จับตา"ปู"ปลดชนวน
แก้ปัญหา"ศึกใน" ระวังกลยุทธ์"ซื้อเวลา"ฝืด
วันที่ 03 กุมภาพันธ์
พ.ศ. 2556 เวลา
วิเคราะห์ การเมือง มติชน 3 ก.พ. 2556
ท่ามกลางความคึกคักของพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคได้รับคะแนนนิยมนำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
แม้ว่ายังมีผู้ไม่ตัดสินใจอยู่อีกอื้อ แต่แค่นี้ก็ทำให้ทีมหาเสียงของพรรคเพื่อไทยผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคึกคักดังกล่าว กลับปรากฏความเคลื่อนไหวภายในแนวร่วมรัฐบาลที่เริ่มสะท้อนความรู้สึกลังเลในศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เป็นความเคลื่อนไหวที่มองดูรัฐบาลด้วยสายตาที่ตั้งคำถามต่อความจริงใจในฐานะผู้ร่วมทำงานการเมืองมาด้วยกัน
ความเคลื่อนไหวที่หนึ่ง เป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในนามชื่อกลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ
เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ปลดปล่อยนักโทษการเมือง
ทั้งนี้ กลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ ได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล และยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและขจัดความขัดแย้งของนิติราษฎร์แก่รัฐบาล เมื่อปลายเดือนมกราคม โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนออกมารับข้อร้องเรียนไว้
ข้อเรียกร้องดังกล่าวได้รับการขานรับจากรัฐบาลด้วยการ ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาŽ พิจารณา
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดหลังจากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงเคยออกมาเคลื่อนไหวแล้วหลายครั้ง เพราะเห็นว่าภายหลังจากรัฐบาลผลักดันมาตรการเยียวยาแก่เหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองไปแล้ว...ทุกอย่างก็เริ่มเฉื่อย
โดยเฉพาะการช่วยให้นักโทษการเมืองที่ต้องคดีนั้น รัฐบาลยังไม่มีทีท่าอะไรในการช่วยทำให้ได้รับการปล่อยตัว
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง กำลังจะเกิดขึ้น หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งรัฐมนตรี อย่างน้อยก็ต้องแต่งตั้งแทน นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเสียชีวิตลง
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการปรับใหญ่ เพราะเพิ่งมีการปรับรัฐมนตรีมาเมื่อไม่นาน และตำแหน่งของนายชุมพลก็อยู่ในโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา
และแม้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะล่วงเข้ามาในโควตาของพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็อยากจะปรับเฉพาะจุด ไม่ต้องการปรับใหญ่
สาเหตุประการหนึ่งนั่นคือ การรับปากที่จะผลักดันให้แกนนำคนเสื้อแดงได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวทั้งสองประการสะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงให้ปรากฏ
สะท้อนภาพสถานะของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะตัดสินใจลำบาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในการบริหาร
การนิรโทษกรรมจะกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เมื่อปี 2555 ตอกย้ำให้เห็นแล้วว่าทำไม่ได้
ขณะเดียวกัน การไม่นิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองเลยก็ทำไม่ได้ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงต่างหวังว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือดำเนินการ
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ลำบากใจในการแต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเกรงกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
แต่การไม่แต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ทำให้ความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงห่างเหินขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวทั้งสองประการ ยังสะท้อนภาพวิธีการของฝ่ายบริหารในการปลดชนวน
นั่นคือ การใช้วิธีการซื้อเวลา
น่าสังเกตว่า กลยุทธ์ซื้อเวลานี้ถูกนำมาใช้อย่างเด่นชัดตั้งแต่เกิดการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการแก้ไขมาตรา 291 เปิดทางให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นคล้ายกับว่าทำไม่ได้
วิธีการจัดการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษา และตั้งทีมงานออกไปทำความเข้าใจ
ถือเป็นวิธีการซื้อเวลาวิธีหนึ่ง
น่าสังเกตว่ากลยุทธ์ซื้อเวลานี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งในการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
นั่นคือ การเลื่อนวาระการพิจารณาออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตกลงกันได้ว่า คำว่า นิรโทษกรรมŽ นั้น หมายรวมถึงการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการซื้อเวลา
เช่นเดียวกับการส่งข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ กลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ ซึ่งรัฐบาลรับเอาไว้และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อ
และเช่นเดียวกับการจำกัดการปรับคณะรัฐมนตรีให้อยู่ในวงจำกัด เพื่อให้แกนนำคนเสื้อแดงที่กำลังจ่อคิวนั่งตำแหน่งนี้รอต่อไป
ทุกประการที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลใช้กลยุทธ์ซื้อเวลา
กลยุทธ์เช่นนี้อาจกระทำได้ในช่วงแรก แต่หากยังไม่สามารถแก้ไขหรือตอบสนองความต้องการได้มากกว่าการซื้อเวลา...กลยุทธ์ที่ดำเนินการอยู่ก็มีวันฝืด
จึงต้องจับตาดูว่า ทั้งนิรโทษกรรม ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปรับคณะรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะมีกลุยทธ์อะไรในการแก้ไขปัญหา
จับตาดูกลยุทธ์แก้ไขปัญหาที่ทำได้มากกว่าการซื้อเวลา
ท่ามกลางความคึกคักของพรรคเพื่อไทยในสนามเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคได้รับคะแนนนิยมนำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์
แม้ว่ายังมีผู้ไม่ตัดสินใจอยู่อีกอื้อ แต่แค่นี้ก็ทำให้ทีมหาเสียงของพรรคเพื่อไทยผ่อนคลาย
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความคึกคักดังกล่าว กลับปรากฏความเคลื่อนไหวภายในแนวร่วมรัฐบาลที่เริ่มสะท้อนความรู้สึกลังเลในศรัทธาที่มีต่อรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เป็นความเคลื่อนไหวที่มองดูรัฐบาลด้วยสายตาที่ตั้งคำถามต่อความจริงใจในฐานะผู้ร่วมทำงานการเมืองมาด้วยกัน
ความเคลื่อนไหวที่หนึ่ง เป็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ในนามชื่อกลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ
เป็นการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้ปลดปล่อยนักโทษการเมือง
ทั้งนี้ กลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ ได้เดินทางไปทำเนียบรัฐบาล และยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยนิรโทษกรรมและขจัดความขัดแย้งของนิติราษฎร์แก่รัฐบาล เมื่อปลายเดือนมกราคม โดยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนออกมารับข้อร้องเรียนไว้
ข้อเรียกร้องดังกล่าวได้รับการขานรับจากรัฐบาลด้วยการ ส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาŽ พิจารณา
การเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดหลังจากที่ก่อนหน้านี้กลุ่มคนเสื้อแดงเคยออกมาเคลื่อนไหวแล้วหลายครั้ง เพราะเห็นว่าภายหลังจากรัฐบาลผลักดันมาตรการเยียวยาแก่เหยื่อจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมืองไปแล้ว...ทุกอย่างก็เริ่มเฉื่อย
โดยเฉพาะการช่วยให้นักโทษการเมืองที่ต้องคดีนั้น รัฐบาลยังไม่มีทีท่าอะไรในการช่วยทำให้ได้รับการปล่อยตัว
อีกความเคลื่อนไหวหนึ่ง กำลังจะเกิดขึ้น หากมีการปรับคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง
ทั้งนี้ เพราะรัฐบาลมีความจำเป็นต้องแต่งตั้งรัฐมนตรี อย่างน้อยก็ต้องแต่งตั้งแทน นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเสียชีวิตลง
การปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการปรับใหญ่ เพราะเพิ่งมีการปรับรัฐมนตรีมาเมื่อไม่นาน และตำแหน่งของนายชุมพลก็อยู่ในโควตาของพรรคชาติไทยพัฒนา
และแม้ว่าการปรับคณะรัฐมนตรีจะล่วงเข้ามาในโควตาของพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์เองก็อยากจะปรับเฉพาะจุด ไม่ต้องการปรับใหญ่
สาเหตุประการหนึ่งนั่นคือ การรับปากที่จะผลักดันให้แกนนำคนเสื้อแดงได้ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล
ความเคลื่อนไหวทั้งสองประการสะท้อนภาพความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงให้ปรากฏ
สะท้อนภาพสถานะของรัฐบาลที่อยู่ในภาวะตัดสินใจลำบาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในการบริหาร
การนิรโทษกรรมจะกระทำโดยไม่ได้รับความยินยอมจากทุกฝ่ายไม่ได้ เพราะเหตุการณ์เมื่อปี 2555 ตอกย้ำให้เห็นแล้วว่าทำไม่ได้
ขณะเดียวกัน การไม่นิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองเลยก็ทำไม่ได้ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงต่างหวังว่ารัฐบาลจะเข้ามาช่วยเหลือดำเนินการ
ขณะเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ลำบากใจในการแต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพราะเกรงกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาล
แต่การไม่แต่งตั้งแกนนำคนเสื้อแดงเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ทำให้ความรู้สึกใกล้ชิดระหว่างรัฐบาลกับคนเสื้อแดงห่างเหินขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นกัน
นอกจากนี้ ความเคลื่อนไหวทั้งสองประการ ยังสะท้อนภาพวิธีการของฝ่ายบริหารในการปลดชนวน
นั่นคือ การใช้วิธีการซื้อเวลา
น่าสังเกตว่า กลยุทธ์ซื้อเวลานี้ถูกนำมาใช้อย่างเด่นชัดตั้งแต่เกิดการต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการแก้ไขมาตรา 291 เปิดทางให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ แล้วศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นคล้ายกับว่าทำไม่ได้
วิธีการจัดการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงเป็นการตั้งคณะกรรมการศึกษา และตั้งทีมงานออกไปทำความเข้าใจ
ถือเป็นวิธีการซื้อเวลาวิธีหนึ่ง
น่าสังเกตว่ากลยุทธ์ซื้อเวลานี้ถูกนำมาใช้อีกครั้งในการเสนอร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ
นั่นคือ การเลื่อนวาระการพิจารณาออกไปเรื่อยๆ จนกว่าจะตกลงกันได้ว่า คำว่า นิรโทษกรรมŽ นั้น หมายรวมถึงการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการซื้อเวลา
เช่นเดียวกับการส่งข้อเสนอของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ใช้ชื่อ กลุ่ม แนวร่วม 29 มกราฯŽ ซึ่งรัฐบาลรับเอาไว้และส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาต่อ
และเช่นเดียวกับการจำกัดการปรับคณะรัฐมนตรีให้อยู่ในวงจำกัด เพื่อให้แกนนำคนเสื้อแดงที่กำลังจ่อคิวนั่งตำแหน่งนี้รอต่อไป
ทุกประการที่เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยและรัฐบาลใช้กลยุทธ์ซื้อเวลา
กลยุทธ์เช่นนี้อาจกระทำได้ในช่วงแรก แต่หากยังไม่สามารถแก้ไขหรือตอบสนองความต้องการได้มากกว่าการซื้อเวลา...กลยุทธ์ที่ดำเนินการอยู่ก็มีวันฝืด
จึงต้องจับตาดูว่า ทั้งนิรโทษกรรม ทั้งแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการปรับคณะรัฐมนตรี รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะมีกลุยทธ์อะไรในการแก้ไขปัญหา
จับตาดูกลยุทธ์แก้ไขปัญหาที่ทำได้มากกว่าการซื้อเวลา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น