วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

วิกฤติพลังงาน "มันมากกว่าไฟดับ" เปลว สีเงิน 22 February 2556


วิกฤติพลังงาน "มันมากกว่าไฟดับ"



มันจะเจ๊าะแจ๊ะด้วยเรื่องไร้สาระกันได้ทุกฤดูกาลไปถึงไหน...หือ ท่านนายกฯ หญิง เรื่องวิกฤติพลังงาน ถึงขั้นทั้งประเทศจะต้อง "ปันส่วนไฟ" ตอนเดือนเมษา มันเป็นเรื่องเครียดระดับชาติ-ระดับโลก ที่ต้องใช้ความจริงจังเอาชนะปัญหาทั้งด้านรับมือเฉพาะหน้าและด้านเอาอยู่ยาวไปในอนาคต แต่นี่แม่คุณเห็นเป็นเรื่องเล่น-เรื่องสนุก โชว์แฟชั่นชุดถอดสูท "ประหยัดพลังงาน" ไปโน่น
    อย่าว่าแต่ "ถอดสูท" ทำงานในทำเนียบฯ เลย ต่อให้ "ถอดเสื้อ" ออกอีกตัวด้วย ถ้าแบบนั้นมันแก้วิกฤติพลังงานได้จริงล่ะก็ ผมว่าคนทั้งโลกต้องยกเป็น "ยิ่งลักษณ์โมเดล" แล้วแห่ทำตาม และไม่แค่ดัดจริตถอดสูท แต่จะแสดงความจริงใจถึงขั้น "ถอดกางเกงใน" กันเลยทีเดียว!
    นึกหรือว่าที่ รมว.พลังงาน "นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล" ออกมาประกาศให้ประชาชนรับมือวิกฤติพลังงาน ๔-๑๒ เมษา ด้วยเหตุแค่แหล่งก๊าซยาดานาในพม่าหยุดซ่อมบำรุงนั้น มันเป็นวิกฤติประเดี๋ยว-ประด๋าว ที่ไม่ต้องไปให้ความสำคัญอะไรมากนัก?
    ถ้าการประกาศนี้ไม่ใช่ "มุกการตลาด" นำร่องแผนอำพรางของรัฐบาล เพื่อหาประโยชน์บางอย่างหลังจุดพลุเรื่องอุบัติเหตุทางพลังงานแล้วสวมรอยประกาศอะไรตามออกมาล่ะก็ วิกฤติพลังงานครั้งนี้สะท้อนถึงอนาคตที่น่าห่วงว่า การให้นารีเล่นเมืองเช่นนี้
    อย่าไปเพ้อถึง AEC ในอีก ๒ ปีข้างหน้าเลย แค่ A B C วันนี้ก็ยังไม่ผ่าน!
    ไปไหนๆ ก็ชวนเขาไปทั่วให้มาลงทุน พี่ชายเซลส์แมน เร่ขายประเทศไปทั่ว แล้วรู้หรือเปล่า ที่โม้ว่าไทยเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นศูนย์กลางการรักษาพยาบาล เป็นแหล่งท่องเที่ยว ต่างๆ นานานั้น หนึ่งในหัวใจหลักที่จะเป็นอย่างนั้นได้ อะไรที่ต้องชัวร์?
    "พลังงาน" ต้องชัวร์!
    ไม่ใช่แค่พร้อมเฉยๆ ต้องพร้อมบนหลักประกันความมั่นใจว่า ยาวไปในอนาคต ๒๐-๓๐ ปีข้างหน้าด้วย ประเทศไทยต้องไม่มีปัญหาด้านพลังงานเป็น "ปัจจัยเสี่ยง" ในการลงทุน
     ไม่ใช่เหมือนเล่นขายข้าว-ขายแกงอย่างที่ทำ ทั้งที่รู้อีกเดือนกว่าจะไม่มีก๊าซผลิตไฟฟ้า จะเกิดวิกฤติพลังงานครั้งใหญ่ไปทั้งประเทศ แต่รัฐมนตรีพลังงานไม่แสดงสมรรถภาพเท่าที่คนเป็นรัฐมนตรีจะพึงมี บริหารมุ่งแต่สิ่งที่คณะพรรคจะขาด
    ไม่ใส่ใจขวนขวายสิ่งที่ประเทศจะขาด!
    จนตัว-จนแต้ม ก็ผลักวิบัติจากพลังงานให้ประชาชน ให้ผู้ประกอบธุรกิจการค้ากระเสือกกระสนแก้ปัญหาชนิด "ตัวใคร-ตัวมัน"! 
    มีประเด็นเป็นคำถามถึงรัฐบาลและรัฐมนตรีพงษ์ศักดิ์ว่า ในความเป็น-ความมี และความเสถียรของพลังงานป้อนประเทศ ถ้าแค่แหล่งก๊าซซักแห่ง-สองแห่งหยุดซ่อม หรือมีเหตุให้ส่งก๊าซไม่ได้ ประเทศไทยต้องตายทั้งประเทศ...แบบนี้
    เรามี ปตท.เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติ ประกอบธุรกิจด้านก๊าซธรรมชาติครบวงจรเพื่ออะไร?
    เรามี ปตท.สผ.ขุดเจาะ-สำรวจ แหล่งพลังงานไปเกือบทั่วโลกเพื่ออะไร? 
    เรามี กฟผ.แหล่งผลิต แหล่งจัดหา และพัฒนาไฟฟ้าไว้เพื่อประโยชน์อันใด?
    และเรามีกระทรวงพลังงาน เพื่อบริหารธุรกิจการค้าพลังงานแอบแฝง หรือเพื่อบริหารความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ?
    เนี่ย...โจทย์หลักๆ มีอยู่เท่านี้ ผมคิดว่าถ้าจริงใจต่อเจตนารมณ์ของการก่อเกิดหน่วยงานรัฐวิสาหกิจและกระทรวงเพื่อพลังงานของชาติแล้วล่ะก็ การบริหารของรัฐบาลต้องสามารถตอบโจทย์นี้ได้ครบถ้วน เมื่อครบถ้วน หมายความว่า การหยุดเพื่อซ่อมบำรุงก็ดี หยุดด้วยอุบัติฉุกเฉินก็ดี 
    ด้วยการบริหารประสิทธิภาพ จะปล่อยให้การหยุดซ่อม-หยุดส่งก๊าซเกิดขึ้นพร้อมๆ กันไม่ได้เด็ดขาด ถึงมีเหตุจำเป็นจริงๆ นั่นก็หมายความว่า ต้องมีแผนบี แผนซี ทางพลังงานรองรับ จะปล่อยเสี่ยงตายดาบหน้า หรือทำเป็นพระเอกคุยว่า จะไปเจรจาให้เขาเลื่อนการซ่อมออกไปก่อนนั้น
    สไตล์นั้น ลูกพี่คือนายกฯ ที่ถอดสูทประหยัดไฟ กับลูกน้องคือรัฐมนตรีที่จะไปเจรจาเลื่อน มันก็ยี่เกเรื่องลิงปอกกล้วยอีหรอบเดียวกัน!
    เราคุยโม้ ประเทศไทยยิ่งใหญ่ จะเป็นหัวรถจักรเศรษฐกิจอาเซียน แต่แค่หยุดซ่อมแหล่งก๊าซแค่นั้นแหละ หัวรถจักรต้องจอดแช่ให้หมาเยี่ยวรด นี่คืออุทาหรณ์ให้สังวรถึงอนาคต 
    การจัดหา การเตรียมพร้อม เป็นหน้าที่รัฐบาล เป็นหน้าที่กระทรวงพลังงาน ส่วน ปตท.ก็ดี กฟผ.ก็ดี เป็นแค่หน่วยทำงาน ขับเคลื่อนด้านนโยบายด้วยตัวเองไม่ได้ ถามว่า...วันนี้ ศักยภาพ ปตท.พร้อมไหม ศักยภาพ กฟผ.พร้อมไหม อย่าว่าแต่คนไทยเลย คนเทศที่มองเข้ามา เขายังตอบได้ว่า
    พร้อมเกินร้อย!
    เมื่อพร้อม ทำไมเหตุการณ์น่าทุเรศจึงเกิดขึ้นได้ คำตอบอยู่ที่นโยบายรัฐบาล และการขับเคลื่อนองค์กรพลังงานในมือ ขับเคลื่อน ปตท. ขับเคลื่อน กฟผ.เพื่อตอบโจทย์และสนองประโยชน์ใคร?
    รัฐบาลอาจบอกว่า เรื่องพลังงานมันซับซ้อน แต่ชาวบ้านที่จ่ายภาษีมาให้ตั้ง ปตท. ตั้ง กฟผ.เขาก็มีสิทธิ์ถามด้วยสงสัยว่า......ก็เห็นข่าวสารแพร่ทั่วไป ประเทศไทยผลิตก๊าซธรรมชาติและน้ำมันแล้ว "ส่งออก" มากพอๆ กับส่งออกข้าว และยังไปซื้อแหล่งก๊าซ-แหล่งน้ำมันนอกประเทศไว้อีกหลายแห่ง
    แต่แค่ยาดานาหยุดซ่อม ทำไมกระทรวงพลังงานจึงบอกว่าไม่มี หรือไม่สามารถหาก๊าซมาชดเชยได้?
    และอีกคำถามที่ชาวบ้านคาใจ........
    ขุดเจาะเอาก๊าซในอ่าวไทยมาใช้ก็ตั้งเยอะ แถมน้ำมันอีกต่างหาก แต่ทำไมทุกวันนี้คนไทยต้องใช้น้ำมันและก๊าซแพงขึ้น...แพงขึ้น น้ำมันเฉียด ๒ ลิตรร้อยแล้ว?
    ชาวบ้านมักเพ่งเล็งไปที่ ปตท. อยากจะบอกว่า ปตท.เป็นแค่บริษัทพลังงาน "เครื่องมือรัฐบาล" ทำงานภายใต้การกำกับดูแลและสั่งการโดยรัฐบาล จะถูก-จะแพง-จะขาด หรือไม่ขาด ไม่ได้อยู่ที่ ปตท. แต่อยู่ที่รัฐบาล
    "ทุกอย่าง" รัฐบาลโดยรัฐมนตรีพลังงาน เป็นผู้กำหนด!
    ผมไม่อยากเห็นการอ้างเอาตัวรอดไปมื้อๆ จากใครในฐานะรัฐบาลว่า..ที่เป็นเช่นนี้ เพราะชาวบ้านไม่ยอมให้สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ไม่ยอมให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พอเกิดปัญหาเรื่องก๊าซ เรื่องน้ำมัน จึงสะเทือนถึงพลังงานป้อนประเทศ
    แล้วชาวบ้านเขายอมให้รัฐบาล-ให้รัฐมนตรี คอรัปชั่นได้อย่างนั้นหรือ ให้คนของเฮียนั่น-เจ๊นี่ เข้ามาตั้งโต๊ะประสานธุรกิจราชการ ว่าด้วย ๓๐% ได้อย่างนั้นหรือ? 
    ก็ไม่ปรากฏว่ามีชาวบ้านที่ไหนอนุญาต แต่ก็เอากันจนฉาวติดอันดับคอรัปชั่นโลก เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า บนบก-ในน้ำ-ในอากาศ ต้องเซ่นเจ๊ไหน-เฮียไหน การท่าอากาศต้องเจ๊ไหน ค้าข้าวปลาอาหารต้องเจ๊ไหน พลังงานต้องเจ๊ไหน-เฮียไหน?
    จนกระทั่งอดีตรัฐมนตรีพลังงาน "ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์" ให้สัมภาษณ์นักข่าว มีการ "ตั้งด่าน" ใบอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน รัฐมนตรีพงษ์ศักดิ์ออกตัวว่า "คงไม่ใช่ยุคผมแน่ เพราะตอนเข้ามายังไม่มีใครยื่นขอเลยซักราย"!
    เขาจะมายื่นกับท่านทำไม เขามีโต๊ะเจ๊-โต๊ะเฮียให้ยื่น เขาแบ่งโควตากันไปเรียบร้อยแล้ว อยากรู้ก็ไปนมัสการถามท่าน "พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์" ให้ท่านเล็งญาณดูว่า 
    มีจริงมั้ย...มันเป็นใคร หน้าตาแบบไหน หมาหรือคนที่ "ตั้งด่าน" ใบอนุญาตตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนน่ะ?
    พูดเรื่องแหล่งก๊าซยาดานา ขอถามรัฐมนตรีพงษ์ศักดิ์ตรงๆ ว่า จริงหรือ ที่เราไม่สามารถสั่งการใดๆ ได้ในกิจการยาดานา และจริงหรือ ที่เราจะรู้ข้อมูลบริหารแหล่งก๊าซยาดานาได้เท่าที่สุดแต่เขาจะบอกให้รู้ เช่น จะหยุดซ่อม-หยุดส่งเมื่อใด เราจะรู้ก็ได้ก็ต่อเมื่อเขาแจ้ง?
    ท่านตอบอย่างไรเรื่องของท่าน แต่มีความจริงที่รัฐบาลไม่บอกให้ประชาชนทราบใช่ไหมว่า อันแหล่งก๊าซยาดานานั้น ใช่ว่าเป็นของพม่าและพม่าเป็นผู้บริหารสิทธิ์ขาด เป็นของใครบ้าง...เอ้า...ดู
    โตตาล ๓๑.๒% เชฟรอน ๒๘.๓% ปตท.๒๕.๕% พม่า ๑๕% = ๑๐๐%
    ตอบซิยิ่งลักษณ์ ในฐานะเจ้าของ ๒๕.๕% ไม่ทราบถึงกิจการและความเคลื่อนไหวของยาดานาล่วงหน้าเลยหรือว่า เกิดปัญหาขึ้นตรงไหน จะต้องซ่อมเมื่อไหร่ แล้วนำข้อมูลนั้นมาเตรียมรับมือล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ พอหยุดซ่อมวันไหน เราก็พร้อมก่อนแล้วในวันนั้น?
    ต้องรู้ล่วงหน้าเป็นเดือน-เป็นปีอยู่แล้ว แต่ทำไมล่ะ...ไม่พูด-ไม่ทำ เป็นการรับมือล่วงหน้าเลย? 
    โจรปล้นบ้าน มันเอาแค่สมบัติในบ้าน แต่กับโจรปล้นประเทศ
    มันกะเอาทั้งสมบัติ-ทั้งประเทศ!.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น