอริสมันต์จริง เพราะมีความสนิทสนมกันตั้งแต่แกนนำคนเสื้อแดงยังติดคุก และยืนยันว่าภรรยาไม่ดื่มเหล้า
“เรื่องนี้ฟังแล้วก็ได้แต่นั่งขำ เงินจำนวน 100 ล้านไม่ใช่เงินน้อยๆ ใครจะโอนให้กันง่ายๆ ในหมู่คนเสื้อแดงก็มีคนหลากหลาย และมีการอิจฉาตาร้อนกันเอง ที่ผ่านมามองว่าเหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังไม่มีเรื่องเสียหาย การเอาเรื่องเงินทองมาทำร้ายกันคงหวังให้เกิดผลที่สุด ที่ผ่านมาไม่มีบทบาทในเรื่องเงินทอง และไม่เคยถูกตำหนิเพราะไม่เคยเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะแถลงชี้แจงกรณีดังกล่าวอีกครั้งที่รัฐสภา เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการใส่ร้ายกัน ซึ่งไม่มีเรื่องอะไรจะดีเท่ากับเรื่องเงินทอง ถ้ามาดูฐานะความเป็นอยู่ของตน ก็จะรู้ดี จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้คงมีการเขม่นกัน อิจฉาริษยากัน แล้วเอาเรื่องเงินทองมาเป็นเครื่องมือ" นายวิภูแถลงกล่าว
ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศราว่า ได้ถามคุณไก่แล้วว่ามีกระแสข่าวว่ามีเงินเข้าบัญชีนายวิภูแถลงจริงหรือไม่ คุณไก่ก็ยืนยันว่าไม่จริง เรื่องที่มีข่าวว่าได้ไปพูดที่งานเลี้ยงวันเกิดก็ไม่จริง ไม่เคยไปพูดอะไรแบบนั้น คิดว่าเรื่องนี้มันเกิดจากความขัดแย้งของคนที่คอยแจกเงินเยียวยาให้กับคนเสื้อแดง มันมีคนที่บริหารเงินเยียวยาอยู่ ผู้บริหารเงินเยียวยาอาจจะขัดแย้งกันเอง หรือไม่ก็คนรับเงินเยียวยาขัดแย้งกับคนที่บริหารเงินเยียวยา ตรงนี้นปช.ไม่รู้ เพราะ นปช.ไม่เกี่ยวกับเงินเยียวยา แต่พอมาเชื่อมโยงกับคุณไก่ ซึ่งเป็นภรรยาแกนนำ นปช. มันเลยดูมีน้ำหนัก นำมาเป็นประเด็นโจมตีกันได้
ประธาน นปช.กล่าวว่า คิดว่าไม่น่าจะเป็นความจริง เพราะนายวิภูแถลงเป็น ส.ส. ก็ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน ถ้ามีการโอนเงินเข้าเป็น 100 ล้านบาทจริง ก็ต้องโดนสอบสวน นายวิภูแถลงฉลาดพอที่จะไม่ให้โอนเงินมาบัญชีของตนเอง แต่นี่มันไม่มีการโอนเงิน ทั้งนี้ นปช.ไม่เคยได้รับเงินจากอดีตนักการเมือง ไม่รู้ว่าเขาจ่ายเงินเยียวยากันอย่างไร แต่รู้แค่ว่ามีการจ่ายเงินเยียวยากัน และก็ไม่รู้ว่าเอาเงินมาจากไหน อย่างไรก็ตาม คงไม่ตามคนปล่อยคลิป เพราะตามตัวยาก
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
กรณีวันที่ 20 ก.ค.2551 เวลากลางคืนหลังเที่ยง จำเลยนี้ได้ขึ้นปราศรัยบนเวทีปราศรัยกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ มีข้อความซึ่งจำเลยนำเอาคำปราศรัยของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ที่พูดบนเวทีปราศรัยที่ท้องสนามหลวง อันเป็นการพูดที่มีถ้อยคำหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มาพูดซ้ำ อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งจำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ประชุมตรวจสำนวนแล้วเห็นว่า จำเลยนำคำพูดของ น.ส.ดารณี ที่พูดพาดพิงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นการนำคำพูดมาหมิ่นประมาทซ้ำ ที่จำเลยอ้างว่าไม่เจตนา แต่เอาคำพูดมาปราศรัยเพื่อให้มีการดำเนินคดีกับ น.ส.ดารณี ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีความจำเป็นต้องเอาเนื้อหามาถ่ายทอดพูดซ้ำในที่สาธารณะ เพราะประชาชนบางส่วนไม่ทราบว่า น.ส.ดารณีพูดอย่างไร ก็มาทราบจากการที่จำเลยพูด ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลกระทบต่อสถาบัน อันเป็นการกระทำที่ไม่ระมัดระวังอย่างเพียงพอ การกระทำเป็นการครบองค์ประกอบความผิดแล้ว จึงเป็นความผิดฐานดูหมิ่นสถาบันฯ ตาม ป.อาญามาตรา 112 อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น ลงโทษจำคุก 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 ปี
หลังฟังคำพิพากษา นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความ ได้นำหลักทรัพย์เป็นกรมธรรม์ประกันอิสรภาพของบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) วงเงิน 3 แสนบาท ยื่นขอประกันตัวต่อศาลต่อไป
ขณะที่นายสนธิให้สัมภาษณ์ว่า ตนเพียงนำคำพูดของดา ตอร์ปิโด ที่พูดพาดพิงถึงสถาบันเบื้องสูง มาปราศรัยที่เวทีพันธมิตรฯ เพียงบางส่วนเท่านั้น ไม่ได้นำมาพูดทั้งหมด เพียงต้องการให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง ดำเนินคดีต่อคนที่พูดจาจาบจ้วงศาลชั้นต้นเห็นว่าตนไม่ได้มีเจตนาในการกระทำผิด ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมคำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงออกมาเช่นนี้ ไม่ดูที่เจตนาในการกระทำความผิด
"ผมนำคำพูดมาเพื่อเจตนาอะไร เพื่อปกป้องสถาบันใช่หรือไม่ ผมยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ปกป้องสถาบันในฐานะคนไทยคนหนึ่งต่อไป ไม่รู้สึกหวั่นไหวใดๆ ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมในชั้นศาลฎีกา" น ายสนธิกล่าว และว่า ต่อไปคนไทยจะไม่กล้าออกมาเรียกร้องใดๆ เห็นคนพูดจาจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็จะนิ่งเฉยเพราะกลัวติดคุก.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น