สรุปข่าวที่น่าสนใจ
จู่โจมรัง “อาร์เคเค” ล็อก 2 โจรแกนนำตีฐานนาวิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ ร่วมกับ พ.อ.ธนิต แสงจันทร์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ พ.ท.สฐิรพงษ์ อาจหาญ ผบ.ฉก.นราธิวาส 30 นำกำลังภายใต้กฎอัยการศึกบุกตรวจค้นพื้นที่บ้านมือและ ม.1 ต.สาวอ อ.รือเสาะ เพื่อติดตามกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคกลุ่มนายรอแปอิง อุเซ็ง 1 ใน 5 กลุ่มที่หลบหนีในเหตุการณ์ดังกล่าว ระหว่างปิดล้อมบ้านเป้าหมายไม่มีเลขที่ พบชายฉรรจ์ 3 คน วิ่งสวนเข้าไปในป่ารกทึบ ส่วนอีก 2 คน หลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน จึงตะโกนให้มอบตัว คนร้ายเห็นท่าไม่ดียอมชูมือเดินออกมาโดยดี ทราบชื่อ นายไอร์สือมาล เจ๊ะหะมะ อายุ 28 ปี และนายอาลี บากา อายุ 25 ปี จากการตรวจค้นภายในบ้านอย่างละเอียดพบของกลางหลายรายการ ก่อนคุมตัวไปสอบสวนขยายผลที่ฐานปฏิบัติการ ฉก.นราธิวาส 30 ขณะเดียวกัน พ.อ.ธนิต แสงจันทร์ หน.ชุดปฏิบัติการพิเศษ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จัดกำลังออกติดตามไล่ล่าผู้ต้องสงสัยอีก 3 คน ที่หลบหนีอย่างกระชั้นชิดแล้ว เชื่อว่าหนึ่งในนั้นคือนายรอแปอิง อุเซ็งหัวหน้าชุดที่ร่วมบุกโจมตีฐานปฏิบัติการร้อยปืนเล็กที่ 2 ฉก.นราธิวาส 32
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 20/02/2013
โพลโค้งสุดท้ายพงศพัศนำทิ้งห่าง “ชายหมู”
นายนพดล กรรณิกา ผอ.สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ศึกษาเปรียบเทียบความตั้งใจจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่โค้งที่ 1 ถึงโค้งที่ 4 กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตกรุงเทพมหานครฯ จำนวน 2,498 ตัวอย่างระหว่างวันที่ 15-18 ก.พ. ที่ผ่านมา พบว่า ร้อยละ 82.1 ระบุว่า นโยบายของผู้สมัครที่นำเสนอต่อสาธารณชนเหมาะสมแล้ว และแนวโน้มประชาชนจะใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 50.6 ในโค้งที่ 3 เป็นร้อยละ 59.7 ในโค้งที่ 4 ที่น่าพิจารณาคนส่วนใหญ่ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกใคร โดยผู้ที่ตั้งใจจะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เพิ่มสูงขึ้นจากร้อยละ 43.9 ในโค้งที่ 3 เป็นร้อยละ 46.6 ในโค้งที่ 4 ขณะที่ผู้ตั้งใจที่จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ลดลงจากร้อยละ 37.6 ในโค้งที่ 3 เหลือร้อยละ 29.9 ในโค้งที่ 4 และ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จากร้อยละ 10.4 ในโค้งที่ 3 ยังคงอยู่ที่ร้อยละ 10.5 ในการสำรวจครั้งล่าสุด จะเห็นได้ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีคะแนนทิ้งห่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ออกไปอีกแบบก้าวกระโดดจาก 6 จุด ในการสำรวจครั้งที่ 3 เป็น 16.7 จุด เป็นไปได้หรือไม่ว่าการขึ้นเวทีปราศรัยด้วยถ้อยคำที่ขัดต่อบุคลิกภาพเรื่องความสุภาพ และขัดต่อความคาดหวังของประชาชนที่เคยสนับสนุน นอกจากนี้ ยิ่งมีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์จะออกยุทธศาสตร์รื้อฟื้นความทรงจำของประชาชนเรื่อง “เผาบ้านเผาเมือง” ที่เป็นภาพความขัดแย้งรุนแรงแตกแยกของคนในชาติออกมาหวังตีคะแนนนิยมผู้สมัครคนอื่นอีก น่าจะส่งผลเสียต่อผู้สมัครของพรรคได้ เพราะประชาชนส่วนใหญ่เบื่อความขัดแย้งรุนแรง แต่อยากเห็นบ้านเมืองสงบร่มเย็นมากกว่า
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันที่ 20/02/2013
อาจต้องดับไฟบางพื้นที่
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุม ครม.วานนี้ (19 ก.พ.) ถึงกรณีที่แหล่งก๊าซธรรมชาตจากพม่าจะปิดซ่อมบำรุงการทรุดตัวของแท่นขุดเจาะช่วงวันที่ 4-12 เม.ย. ว่า ที่ประชุม ครม.ได้ให้กระทรวงพลังงานไปหารือและดูแลช่วยเหลือประชาชนซึ่งรัฐบาลมีมติให้ส่วนราชการรณรงค์การประหยัดไฟฟ้าตั้งแต่วันนี้เลย พร้อมนำทุกมาตรการที่มีอยู่มาใช้เพื่อประหยัดพลังงาน ส่วนการเจรจาให้พม่าเลื่อนการซ่อมบำรุงแท่นเจาะก๊าซนั้นได้ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานไปเจรจาดูก่อนและเชื่อว่าพลังงานของไทย คงไม่ถึงขนาดช็อก ส่วนพลังงานสำรอง ช่วงที่พม่าหยุดจ่ายก๊าซ เชื่อว่ายังพอมีอยู่ แต่ถ้าเราเริ่มประหยัดตั้งแต่วันนี้ก็จะมีไฟฟ้าให้กับทุกครัวเรือนได้ ต้องช่วยกันประหยัด (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ)
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะรรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ก.พ. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเป็นห่วงถึงกรณีที่พม่าจะหยุดส่งก๊าซให้ไทย ในช่วงวันที่ 4-12 เม.ย. ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณก๊าซที่จะส่งมาไทยหายไปประมาณวันละ 1,100 ล้าน ลบ.ฟุต โดยเบื้องต้นได้เจรจาขอให้ผู้ผลิตก๊าซของพม่าเลื่อนการปิดซ่อมบำรุงออกไปประมาณ 1 สัปดาห์ ให้ตรงกับวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ของไทย แต่ผู้ผลิตก๊าซของพม่าอาจเลื่อนให้ได้แค่ 2-3 วัน เบื้องต้นจะสั่งการให้ใช้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำโรงไฟฟ้าน้ำมันเตา และโรงไฟฟ้าน้ำมันดีเซลมาผลิตไฟฟ้าทดแทนก่อน จากสถานการณ์ดังกล่าวยอมรับว่า อาจส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ในช่วงปลายปีนี้ให้สูงขึ้นได้ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการในที่ประชุม ครม.ให้ทุกหน่วยงานเตรียมประหยัดพลังงาน ทั้งไฟฟ้าและเชื้อเพลิงเพื่อชิงรางวัลจากรัฐบาล โดยให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้ตรวจสอบตัวเลขการใช้พลังงานในแต่ละหน่วยงานของทั้งปีนี้ว่า หน่วยงานใดสามารถประหยัดพลังงานได้สูงที่สุดจะได้รับถ้วยรางวัล ช่วงที่พม่าหยุดซ่อมบำรุงแหล่งยานาดา อาจจะเกิดไฟฟ้าดับบ้างในบางพื้นที่และบางช่วงเวลา แต่เชื่อว่าด้วยความร่วมมือของประชาชน ในการประหยัดพลังงานในช่วงเวลาดังกล่าว คงจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้
นายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในที่ประชุม ครม. นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงมหาดไทย ช่วยประสานทุกหน่วยงานราชการ ช่วยประหยัดไฟฟ้า โดยตั้งเป้าลดใช้ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงให้ได้ 10% หากหน่วยงานใดมีค่าใช้จ่ายพลังงานเพิ่มขึ้น 15% จะให้สำนักงบประมาณปรับลดงบประมาณในปีต่อไป นอกจากนี้ ยังขอความร่วมมือให้เปิดเครื่องปรับอากาศ และลิฟต์ ให้เป็นเวลาเท่าที่จำเป็น ขณะเดียวกัน ครม.จะทำตัวเป็นตัวอย่าง โดยจะไม่ใส่เสื้อสูทประชุม ครม. และให้หน่วยราชการปฏิบัติด้วย เพื่อจะช่วยประหยัดพลังงานมากขึ้น แต่ให้ยกเว้นกับโรงพยาบาลและท่าอากาศยาน ที่ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติ (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
ปชป.จี้ขมามาร์ค – สุเทพ “ธาริต” ตอก
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บังชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาการ ผบ.ตร. ยืนยันว่าการรวมสัญญาเพื่อให้ส่วนกลางประมูลโครงการก่อสร้างโรงพัก 396 แห่งและแฟลตตำรวจ เป็นการเสนอจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า เมื่อความจริงปรากฏอย่างนี้ อยากถามนายธาริต มีความเป็นลูกผู้ชายพอหรือไม่ที่จะเอ่ยปากขอโทษและมาขอขมานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี อดีตรองนายกรัฐมนตรี
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ไม่อยากตอบโต้และไม่มีความจำเป็น เพราะประชาชนส่วนใหญ่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ไม่ต้องพูดอะไรมากในเรื่องโรงพัก แต่อยากชี้แจงว่าโดยหลักการแล้ว ผู้ที่จะรับผิดตามกฎหมาย คือ ผู้มีอำนาจอนุมัติตัดสินใจ หมายถึงฝ่ายการเมือง ส่วนฝ่ายเสนอความเห็น หรือฝ่ายข้าราชการประจำมีหน้าที่เสนอความเห็นเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจ เพราะผู้มีอำนาจอนุมัติหรือตัดสินใจ จะส่งผลให้เกิดการปฏิบัติที่นำไปสู่ความเสียหายยังที่ปรากฎคล้ายกับคดี 99 ศพ ที่ผู้มีอำนาจออกคำสั่งต้องรับผิดชอบ
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 20/02/2013
เริ่มแล้วเกษตรมหัศจรรย์เติ้งเปิดวันนี้
นายชลิต กิติญาณทรัพย์ ผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายโฆษณา บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความพร้อมของการจัดงาน “เกษตรมหัศจรรย์ ครั้งที่ 4” ภายใต้หัวข้อ “คุณค่าพืชพันธุ์ธัญญาหาร” ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ ที่เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ ว่า ปีนี้หน่วยงานจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตรจับมือกับนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน และเส้นทางเศรษฐี ในเครือ “มติชน” จัดงานอีกครั้ง โดยงานครั้งนี้คาดว่าจะมีประชาชนผู้ที่สนใจเข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 20,000 คนต่อวัน และจะประสบความสำเร็จเหมือนทุกปีที่ผ่านมา ที่สำคัญที่สุด คือ กลุ่มบริษัทพันธมิตรต่างๆ มีความยินดีที่ได้ร่วมงานเนื่องจากเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ชัดเจน และได้เผยแพร่องค์ความรู้ของแต่ละหน่วยงาน
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์มติชน วันที่ 20/02/2013
ทหารหนุนม.21 ดับไฟใต้ได้
ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) กล่าวถึงการแต่งตั้งว่า แจ้งให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และฝ่ายความมั่นคงทราบแล้ว ไม่มีฝ่ายไหนขัดข้อง อีกทั้งนายวันมูหะมัดนอร์ นายเด่น น.ส.เพชรดาว และนายอารีเพ็ญ อุตรสินธ์ สนิทกับตน เป็นชาวมุสลิมในพื้นที่ เข้าใจมุสลิมเป็นอย่างดี จึงอยากฟังความคิดความเห็นอีกด้านหนึ่งจาก ผู้อยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่เกิดว่าคิดอย่างไรกับการปฏิบัติงาน จะเป็นการประชุมวงเล็ก เพื่อให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ และถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ จะนำเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ ส่วนใครจะโจมตีก็โจมตีไป เพราะเป็นบุคคลสาธารณะ แต่คิดว่าน่าจะมองหลายมุม อย่าคับแคบ เป็นรัฐบาลต้องบริหารประเทศชาติ ทั้งพุทธ คริสต์ พราหมณ์ อิสลาม ฮินดู ต้องถือว่าเป็นคนไทยด้วยกัน เรายังไม่เคยได้รับฟังความเห็นของเขา เมื่อมาประชุมทำงานด้วยกันแล้วลงลึกในรายละเอียด จะได้ประโยชน์มากกว่าเสียประโยชน์
พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.สส. กล่าวถึงการสนับสนุนรัฐบาลแก้ไขปัญหาภาคใต้ว่า เน้นย้ำให้ทุกเหล่าทัพทำเต็มความสามารถ ส่วนการใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง แทนพ.ร.ก.ฉุกเฉินในพื้นที่จะดีหรือไม่นั้น เรามีคณะกรรมการและผู้รับผิดชอบในการพิจารณาอยู่แล้ว ส่วนเหล่าทัพก็ทำตามหน้าที่ของตนเอง สิ่งไหนที่สนับสนุนได้ก็ทำกันไป ทุกสิ่งทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับ พื้นฐานของความสุข และความถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณี ร.ต.อ.เฉลิมแต่งตั้งกลุ่มอดีตส.ส.วาดะห์ 9 คน มาเป็นที่ปรึกษารองนายกฯ ว่า เชื่อว่ารัฐบาลพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว การเชิญบุคคลทั้ง 9 คน มาเป็นที่ปรึกษานั้น รัฐบาลอาจต้องการคนมาร่วมแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ เพื่อให้ตกตะกอนมากขึ้น ส่วนที่หนึ่งในสมาชิกกลุ่มวาดะห์เคยถูกตั้งข้อหากบฏแบ่งแยกดินแดนมาก่อน อย่าไปมองแบบนั้น เพราะการคุยกันต้องคุยกันหลายฝ่าย รัฐบาลคงคิดรอบคอบแล้ว ส่วนที่ห่วงว่าจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาในพื้นที่หรือไม่ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก เพราะเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ก็ทำงานของตนเองไป รัฐบาลน่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนได้ และเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจว่ารัฐบาลพยายามช่วยแก้ไขปัญหา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า กลุ่มวาดะห์เป็นคนในพื้นที่ คงให้ข้อมูลได้ระดับหนึ่ง แต่อยากให้ฟังความเห็นรอบด้าน ส่วนที่เกรงกันว่าจะนำการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เคยเตือนแล้วว่าอย่าเอาหน่วยงานความมั่นคงมาเล่นงานการเมือง และตอนนี้คนที่รับผิดชอบงานบางส่วนก็เล่นการเมือง หรือทำงานโดยมีเป้าหมายทางการเมืองอยู่ ถือเป็นอุปสรรคเช่นกัน พรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับการใช้มาตรา 21 ของพ.ร.บ.ความมั่นคง ที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เริ่มต้นเอาไว้ และมาหยุดชะงักตอนเปลี่ยนรัฐบาล ทำให้เกิดความถดถอย ดังนั้น หากรัฐบาลจะยึดแนวทางนี้ต้องทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง แต่ไม่ควรทำพร้อมกันทุกพื้นที่ ควรประเมินว่าพื้นที่ไหนสามารถเริ่มดำเนินการได้ และอยากให้ใช้มาตรานี้ไปสักระยะ เพื่อแสดงว่าระดับนโยบายมีความนิ่ง พร้อมกับเอาใจใส่พื้นที่อย่างจริงจัง
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 20/02/2013
ตื่นซากตัวประหลาด – คล้าย “เอเลี่ยน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 19 ก.พ. ได้รับแจ้งว่า พบซากสัตว์ประหลาด ลักษณะคล้ายไดโนเสาร์ หรือมนุษย์ต่างดาว ที่บ้านเลขที่ 49 ม.5 ต.ห้วยยางโทน อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ตรวจสอบพบนายชัยพล สว่างพื้น อายุ 30 ปี เจ้าของบ้าน กำลังนั่งดูซากสัตว์ประหลาด ลักษณะแห้ง ไม่เน่าไม่เปื่อย คล้ายมัมมี่ ตั้งแต่หัวจรดหางยาวประมาณ 15 ซ.ม. ลำตัวกว้างประมาณ 4 ซ.ม. กะโหลกยาวคล้ายวัว ลำตัวมีซี่โครงเรียงเป็นชั้นๆ มีกระดูกสันหลัง และเท้ามีหลายกีบ ซึ่งนายชัยพลได้เก็บไว้ในกล่องอย่างดี
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์ข่าวสด วันที่ 20/02/2013
ผัวโหดทารุณเมียรักค้อนตีหัวเตารีดนาบ – แทงตาซ้ำ
พ.ต.อ.คมสันต์ แตงจุ้ย ผกก.สน.ลาดกระบัง กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาได้มีปากเสียงกับ น.ส.ไก่ (นามสมมติ)อายุ 28 ปี พนักงานต้อนรับโรงแรมแห่งหนึ่งและเป็นภรรยาของตัวเอง อย่างรุนแรง ก่อนจะลงมือทำร้ายร่างกายด้วยการใช้ค้อนทุบตีที่ศีรษะและลำตัวหลายครั้ง อีกทั้งยังใช้เตารีดทาบที่ใบหน้า แล้วใช้มีดตัดกระจกหัวเพชรแทงเข้าที่ลูกตา จนทำให้ภรรยาได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุเกิดภายในบ้านเช่าในหมู่บ้านเคหะนคร 2 ซอยลาดกระบัง 36 แขวงและเขตลาดกระบัง ก่อนจะหลบหนีไป หลังเกิดเหตุญาติของน.ส.ไก่ ได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลจนต้องรักษาตัวอยู่นานเดือนเศษ ทางพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดมีนบุรี จากนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สน.ลาดกระบัง ได้ทำการสืบสวนจนกระทั่งทราบว่า เจ้าตัวหลบหนีมาพักอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าในซอยจันทน์ 2 หลังห้างสรรพสินค้าแมคโคร แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร จึงนำกำลังเข้าจับกุมเอาไว้ได้ที่บ้านเช่าหลังดังกล่าว ก่อนควบคุมตัวมาสอบปากคำ จากการสอบสวนนายชัชชัย ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเกิดเหตุตนส่งข้อความทางโทรศัพท์ไปบอกภรรยาว่า ช่วงปีใหม่แล้วให้มาหาลูกสาวบ้าง พอภรรยาเดินทางมาถึง ก็เกิดมีปากเสียงกัน และด้วยความเก็บกดที่ถูกภรรยาทิ้งไว้กับลูกแค่สองคน จึงเกิดอารมณ์ชั่ววูบลงมือทำร้ายร่างกายภรรยาไป คิดว่าภรรยาเสียชีวิตแล้ว จึงหลบหนีไปอยู่ที่บ้านน้องชายในจ.จันทบุรี และหลบหนีไปเรื่อยๆ จนที่สุดท้ายคือบ้านเช่าในซอยจันทน์ 2 หลังห้างแมคโคร จนกระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20/02/2013
ไม่เหมาะสมพระครูพายัพ
นายปรีชา กันธิยะ อธิบดีกรมการศาสนา (ศน.) กล่าวถึงการแต่งตั้ง พระพายัพ (นายพายัพ ชินวัตร) น้องชายของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็น “พระครูปลัดสัมพิพัฒน์ญาณจารย์” ว่า เมื่อฆราวาส ไปบวขพระอุปัชฌาย์ที่บวชให้จะให้ฉายา บังเอิญพระพายัพที่ไปอุปสมบท พอดีชื่อของพระพายัพมีตัวพ. จึงเข้าใจว่าฉายาของท่านเป็นเหมือนสมณศักดิ์ จริงๆแล้วไม่ใช่สมณศักดิ์ เพราะการจะได้สมณศักดิ์เป็นพระครู จะต้องมีระยะเวลาในการบวชตามกฎเถรสมาคม อย่างพระครูต้องบวช 5 ปีขึ้นไป ต้องทำงานทางด้านเผยแพร่จนเป็นที่ประจักษ์ และมีผลงานทางศาสนาและต้องเข้ามติเถรสมาคมอออกมามีการทูลเกล้า “สมณศักดิ์ของพระไม่ใช่ได้ง่ายๆ ต้องมีการปฏิบัติเหมือนกับครูบาอาจารย์ที่จะได้อาจารย์ 2 อาจารย์ 3 เหมือนกันกรณีของพระพายัพนั้น พระอุปัชฌาย์ของพระพายัพได้ตั้งฉายาให้เท่านั้น ไม่ใช่การแต่งตั้งเป็นพระฐานานุกรมแต่อย่างใด เหมือนคนทุกคนที่ไปบวชก็จะได้ฉายากันทุกคนแต่เป็นภาษาบาลี ยืนยันว่าในกรณีของพระพายัพยังไม่มีการดำเนินการตั้งสมณศักดิ์แต่อย่างใด และตำแหน่งสมณศักดิ์ไม่ได้ซื้อกันง่ายๆ”
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20/02/2013
นายกฯสั่งยธ.ตีกรอบม.21
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังประชุมการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า ได้เร่งรัดงานด้านการพัฒนาที่อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงมหาดไทย โดยการดูแลพื้นที่ต้องทำงานร่วมกับท้องถิ่นด้วย ส่วนการดูแลประชาชนก็ให้บรรจุอัตรากำลังพลอาสาสมัคร (อาสารักษาดินแดน : อส.) และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งในแต่ละพื้นที่ขอให้เร่งรัดติดตาม พร้อมสั่งย้ำในรายละเอียด ส่วนการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯนั้น ยังไม่มีการประกาศใช้ เมื่อถามว่า การนำมาตรการตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ไปใช้ในบางพื้นที่เพื่อให้ผู้ก่อเหตุรุนแรงเข้ามอบตัว จะสุ่มเสี่ยงหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือกันก่อน เรื่องนี้เป็นเหมือนกรอบโครงสร้าง แต่การจะทำอะไรอย่างไร ที่ไหน ก็ต้องอยู่ที่พื้นที่และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งการบูรณาการเรื่องข้อกฎหมายมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม ดูรายละเอียดอยู่ ซึ่งทั้งหมดต้องนำมาเสนอกลับมายังที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.)
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 20/02/2013
คุมเข้มปล่อยกู้
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ขณะนี้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดหลักเกณฑ์การให้กู้สินเชื่อบ้านอยู่แล้ว ทั้งกำหนดเพดานปล่อยกู้ตามความเสี่ยงของลูกค้า ความน่าเชื่อถือของโครงการจะปล่อยกู้ไม่เกิน 2-3 หลังต่อคน นอกจากนี้ ผู้กู้จะต้องไม่มีภาระหนี้เกิน 40% ซึ่งคนที่มีรายได้เดือนละ 2 หมื่นบาท หากซื้อรถคันแรกแล้วก็จะไม่มีความสามารถซื้อบ้าน ดังนั้น ธนาคารจะไม่ปรับเกณฑ์การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยตามข้อเสนอแนะของสมาคมที่อยู่อาศัย ที่เสนอให้เพิ่มมาตรการป้องกันฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ โดยกำหนดเงินดาวน์ขั้นต่ำเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน 5-10% เป็น 20%
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 20/02/2013
คลังเพิ่มทุน 2 แบงก์รัฐจุ๋มจิ๋มขอ 2 หมื่นล.ให้พันล้าน
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังจะเพิ่มทุนให้ธนาคารทั้งสองแห่งจำนวน 1,000 ล้านบาท หากสามารถแก้ปัญหาหนี้เสียได้คืบหน้า และมีการปล่อยสินเชื่อใหม่ที่มีคุณภาพ โดยคำนึงถึงข้อท้วงติงของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เห็นว่าทั้งสองธนาคารปล่อยกู้ให้รายใหญ่มากเกินไป ก็ให้กลับมาปล่อยกู้รายย่อยมากขึ้น
อ่านเพิ่มที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 20/02/2013
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น