'นำขึ้นทูลเกล้าฯ' มิเจตนา...แต่จงใจ
อืมมมม...คนลิขิตมิสู้ฟ้าลิขิต ทุกชีวิตอยู่ใต้ดวงดาว ช่างเป็นอย่างนั้นจริงๆ ผมไม่มีความรู้สึกอื่นใดมากไปกว่าเวทนา "นายกฯ หญิงยิ่งลักษณ์" ที่ไม่รู้อะไรหนัก-อะไรเบา กับการให้เดินหน้าโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มา ส.ว.ในวาระ ๓ สถาปนาระบบ "รัฐสภาผัว-เมีย" ที่ผิดเพี้ยน ปูทางให้ระบอบทักษิณยึดครองประเทศถาวร โดยไม่ฟังเสียงทัดทาน สิ่งที่ทำนั้น...ผิดกฎหมาย
ด้วยถือดี...พวกชั้นมากกว่า!?
เดินหน้าโหวตเป็นกฎหมายให้สำเร็จเบ็ดเสร็จไปเลย ต้องไปกลัวใคร ในเมื่อกองกำลังทั้งตำรวจในระบบรัฐ และทั้งเสื้อแดงนอกระบบรัฐ
ของเรา...พร้อม!
"ฮ่ะๆๆๆ แม่นางแปะยิ้งช่างกล้านัก เล่าฮูมิบังอาจจะว่ากล่าว นอกจากฝากวาจาถึงจอมอสูรทักพี่เจ้าด้วย สวรรค์มีทางเดิน ไยเจ้ามิเดิน นรกประตูปิด ไยเจ้าแง้มเข้าไปให้มันงับ ฮ่ะๆๆๆ เคี้ยกๆๆๆๆ ผู้เฒ่าขออำลา"
นี่ถ้าเพื่อนผม "ว. ณ เมืองลุง" ยังอยู่ คงกล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าขวดขวานหงาย แต่เมื่อเพื่อนไปแล้ว ผมก็กล่าวแทนละกัน!
๓๕๘ เสียง ส.ส-ส.ว. "สมาชิกรัฐสภา" ที่โหวตให้ผ่านเป็นกฎหมายเมื่อเช้าที่ ๒๘ กันยา ๕๖ นั้น รวมทั้งนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ประธานรัฐสภาสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รองประธานรัฐสภานิคม ไวยรัชพานิช ต้องรับผิด-รับชอบ
ในพิธีกรรมรัฐสภา ที่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทนซึ่งกันและกัน!
รับผิดชอบอย่างไร...นั่นคอยฟังตอนตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยในเรื่องที่ ส.ส.ประชาธิปัตย์ และ ๔๐ ส.ว.ยื่นเรื่องไว้ละกัน
ถ้าคำวินิจฉัยออกมา ทั้งหมดที่รัฐบาล+รัฐสภาทำ ไม่ผิดรัฐธรรมนูญ กดบัตรออกเสียงแทนทันในการโหวต ไม่ทำให้เป็นโมฆะ
นั่นก็ยกบ้านเมืองให้ "ระบอบทักษิณ" ไป!
แต่ถ้ามีคำวินิจฉัยว่าผิด......
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ในฐานะผู้รับสนองพระบรมราชโองการ ในการนำ พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษา ไม่เพียงผิดเฉยๆ
มีโทษด้วย!
และนอกจากโทษ ยังผิดในทางสังคม ตรงนี้น่ากลัว ผมว่ายิ่งลักษณ์, รัฐบาลเพื่อไทย, ทักษิณ, และ นปช.เสื้อแดง เหิมเกริมจนแยกไม่ออกในความหวาดเสียวจากพฤติกรรมหยาบ "ทางการเมือง" เมื่อปี ๕๒-๕๓ กับพฤติกรรมที่กำลังจะกระทำต่อ "สถาบัน" ขณะนี้....ด้วยการ
"บังอาจท้าทายต่อพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์!"
ด้วยรู้ทั้งรู้ว่า เมื่อโหวตวาระ ๓ แล้ว ประธานรัฐสภาส่งพ.ร.บ.รัฐสภาผัว-เมียมาให้วันไหน ภายใน ๒๐ วัน ตัวนายกฯต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย แต่ยิ่งลักษณ์ยังทำ
นั่นก็ไม่ต้องพูดอะไรกันอีกแล้ว เพราะชัดแล้ว "ระบอบทักษิณ" ชักธงรบ ประกาศศึก พร้อม "แตกหัก" กับทุกสถาบัน-ทุกฝ่าย-ทุกคน ที่ไม่เห็นด้วย ไม่เอาด้วยกับระบอบทักษิณ!
โดยทั่วไป ผู้สะอาด กาย-วาจา-ใจ ในการกระทำต่อสถาบันชาติ-พระศาสนา-พระมหากษัตริย์ ต่างตระหนักกันดีว่า ไม่บังควรอย่างยิ่งที่ใครจะนำสิ่งไม่บริสุทธิ์ขึ้นทูลเกล้าฯ หรือน้อมเกล้าฯ ถวายแด่องค์พระมหากษัตริย์
แต่ยิ่งลักษณ์กลับกระทำ!
เมื่อระบอบทักษิณถือดี "จะทำซะอยาง...ใครจะทำไม" ยิ่งลักษณ์โดยระบอบทักษิณก็ต้องรู้ด้วยว่า ไม่มีใครไปทำอะไรพวกท่านหรอก
"นอกจากประชาชน"!
เมื่อถึงที่สุดแล้ว ไม่มีสีเหลือง-สีแดง-สีเขียว-สีดำ-สีฟ้า มีแต่ประชาชนทั้งผอง ผู้ไม่ยอมให้ใคร..หน้าไหนทั้งสิ้น มากระทำก้ำเกินด้วยหมิ่นต่อพระมหากษัตริย์ อันเป็นศูนย์รวมใจ-รวมไทย ของประชาชนชาวไทยทุกคน
การนำกฎหมายที่ยังมีปัญหาให้พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธย จะเจตนาหรือไม่เจตนาก็เท่ากับจงใจ
จงใจดึงให้ "พระมหากษัตริย์" ลงมาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง การบริการ การปกครอง กับประชาชน!
เพราะถ้าทรงลงพระปรมาภิไธย ประกาศใช้ ก็จะมีประชาชนส่วนหนึ่งที่ไม่พอใจและไม่ยอมรับ
ถ้าไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย ฝ่ายรัฐบาลยิ่งลักษณ์ก็จะไปพูดในมุมว่า พระมหากษัตริย์ไม่โปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้กฎหมายที่ตัวแทนประชาชนในระบบรัฐสภาให้ความเห็นชอบ
ก็จะมีประชาชนอีกส่วนหนึ่งไม่พอใจ และไม่ยอมรับ!
เท่ากับว่า ยิ่งลักษณ์นำกฎหมายที่มีปัญหาทางการเมือง ให้ไปเป็นปัญหาในเขตพระราชอำนาจมหากษัตริย์ ดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเกราะให้ตนเอง
และก็มีความเป็นไปได้ ทีมงานระบอบทักษิณจงใจทำให้ "พระมหากษัตริย์" กับประชาชน "ต้องเผชิญหน้าในฐานะคู่ขัดแย้ง!
เยี่ยงนี้ จะว่าไปแล้ว เป็นแผนระบอบทักษิณทั้งหวังกัดกร่อนสถาบันและใช้เป็น "ที่โทษ" ของประชาชนทั้งขึ้น-ทั้งล่อง
ทักษิณตั้งเข็มไว้แล้วว่า ปีนี้...ต้องสุดซอย เมื่อสุดซอย ก็ต้องทำสุดๆ ให้จบกันไปข้างหนึ่งเลย!
การนำกฎหมายมีปัญหาขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เป็นวิธี "ตรวจเช็กความพร้อม" ทุกด้าน ก่อนตัดสินใจปฏิบัติการอย่างใด-อย่างหนึ่งที่แยบยล
๑.เช็กความพร้อมด้านแนวร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคร่วมและส.ว.สวามิภักดิ์
๒.ส่งสัญญาณ "มองข้ามหัว" ไม่ให้ราคาศาลรัฐธรรมนูญ
๓.เช็กท่าทีและเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจากคำวินิจฉัย
๔.เช็กท่าทีฝ่ายค้าน องค์กร-กลุ่มก้อนมวลชน พ่อค้า-นักวิชาการแต่ละสาย
๕.เช็กสามัคคีภาคประชาชน "ร่วม-ต้าน" ฝ่ายไหนจะเหนียวแน่นและมากกว่ากัน
๖.เช็กท่าทีประชาชน เมื่อพระมหากษัตริย์ "ถูกกระทำ" จะมีปฏิกิริยาต่อรัฐบาลระดับไหน
๗.ส่งสัญญาณจากระบอบทักษิณถึงทุกคนในบ้านเมืองว่า "กองกำลังเสื้อแดง" พร้อม
บางคนสงสัย ให้ ส.ว.เลือกตั้งทั้งหมดก็ดีแล้วนี่ ...มันก็ดี สำหรับสังคมชาติที่พัฒนาจิตสำนึกประชาชนสู่ประชาธิปไตยได้ระดับ แต่สำหรับบ้านเรา ระบอบประชาธิปไตย แต่ปฏิบัติด้วยจิตใจประชาธิปไตยกันไหม ก็เห็นอยู่
ตัวอย่างชัดๆ ยังไม่ทันไร ขณะโหวตวาระ ๒ ที่ด้านนอกห้องประชุม มีหญิงผู้ทรงเกียรตินางหนึ่งคุยเสียงดังฟังชัด ...สามีชั้นเตรียมสมัคร ส.ว.แล้ว (ที่จังหวัดหนึ่งในอีสาน) เสียงดีด้วยนะ!
นี่แหละ..ที่เขาถึงเรียก "รัฐสภาผัว-เมีย" ถ้าแย้งว่า แล้วจะเสียหายตรงไหนที่ผัวเป็น ส.ว. เมียเป็น ส.ส. ถ้าในสังคมประชาธิปไตยมาตรฐานก็ไม่เสียหาย แต่กับสังคมประชาธิปไตยไทย เสียหายแน่
เพราะต้องรู้ด้วยว่า รัฐธรรมนูญให้อำนาจ ส.ว.ไว้ล้นฟ้า นอกจากหน้าที่ด้านกลั่นกรองกฎหมายแล้ว ยังเป็นผู้พิจารณาเลือก แต่งตั้ง ให้คำแนะนำ ให้ความเห็นชอบบุคคลในองค์กร ตรวจสอบ ถอดถอนบุคคลออกจากตำแหน่ง
ตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้ง ป.ป.ช. ตั้ง กกต. ตั้งอัยการสูงสุด!
มีอำนาจถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือข้าราชการระดับสูงออกจากตำแหน่ง ได้แก่ นายกฯ, รัฐมนตรี, ส.ส.-ส.ว., ประธานศาลฎีกา, ประธานศาลรัฐธรรมนูญ, ประธานศาลปกครองสูงสุด, อัยการสูงสุด, กกต.
ผู้ตรวจการแผ่นดิน, ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน, ผู้พิพากษาหรือตุลาการ, พนักงานอัยการ หรือผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง ตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
ไม่เพียงเท่านี้ ส.ว.ยังเป็นผู้ให้ความเห็นชอบทั้งในการแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทั้งเป็นผู้รับทราบหรือให้ความเห็นชอบในการสืบราชสมบัติด้วย
ยังมีอีกเยอะอันเป็นอำนาจในมือ ส.ว. แล้วแบบนี้ท่านก็เห็นแล้วใช่มั้ย เมื่อแก้รัฐธรรมนูญเป็น "รัฐสภาผัว-เมีย" แล้ว แทนที่ ส.ว.จะกลั่นกรองงาน ส.ส. ก็กลายเป็น "ส.ว-ส.ส." รวมหัวกัน!
จะตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้ง ป.ป.ช. ตั้ง กกต. ตั้งอัยการสูงสุด ก็รวมหัวเอาพวกในเส้นทางเดียวกันมาเป็น หรือปลด-ถอดถอนใคร กระทั่ง ส.ส.-ส.ว.ด้วยกันเอง ถ้าตกลงผลประโยชน์กันได้ ก็สบายด้วยกัน ไม่มีใครผิด ไม่มีใครต้องถอดถอน
นี่...ถ้าปล่อยให้ระบอบทักษิณสถาปนา "รัฐสภาผัว-เมีย" สำเร็จ ประเทศไทยก็อยู่ในมือ อย่าว่าแต่ ป.ป.ช., กกต.,ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ, อัยการสูงสุดเลย
กระทั่งศาล ผู้พิพากษา ตั้งแต่ระดับล่างถึงประธานศาล ถ้า "รัฐสภาผัว-เมีย" หรือรัฐสภาแดงทั้งแผ่นดิน "เอา-ไม่เอา "คนไหน
มันรวมหัว "ปลด-ตั้ง" ได้หมด!
กระทั่งการสืบราชสมบัติ ก็ยังต้องผ่านให้ ส.ว.รับทราบหรือเห็นชอบก่อน แล้วคิดดู ระบบเลือกตั้งไทย จิตสำนึกประชาธิปไตยไทย จะกรองมิให้โจรเข้ามาเป็น ส.ว.เพื่อทำหน้าที่สำคัญขนาดนี้ได้หรือไม่?
พูดไปก็เปลืองหัว เปลืองกระดาษ ที่ยืดยาดทั้งหมด สรุปได้ ๒ คำ
"ฆ่ากัน"!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น