"สุกำพล"หนุนเจรจาโจรใต้ ชี้จะได้รู้จักคู่ต่อสู้
กระทรวงกลาโหม วันที่ 27ก.พ.2556 เมื่อเวลา 15.30 น.พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในการประชุมสภากลาโหม ถึงกรณีที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเเละคณะจะเดินทางไปประชุมประจำปีที่ประเทศมาเลเซียในวันที่28ก.พ.ว่า ตนจะร่วมคณะไปด้วยในฐานะที่ปรึกษา ถือเป็นส่วนประสานข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาชายแดนภาคใต้ หากมาเลเซียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านมาช่วยไทยจะเป็นเรื่องดี เพราะไทยต้องการแก้ไขปัญหาในหลายทาง หากตรงไหนเป็นสิ่งที่ดีไทยพร้อมดำเนินการ เพื่อให้ปัญหาภาคใต้ดีขึ้นมาโดยวิธีใหม่จากประเทศเพื่อนบ้านที่ให้คำแนะนำ ทั้งนี้ในขั้นแรกของการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน คือ เจ้าหน้าที่ทหารต้องหยุดความรุนแรงไว้ก่อน หากความรุนแรงเบาบางลง หรือยุติลงก็จะถอนทหารออกมา จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต.) ทำงานด้านการพัฒนา
"ขณะนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ต้องทำงานหนักขึ้น ตรงไหนปัญหาความรุนแรงลดลง ศอ.บต.จะเริ่มลงพื้นที่เพื่อทำงานควบคู่กับกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เหมือนเป็นการดับไฟก่อน จากนั้นค่อยพัฒนาความคิด และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านมีการแจ้งเบาะแส และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ที่จ.ปัตตานี และจ.ยะลาเมื่อช่วงวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับผู้ก่อเหตุที่ใช้ชาวบ้านเป็นตัวประกันในการใช้ความรุนแรง"พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า ควรให้มาเลเซียเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า จะทำวิธีไหน หรือมีแนวทางใหม่ในการทำให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องดี รวมไปถึงการเจรจาก็เป็นแนวทางหนึ่งหากมีขึ้นมา ตนว่าดีจะได้คุยกับผู้ต่อสู้ ได้รู้ได้เห็น จะดีขึ้นมาเอง ดีกว่าไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนวิธีการพูดคุยนั้นเป็นเรื่องรายละเอียด ส่วนจะมีคนกลางประสานหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในหลายพื้นที่อย่างกรณีของไออาร์เอ หรือในติมอร์ตะวันออกก็มีการพูดคุยกัน ดังนั้นในส่วนของไทย ถ้าจะมีการพูดคุยเจรจากันก็ไม่แปลกอะไร ส่วนกรณีที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษนำเสนอข้อมูลของครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตถึงการช่วยเหลือของภาครัฐที่เข้าไม่ถึงนั้น รมว.กลาโหมกล่าวว่า ตนขอร้องว่าอย่าไปนำเอกสาร หรือ คำสัมภาษณ์แค่คนๆ เดียวมาออกข่าวแล้วตัดสินในเรื่องทั้งหมด เพราะมันไม่ใช่ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดูแลและทำความเข้าใจกับครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตอยู่ตลอด
ด้านพ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมว่า เรื่องการดูแลความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการศึกษาจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมาบุคลากรทางการศึกษาเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่มักจะถูกทำร้ายอยู่เสมอ ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการการรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับสถานที่ราชการ โรงเรียน และชุมชน อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และลดความหวาดกลัวของบุคลากรทางการศึกษาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาของชาติ ระบบเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า "ทั้งนี้รมว.กลาโหม ยังได้ชื่นชมการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการเตรียมการที่ดีของกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 นาวิกโยธินที่ปฏิบัติการตอบโต้กองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคที่เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการส่งผลให้ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิตรวม 16 คน โดยฝ่ายเราไม่มีความสูญเสียแต่อย่างใด ขอให้กำลังพลทุกนายจงมีความมุ่งมั่น และมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งเช่นนี้ตลอดไป พร้อมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจ กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วย"
"ขณะนี้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ต้องทำงานหนักขึ้น ตรงไหนปัญหาความรุนแรงลดลง ศอ.บต.จะเริ่มลงพื้นที่เพื่อทำงานควบคู่กับกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เหมือนเป็นการดับไฟก่อน จากนั้นค่อยพัฒนาความคิด และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งชาวบ้านมีการแจ้งเบาะแส และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ที่จ.ปัตตานี และจ.ยะลาเมื่อช่วงวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เพราะชาวบ้านไม่เห็นด้วยกับผู้ก่อเหตุที่ใช้ชาวบ้านเป็นตัวประกันในการใช้ความรุนแรง"พล.อ.อ.สุกำพล กล่าว
เมื่อถามว่า ควรให้มาเลเซียเป็นตัวกลางในการพูดคุยกับผู้ก่อความไม่สงบหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า จะทำวิธีไหน หรือมีแนวทางใหม่ในการทำให้สถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น ถือเป็นเรื่องดี รวมไปถึงการเจรจาก็เป็นแนวทางหนึ่งหากมีขึ้นมา ตนว่าดีจะได้คุยกับผู้ต่อสู้ ได้รู้ได้เห็น จะดีขึ้นมาเอง ดีกว่าไม่ได้พูดคุยกัน ส่วนวิธีการพูดคุยนั้นเป็นเรื่องรายละเอียด ส่วนจะมีคนกลางประสานหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในหลายพื้นที่อย่างกรณีของไออาร์เอ หรือในติมอร์ตะวันออกก็มีการพูดคุยกัน ดังนั้นในส่วนของไทย ถ้าจะมีการพูดคุยเจรจากันก็ไม่แปลกอะไร ส่วนกรณีที่สถานีโทรทัศน์บีบีซีของอังกฤษนำเสนอข้อมูลของครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตถึงการช่วยเหลือของภาครัฐที่เข้าไม่ถึงนั้น รมว.กลาโหมกล่าวว่า ตนขอร้องว่าอย่าไปนำเอกสาร หรือ คำสัมภาษณ์แค่คนๆ เดียวมาออกข่าวแล้วตัดสินในเรื่องทั้งหมด เพราะมันไม่ใช่ เนื่องจากที่ผ่านมาได้ดูแลและทำความเข้าใจกับครอบครัวผู้ก่อเหตุที่เสียชีวิตอยู่ตลอด
ด้านพ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม เป็นประธานในการประชุมว่า เรื่องการดูแลความปลอดภัยให้กับบุคลากรทางการศึกษาจากสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งที่ผ่านมาบุคลากรทางการศึกษาเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่มักจะถูกทำร้ายอยู่เสมอ ขอให้หน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานในพื้นที่ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการการรักษาความปลอดภัย เพื่อเป็นการป้องกันการก่อเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้นกับสถานที่ราชการ โรงเรียน และชุมชน อีกทั้งเพื่อเป็นการสร้างขวัญ กำลังใจ และลดความหวาดกลัวของบุคลากรทางการศึกษาไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาของชาติ ระบบเศรษฐกิจ สังคม ตลอดจนภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า "ทั้งนี้รมว.กลาโหม ยังได้ชื่นชมการปฏิบัติงานด้านการข่าว และการเตรียมการที่ดีของกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 32 นาวิกโยธินที่ปฏิบัติการตอบโต้กองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคที่เข้าโจมตีฐานปฏิบัติการส่งผลให้ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธเสียชีวิตรวม 16 คน โดยฝ่ายเราไม่มีความสูญเสียแต่อย่างใด ขอให้กำลังพลทุกนายจงมีความมุ่งมั่น และมีขวัญกำลังใจที่เข้มแข็งเช่นนี้ตลอดไป พร้อมทั้งเร่งชี้แจงทำความเข้าใจ กับญาติของผู้เสียชีวิตด้วย"
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น