วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สว.อัดจำนำข้าวทำชาติพังเสี่ยงขาดทุน1ล้านล. เมื่อ 29 ต.ค.56



สว.อัดจำนำข้าวทำชาติพังเสี่ยงขาดทุน1ล้านล.
 
สว.เปิดอภิปรายรัฐบาล อัดจำนำข้าวพาชาติพัง หวั่นปล่อยไว้เสี่ยงขาดทุนถึง 1 ล้านล.บาท
การประชุมวุฒิสภาที่มีนายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ได้มีวาระพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)แถลง ข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินโดยไม่มี การลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 โดยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้นำครม.มารับฟังการอภิปราย
ทั้งนี้ นายนิคม แจ้งต่อที่ประชุมถึงกรอบเวลาในการอภิปรายว่า การอภิปรายในครั้งนี้จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ 
1.เรื่องการรับจำนำข้าว 
2.ปัญหาราคายางพาราและปาล์มน้ำมัน 
3.ปัญหาประมง 
4.ผลผลิตทางการเกษตรอื่นๆ โดยกำหนดให้สว.มีสิทธิ์อภิปรายได้เพียง 10 นาที
ต่อมา พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี สว.สรรหา ในฐานผู้เสนอญัตติได้อภิปรายเป็นคนแรกว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้เงินในการรับจำนำข้าวไปแล้วโดยไม่รวมค่าบริหาร จัดการประมาณ 4.6 แสนล้านบาท แต่ขายข้าวได้เพียง 1.1 แสนล้านบาท ทั้งที่รัฐบาลลงทุนไปกับโครงการนี้ประมาณ 6 แสนล้านบาท ส่งผลให้ขาดทุนประมาณ 5 แสนล้านบาท
พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าวว่า ในกรณีของการจำหน่ายข้าวถุงนั้นคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบเรื่องการ ระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลจากโครงการรับจำนำข้าว วุฒิสภา ได้ตรวจสอบพบว่าคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวได้ดำเนินการผลิตข้าวถุงใน ราคาประมาณ 1.3 หมื่นบาทต่อตัน ซึ่งบริษัท เจียเม้ง จำกัดเป็นผู้รับปรับปรุงข้าวและขนส่งข้าวให้กับตามร้านค้าทั่วไป ปรากฏว่าข้าวขององค์การคลังสินค้า(อคส.)ไม่ได้รับความนิยม ต่อมาคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2555 ที่ผ่านมาให้ลดราคาเหลือประมาณ 7 พันบาทต่อตัน
พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังตรวจพบอีกว่าบริษัทที่ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการจัดจำหน่าย ข้าวถุงมีจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ 
1.บริษัท สยามรักษ์ จำกัด 
2.บริษัทคอนไซน์ เทรดดิ้ง จำกัด 
3.บริษัท ร่มทอง จำกัด ซึ่งทั้ง3บริษัททั้งหมดนี้ไม่เคยมีความรู้เรื่องการค้าขายข้าวมาก่อน 
โดยบริษัทสยามรักษ์ เป็นบริษัททำไม้กระดาษส่งออกต่างประเทศ บริษัทร่มทองตั้งอยู่ที่เชียงใหม่เป็นบริษัทรับปลูกสร้างอาคารและบ้านจัดสรร เช่นเดียวกับบริษัทคอไซน์ก็เป็นบริษัทที่รับก่อสร้างอยู่ในกทม.
"ทำไมกขช.ถึงไม่ได้รับกำกับดูแลในเรื่องนี้ เพราะบริษัทสยามรักษ์ซึ่งเป็นบริษัทที่ก่อตั้งเมื่อปี 2533 แต่ต่อมาปี 2553 เลขานุการของรมว.พาณิชย์เข้ามาเป็นกรรมการบริหารของบริษัท ซึ่งเลขานุการคนนี้ก็ยังเป็นคณะอนุกรรมการเกี่ยวการระบายข้าวของรัฐบาลเกือบ ทุกคณะด้วย" พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าว
พล.ต.ท.ยุทธนา กล่าวว่า ปัญหาเหล่านี้ถ้าไม่ปรับปรุงจะทำความเสียหายให้กับโครงการรับจำนำข้าวอย่าง มาก โดยในปีหน้าจะมีหนี้จากโครงการนี้ไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาทและอาจจะถึง 8 แสนล้านบาท และ 1 ล้านล้านบาทในปีต่อๆไปตราบใดรัฐบาลยังไม่ทบวนโครงการนี้ ซึ่งระบบเศรษฐกิจไทยจะพังทั้งระบบ
ถัดมา นายคำนูณ สิทธิสมาน สว.สรรหา กล่าวว่า นโยบายจำนำข้าวสร้างภาระหนี้สาธารณะให้กับประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งถือว่าเป็นบาป 3 ประการ หรือ บาปยกกำลัง3 บาปที่ 1 คือ การเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอนของการดำเนินการ บาปที่ 2 การทุจริตในการทำลายข้าวไทยทั้งด้านคุณภาพและกลไกการตลาด และบาปที่ 3 เป็นการทุจริตที่อ้างทฤษฎีปฏิวัติสังคมมากล่าวอย่างน่าละอายด้วยการอ้างว่า ชาวนาได้ประโยชน์
"อยากให้รัฐบาลเดินหน้าด้วยความกล้าหาญว่าจะปรับลดปริมาณการรับจำนำข้าว ไม่มีใครปฏิเสธนโยบายประชานิยมแต่ควรใช้ภายใต้ระยะเวลาจำกัดเพื่อเยียวยา อาการเบื้องต้นเท่านั้น ในทางกลับกันหากยังใช้นโยบายประชานิยมต่อไปเรื่อยๆจะมีผลให้ปัญหาเรื้อรัง ต่อไป" นายคำนูณ กล่าว
สว.สรรหา กล่าวว่า ทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินที่บอกว่าขาดทุนปีละ 1 แสนล้านบาทมาพัฒนาเพิ่มมูลค่าการผลิตหรือการส่งเสริมการวิจัยข้าวทั้งระบบ เพื่อให้กลับเข้ามาสู่กลไกตลาดได้เร็วรวมไปถึงการสร้างโครงสร้างป้องกันการ ทุจริตทุกขั้นตอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น