วันเสาร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวสำคัญจาก นสพ.วันที่ 2 ก.พ.56



นายกรัฐมนตรีที่สง่างาม

นายกรัฐมนตรีที่สง่างาม : บทบรรณาธิการประจำวันที่3ก.พ.2556

              นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แสดงความไม่พอใจต่อการตีพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ นิวยอร์ก ไทม์ส ที่เสนอบทความ Out of his country, but not out of power (อยู่นอกประเทศ แต่อำนาจยังอยู่ในมือ) เขียนโดยนายโธมัส ฟูลเลอร์ เนื้อหาระบุถึงการบริหารประเทศตลอดเวลา 1 ปีครึ่งที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเข้ามาและยอมรับว่าการตัดสินใจทางการเมืองครั้งสำคัญๆ ที่มีผลต่อประชาชน 65 ล้านคน ได้ถูกสั่งการมาจากนอกประเทศ โดยอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่ได้เหยียบแผ่นดินของเขามาตั้งแต่ปี 2551

              บทความดังกล่าวยังอ้างคนของพรรคเพื่อไทยบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางไปทั่วโลกโดยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว พูดคุยกับรัฐมนตรีผ่านโทรศัพท์จำนวนนับโหล เขียนข้อความลงในสังคมออนไลน์หลายสื่อ และอ่านเอกสารที่ข้าราชการส่งให้ทางอีเมล หรืออาจพูดได้ว่าเป็นการปกครองโดยระบบสไกป์ หรือบริหารโดยผู้ส่งสารที่ทันท่วงที พร้อมทั้งขยายความโดยยืนยันคำพูดของนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงการสื่อสารกับผู้นำที่อยู่นอกประเทศว่าสามารถติดต่อเขาได้ตลอดเวลา โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ขณะนี้โลกไร้พรมแดน มันไม่เหมือนร้อยปีก่อนที่ต้องส่งโทรเลขหากัน

              การออกมาตอกย้ำถึงการทำงานที่ใกล้ชิดกับพี่ชายโดยคนระดับหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเช่นนี้ ย่อมทำให้ภาพลักษณ์ของผู้นำหญิงของไทยดูด้อยลงไปทันตา แต่ที่ทำให้ผู้นำของเราออกอาการฉุนขาดเห็นจะเป็นเนื้อหาของบทความยังบอกถึงพฤติการณ์ของนายจารุพงศ์ที่ได้หยิบโทรศัพท์ไอโฟนออกมา แล้วแสดงให้ดูหมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีหลายเบอร์ และเบอร์สำคัญจะให้แก่คนที่สำคัญเท่านั้น หากมีปัญหาอะไรก็สามารถโทรศัพท์หาได้ทันที พร้อมทั้งย้ำว่าประเทศไทยเหมือนมีนายกรัฐมนตรีสองคน คนหนึ่งอยู่ในประเทศ ส่วนอีกคนอยู่นอกประเทศ ทั้งสองคนทำงานร่วมกันอันถือเป็นความเข้มแข็ง

              แม้นายกรัฐมนตรีในประเทศจะออกมายืนยันว่าตนเองเป็นผู้นำตัวจริง สั่งงานรัฐมนตรีบริหารประเทศด้วยตัวเองและไม่เคยมีใครสไกป์มาบงการใดๆ ทั้งสิ้น แต่ก็เป็นที่รับรู้ของคนทั้งประเทศว่าการขับเคลื่อนของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ภายใต้สโลแกนทักษิณคิด เพื่อไทยทำนั้น มีความชัดเจนอยู่ในที อีกทั้งพฤติการณ์ลอยตัวเหนือปัญหาด้วยการหลบหลีกข้อซักถามของสื่อและชี้แจงต่อสภาถึงการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ยิ่งส่งผลต่อภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์อย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เกิดการเปรียบเทียบว่าเป็นผู้นำอ่านสคริปต์มีหน้าที่ตัดริบบิ้นและกล่าวสุนทรพจน์ในงานต่างๆ เท่านั้น
            
              นอกจากนี้ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกหลายเรื่องทั้งนโยบายต่างๆ นิรโทษกรรม หรือปรับคณะรัฐมนตรีแต่ละครั้ง บรรดาลิ่วล้อและส.ส.มักบินไปหารือกับนายกรัฐมนตรีตัวจริงและกลับมาสรรเสริญอวดอ้างข่มกัน การเจรจาด้านธุรกิจต่างๆ ถ้าจะได้รับคำตอบอะไรที่ชัดเจนก็ต้องวิ่งไปนอกประเทศ ขณะที่ตัวพี่ชายเองก็มักให้สัมภาษณ์ข้ามประเทศคุยโวโอ้อวดโดยไม่ไว้หน้าน้องสาว ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ยุติธรรมกับผู้นำประเทศสาวคนนี้ หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อยากยืนยันความเป็นตัวจริงเสียงจริงในการบริหารประเทศ ก็ต้องแก้ไขจุดอ่อนที่ผ่านมาโดยสร้างความเชื่อมั่นผลักดันสิ่งที่หลายฝ่ายปรามาสให้เป็นพลังเพื่อพิสูจน์ผลงานของตัวเองให้ประจักษ์ เมื่อสามารถก้าวข้ามทักษิณได้แล้ว ก็จะสามารถยืนหยัดบนหลักการนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยอย่างสง่างาม

"บิ๊กโอ๋" ปัดเกณฑ์ทหารเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. บอกแค่กระแส


ที่กระทรวงกลาโหม เมื่อเวลา 15.00 น.   วันที่ 2 กุมภาพันธ์  พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการเกณฑ์ทหารที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด แต่มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านพื้นที่กทม. กลับเข้ามาใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าว กระแสก็คือกระแส ส่วนการติดต่อเข้ามาหาเสียงในพื้นที่หน่วยทหารของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. นั้น ขณะนี้ทราบว่ายังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.รายใดติดต่อเข้ามา ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของแต่ละกองทัพ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตาม  ในส่วนการดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณหน่วยเลือกตั้งนั้น ขณะนี้ทางกทม.ยังไม่ได้มีการร้องขอเข้ามาให้ทหารช่วยดูแลแต่อย่างใด เพราะเหลือเวลาอีกตั้ง 1 เดือน 

สภาเจ้าภาพสัมมนาวิชาการ'ปราสาทพระวิหาร'


"เจริญ จรรย์โกมล"เผยรัฐสภาจะเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาวิชาการ "ปราสาทพระวิหาร"


นายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เปิดเผยว่า รัฐสภาจะเป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง "ปราสาทพระวิหาร : ทางออกของประเทศไทย ภายหลังการตีความของศาลโลก" ในวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์นี้ โดยเชิญผู้เข้าร่วมการสัมมนากว่า 600 คน ประกอบด้วย ผู้แทนหน่วยงานของรัฐ องค์กรตามรัฐธรรมนูญ คณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา สถาบันการศึกษาจากภาครัฐ เอกชน ตลอดจนสื่อมวลชน เครือข่ายภาคประชาสังคม และตัวแทนชาวบ้าน เพื่อให้รัฐสภาเป็นเวทีสร้างความสมานฉันท์ของคนในชาติและสร้างสัมพันธที่ดีระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ ยังสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนทางการเมือง อีกทั้งในปี 2556 จะมีการแถลงปิดคดีด้วยวาจาและตัดสินในปลายปี จึงอยากให้ได้รับข้อมูลและเข้าใจประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง รวมทั้งความคิดเห็นจากผู้ที่มีความรู้ มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร ปลัดกระทรวงมหาดไทย ปลัดกระทรวงต่างประเทศ
ทั้งนี้ ได้เชิญอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เช่น นายกษิต ภิรมย์ และนายนพดล ปัทมะ สมาชิกวุฒิสภา รวมถึงนักวิชาการ นักกฎหมายอิสระ ศ.สมปอง สุจริตกุล อดีตคณะทนายความฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหาร ร่วมด้วย

กต.ลั่นคดีพระวิหาร'พงศ์เทพ'พบทีมกม.5 ก.พ.56


"สุรพงษ์"เผยการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร วันที่5ก.พ."พงศ์เทพ"นำทีมกฏหมายไปลอนดอน และ"วีรชัย"หารือกระทรวงต่างประเทศ


นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯ และรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การสู้คดีปราสาทพระวิหารในส่วนของไทย ในวันที่ 5 ก.พ.นี้ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯ​ และรมว.ศึกษาธิการ จะนำทีมกฎหมาย เดินทางไปกรุงลอนดอน เพื่อพูดคุยกับทีมสู้คดี และจะทบทวนข้อประเด็นต่างๆ ที่ได้จากการรวบรวมข้อเสนอแนจากฝ่ายต่างๆ โดยจะหาข้อสรุปเพื่อให้ได้ท่าทีที่ชัดเจน
จากนั้นนายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในฐานะหัวหน้าคณะทำงาน จะนำประเด็นเหล่านั้น กลับมาหารือที่กระทรวงการต่างประเทศอีกครั้ง เพื่อเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ก่อนจะเดินทางไปแถลงชี้แจงด้วยวาจาครั้งสุดท้าย ระหว่างวันที่ 15-19 เม.ย.นี้ ซึ่งคิดว่ามีความพร้อมอย่างเต็มที่
ทั้งนี้ในวันต่อสู้คดีกระทรวงการต่างประเทศ ได้จัดทีมเจ้าหน้าที่แปลคำแถลงสู้คดีของทั้งสองฝ่าย เพื่อให้ทุกคนเข้าใจที่ถูกต้อง ยืนยันให้ความสำคัญกับการสู้คดี ยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติมาเป็นอันดับหนึ่ง นอกจากนี้ทันทีที่ศาลเริ่มให้เปิดเผยรายละเอียดของคดี ก็ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่รวบรวมข้อมูลการสู้คดี พิมพ์เป็นเอกสารแจกจ่ายกับประชาชนที่สนใจ รวมถึงลงในเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ จึงขอฝากบอกไปยังประชาชนว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เราสู้เต็มที่ รัฐบาลมั่นใจกับทีมทนายความ สนับสนุนเต็มที่ เรารักชาติเหมือนกับทุกคน

แกนนำเสื้อแดงเปิดโรงเรียนนปช.โคราช


แกนนำเสื้อแดงเปิดโรงเรียน นปช.โคราช ครั้งที่ 9 ยุทธศาสตร์ต่อสู้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รมช.คมนาคม และ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย เป็นประธานในพิธีเปิดโรงเรียนการเมืองแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช. ) แดงทั้งแผ่นดิน หลักสูตรผู้ปฏิบัติงานระดับต้น ปี 2555-2556 ครั้งที่ 9 โดยมีแกนนำ นปช. ส่วนกลาง อาทิ นางธิดา ถาวรเศรษฐ ประธาน นปช. ,พร้อม นายแพทย์เหวง โตจิราการ,นายวิสา คัญทัพ, นายนิสิต สินธุไพร ผู้อำนวยการโรงเรียน นปช. ,นายอนุวัฒน์ ทินราช ประธาน นปช.จังหวัดนครราชสีมา และ นายสมโภชน์ ประสาทไทย ผู้ประสานงานกลุ่มคนเสื้อแดงโคราช ร่วมในพิธีอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งมีกลุ่ม นปช. และ ผู้รักประชาธิปไตย จากเขต 32 อำเภอ พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 1,600 คน ร่วมลงทะเบียนเป็นนักเรียนโรงเรียน นปช. เพื่อเข้าอบรมหลักสูตรการบรรยายให้ความรู้ระยะเวลา 8 ชั่วโมง เรื่อง เครือข่ายระบอบอำมาตย์ในประเทศไทย ,การต่อสู้ของประชาชนออีสานในอดีต และการต่อสู้กับระบอบอำมาตย์ในปัจจุบัน และ นปช.กับการเมืองไทย จากนั้นจะเป็นพิธีมอบวุฒิบัตร
นางธิดา ประธานนปช. กล่าวในพิธีเปิดว่า คนเสื้อแดงต้องเดินควบคู่ไปกับพรรคเพื่อไทย เพื่อเป้าหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญ นำไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ขณะนี้มีหน่วยงาน และหลายองค์กรได้เปิดสอนหลักสูตรการเมือง แต่จะมีองค์กรใด ที่เข้าใจในระบอบประชาธิปไตย อย่างแท้จริง โรงเรียน นปช. เปิดสอนเพื่อ ให้ประชาชนมีความคิดก้าวหน้า ต้องการเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ตนการันตีได้ว่า โรงเรียน นปช. เป็นศูนย์รวมของนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
นางธิดา กล่าวว่า นปช.มีเป้าหมายเฉพาะหน้า คือยุทธศาสตร์ต่อสู้ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 และผลผลิตของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ( คมช. ) รวมทั้งกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมทั้งปวง ให้ยุติรัฐประหารทุกรูปแบบ ส่วนแนวทางระยะยาว ที่เคลื่อนไหวโค่นล้มระบอบอำมาตยาธิปไตย กลุ่ม นปช. จะประสานการต่อสู้ของประชาชน เข้ากับการต่อสู้ของการเมืองในระบบ จากนั้นยึดกุมมวลชนพื้นฐาน ช่วงชิงชนชั้นกลาง ชนชั้นสูง และผู้รักประชาธิปไตย รักความเป็นธรรมในวงการต่างๆ และ จัดตั้ง ยกระดับ เคลื่อนไหวมวลชน ในเขตชนบท เขตเมือง ในสังคมอินเตอร์เน็ต ทั่วโลก
ด้านนายประเสริฐกล่าวว่า นับเป็นนิมิตรหมายที่ดี นปช.โคราช สามารถเปิดโรงเรียน นปช.ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้ตามคำเรียกร้องและแนวคิดจากแกนนำ รวมทั้งจากกลุ่มพี่น้อง เสื้อแดง ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี 2556 ต่อจาก โรงเรียน นปช.ที่ อำเภอสิชล นครศรีธรรมราช โดยก่อนหน้านี้ ในปี 2555 นปช.ส่วนกลาง ได้เปิด โรงเรียน นปช. 7 แห่ง จึงมีการหารือมาตลอด จนกระทั่งผลักดันเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นการตีเสาเข็ม ในพื้นที่ 32 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา จากนั้น นปช.จะรวมกันเป็นปึกแผ่น ก่อสร้าง หลังคา ห้องต่างๆ ให้เป็นบ้าน ของพวกเราได้พักอาศัย และ เป็นศูนย์รวมช่วยเหลือให้รัฐบาล ขับเคลื่อนสร้างระบอบประชาธิปไตย ในบังเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม

ลูก"สมยศ" นำขบวนแดงร่วมพาเหรดงานบอล"ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ"






ที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งมีการจัดงานฟุตบอลประเพณี "ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ " ครั้งที่ 69 นั้น  เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 2 กุมภาพันธ์  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า   ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดง นำโดยนายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข ลูกชายนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข  แกนนำแนวร่วมคนเสื้อแดงกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตยและอดีตบรรณาธิการหนังสือวอยซ์ ออฟ ทักษิณ จำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112     ได้สวมชุดดำ ใส่หน้ากาก พร้อมชูป้าย "เสียดายสมยศไม่ได้ไปงานบอลฯ" เดินขนาบข้างขบวนพาเหรดงานบอลประเพณี   พร้อมมีการตั้งคำถามไปยังนักศึกษาว่า   "ทำไมไม่สนใจ"


อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่งานฟุตบอลประเพณี ธรรมศาสตร์-จุฬาฯ   ได้กั้นเชือก กันกลุ่มเสื้อแดงของนายปณิธาน ออกจากขบวนนักศึกษาในทันที โดยไม่ได้มีเหตุวุ่นวายใดๆ เกิดขึ้น
“จตุพร” ลั่นต้องออก พ.ร.ก.นิรโทษสมุนที่ถูกขังทันที หลังกฤษฎีกาศึกษาเสร็จ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์2 กุมภาพันธ์ 2556 15:02 น.
“จตุพร” ห้าว ประกาศรัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ให้ผู้ที่ถูกคุมขังจากการชุมนุมในทันที หลังกฤษฎีกาศึกษาข้อกฎหมายตามคำสั่ง “ปู” ยันจะไม่นิรโทษกรรมให้แกนนำทุกคน 
       

       
       นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุถึงการออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมต้องให้กฤษฎีกาศึกษาและต้องรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายก่อนนั้น ตนเห็นว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในมุมของ นปช.คิดว่าผู้ที่สูญเสียอิสรภาพสิ่งที่สำคัญที่สุดคือเรื่องเวลา เพราะเราเองผ่านการคุมขังมาหากยิ่งเนิ่นนานเท่าไหร่ ยิ่งทำร้ายจิตใจ โดยเฉพาะในส่วนของประชาชน ซึ่ง 3 แนวทาง คือ การออก พ.ร.บ., พ.ร.ก. หรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการสรุป
       
       นายจตุพรกล่าวว่า แนวทางหลังจากที่กฤษฎีกาศึกษาแล้วทำได้ทันที คือ การออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม เพราะเป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร และในอดีตที่ผ่านมาการใช้ พ.ร.ก.นิรโทษกรรมก็เป็นโทษประหารชีวิต และกบฏเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงกรณีนี้ที่จะนิรโทษกรรมเฉพาะประชาชนไม่เกี่ยวกับแกนนำ ดังนั้น วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องหยุดบิดเบือน เพราะจะไม่มีการนิรโทษกรรมให้แกนนำแม้แต่คนเดียว จะเป็นส่วนของประชาชนทุกสีเสื้อ
       
       ส่วนกรอบเวลาที่ควรออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมควรนานแค่ไหนนั้น นายจตุพรกล่าวว่า ตนคิดว่าหลังกฤษฎีได้พิจารณา เพราะไม่ได้ซับซ้อนอะไร เราเห็นว่า ถ้าเป็น พ.ร.ก.สามารถจะทำได้ ปัญหามีนิดเดียวคือรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 ที่ระบุถึงความหมายของเร่งด่วนคืออะไร การที่ประชาชนถูกคุมขังมา 3 ปี อย่างนี้ยังเร่งด่วนไม่พอที่จะปล่อยเขาอีกหรือ
       
       “ผมคิดว่าจากนี้ควรให้กฤษฎีกาดูว่า พ.ร.ก.นี้ต่างจากอดีตอย่างไร เมื่อดูรอบคอบแล้ว ถ้าเหมือนกันแล้วเห็นว่าเป็นอำนาจฝ่ายบริหารที่จะทำได้ ก็เป็นเรื่องข้อกฎหมาย เชื่อว่าการนิรโทษกรรมให้กับทุกฝ่ายในส่วนของประชาชนไม่ควรจะมีใครมาขัดข้อง ผมไม่ทราบว่าเหตุการณ์วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เราเห็นประชาชนที่มาร่วมการต่อสู้ ต่างต่อสู้ในความเชื่อของตัวเอง ดังนั้นได้เวลาหรือยังที่จะมาปลดปล่อยประชาชนของตัวเองรวมถึงเรื่องคดีความ”
       
       ผู้สื่อข่าวถามว่าจะปล่อยให้เวลาเลยไปถึงรัฐบาลชุดหน้าหรือไม่ นายจตุพรกล่าวสวนทันทีว่า ก็ลองไปติดคุกดูบ้าง เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะพิจารณาเรื่องนี้ด้วยความเข้าใจ เพราะประชาชนไม่ควรจะมาเจอชะตากรรมอย่างนี้

นายกฯ มีกำหนดการเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ

วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 17:40:35 น.


นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีสำคัญ มีกำหนดการเดินทางเยือนกรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดาแห่งกัมพูชา ในวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2556

นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีสำคัญ ได้แก่ นายสุรพงษ์  โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายพงศ์เทพ  เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นางสาวศันสนีย์  นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พลเอกสุกำพล  สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายบุญทรง  เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดออกเดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร บน 6 เวลา 07.45 น.และเมื่อเดินทางถึงนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา และเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ก่อนจะเข้าร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ พระวรราชบิดาแห่งกัมพูชา ในช่วงบ่าย โดยมีกำหนดการเดินทางกลับถึงประเทศไทย เวลา 20.00 น.
ทั้งนี้ งานพระราชพิธีฯ มีคณะผู้แทนของประเทศต่างๆเข้าร่วมด้วย เช่น นาย Nguyen Tan Dung นายกรัฐมนตรีเวียดนาม นายทองสิงห์ ทำมะวง นายกรัฐมนตรีลาว นาย Jeomar C Binay รองประธานาธิบดีฟิลิปินส์ รวมทั้งผู้แทนจากบรูไน เมียนมาร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ญี่ปุ่น และจีน

สนับสนุนการเงิน"ก่อการร้าย" โทษหนัก จำคุกสูงสุด 10 ปี บริษัทร่วมโดน2ล้าน กม.บังคับใช้แล้ว

วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 15:19:20 น.


มติชนออนไลน์ รายงาน เมื่อวันที่ 2  ก.พ. 2556  พระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย พ..  2556 ได้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย


เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่ปัจจุบันความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายได้ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ถึงแม้ประเทศไทยจะมีการกำหนดความผิดฐานก่อการร้ายไว้ในประมวลกฎหมายอาญา และกำหนดให้เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินแล้วก็ตาม แต่ยังคงไม่มีมาตรการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการเข้าถึงเงินทุนของผู้ก่อการร้าย

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการในการป้องกัน และปราบปรามเรื่องดังกล่าว โดยให้มีการจัดทำรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด การระงับการดำเนินการกับทรัพย์สิน ของผู้มีชื่ออยู่ในรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด การกำหนดให้ผู้มีหน้าที่รายงานการทำธุรกรรมตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินระงับการดำเนินการกับทรัพย์สินของผู้มีชื่ออยู่ในรายชื่อบุคคลที่ถูกกำหนด การกำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินให้สอดคล้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวข้างต้น ตลอดจนการกำหนดโทษ

สำหรับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานสากลในการร่วมมือกันเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำใดที่เป็นการก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงการสนับสนุนทางการเงิน ทรัพย์สิน หรือกรณีอื่นใดที่มีวัตถุประสงค์จะนำไปใช้ในการก่อการร้าย จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้


ทั้งนี้ บทลงโทษ มาตรา 16 ระบุว่า

มาตรา 16  ผู้ใดจัดหา รวบรวม หรือดำเนินการทางการเงินหรือทรัพย์สินหรือดำเนินการ ด้วยประการใด ๆ โดยรู้อยู่แล้วว่าผู้ได้รับประโยชน์ทางการเงินหรือทรัพย์สินหรือจากการดำเนินการนั้น เป็นบุคคลที่ถูกกำหนด หรือโดยเจตนาให้เงินหรือทรัพย์สินหรือการดำเนินการนั้นถูกนำไปใช้เพื่อสนับสนุน

การดำเนินกิจกรรมใด ๆ ของบุคคลที่ถูกกำหนดหรือของบุคคลหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ผู้ใดเป็นผู้ใช้หรือผู้สนับสนุน หรือสมคบกันในการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในการกระทำความผิดนั้น

ผู้ใดพยายามกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง ผู้นั้นต้องระวางโทษสองในสามส่วนของโทษที่ได้กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น

นิติบุคคลใดกระทำความผิดตามวรรคหนึ่ง วรรคสอง หรือวรรคสามต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงสองล้านบาท

ในกรณีที่การกระทำความผิดของนิติบุคคลตามวรรคสี่เกิดจากการสั่งการหรือการกระทำของบุคคลใด หรือไม่สั่งการ หรือไม่กระทำการอันเป็นหน้าที่ที่ต้องกระทำของกรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งมี อำนาจตามกฎหมายในการดำเนินงานของนิติบุคคลนั้น บุคคลดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สองปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สี่หมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ให้ความผิดตามมาตรานี้ เป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

"พงศ์เทพ" เตรียมหารือทีมกฎหมายอังกฤษ สู้คดีเขาพระวิหาร

วันที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 16:40:36 น.


ที่โรงเรียนหอวัง เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) เปิดเผยถึงกรณีการเดินทางไปประเทศอังกฤษ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อประชุมกับที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างประเทศ เพื่อต่อสู้คดีปราสาทเขาพระวิหารว่า ทีมนักกฎหมายไทยจะหารือกับทีมที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างประเทศ เกี่ยวกับการแถลงด้วยวาจาต่อคณะตุลาการของศาลโลกที่จะมีขึ้นในเดือน เมษายนนี้ โดยระยะเวลาในการแถลงมีจำกัด ดังนั้นทีมกฎหมายจึงต้องหารือกันว่าจะนำเสนอประเด็นใดบ้างเพื่อให้คณะตุลาการรับทราบ เพราะเอกสารที่ส่งไปให้นั้นมีจำนวนมาก จึงต้องเลือกนำเสนอประเด็นสำคัญๆ ทั้งต้องเตรียมตัวว่าประเทศกัมพูชาจะนำเสนอประเด็นใด เพื่อที่เราจะได้เตรียมตอบด้วยวาจากลับไป อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนไทยมั่นใจว่า รัฐบาลไทย ซึ่งคณะทำงานประกอบด้วยข้าราชการไทย ทีมที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างประเทศ เป็นผู้ที่มีประสบการณ์สูง มีความตั้งใจและจะทำคดีนี้ให้ดีที่สุด




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น