|
|
โฆษก ทบ.
แถลงข่าวผลการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง เผย “ประยุทธ์”
สั่งบันทึกประวัติสิทธิกำลังพลและครอบครัว จัดแข่งขันหน่วยทหารทรหด
เตรียมพร้อมใช้พื้นที่ ทภ.3 ฝึกคอบร้าโกล์ด 11-22 ก.พ. สั่งทหารจับตาชายแดนพระวิหารใกล้ชิด ห่วงข้อมูล
กต.-ภาคประชาชนไม่ตรงกัน ขณะเดียวกันสั่งหน่วยทหารเร่งแก้ภัยพิบัติอย่างยั่งยืนไฟเขียวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ดีเบตในหน่วยทหาร
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยดูแลงานด้านกำลังพล โดยเฉพาะเรื่องสิทธิกำลังพลและครอบครัว เนื่องจากกำลังพลในกองทัพบกต้องพร้อมที่จะสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จึงต้องมีการบันทึกประวัติให้ครบถ้วน รวมถึงสิทธิกำลังพลในระหว่างและหลังปฏิบัติหน้าที่จะต้องได้รับครบถ้วนและรวดเร็ว เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่กำลังพลและครอบครัว สำหรับกำลังพลของกองทัพบกที่ปลดประจำการจากสาเหตุต่างๆ หากประสบปัญหาความล่าช้าในการขอรับสิทธิ์หรือมีข้อขัดข้องใดๆในเรื่องดังกล่าวให้ติดต่อหน่วยต้นสังกัดเดิมทันที
พ.ท.วันชนะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เพื่อให้การฝึกของกองทัพบกมุ่งไปสู่ผลสัมฤทธิ์ตามนโยบาย และให้กำลังพลมีความตื่นตัวในการฝึกในทุกระดับ จึงมีการจัดการแข่งขันและมอบรางวัลให้กับการฝึกของกองทัพบกในทุกประเภท เช่น การแข่งขันหน่วย หมู่ ตอน หมวด ของเหล่าทหารราบ และเหล่าทหารม้า การแข่งขันหน่วยทหารขนาดเล็ก การแข่งขันการสวนสนามในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล การแข่งขันหน่วยทหารทรหดให้หน่วยทหารทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่มุ่งสู่การเป็นหน่วยทหารสามมิติ คือมิติที่ 1 การปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน มิติที่ 2 การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และมิติที่ 3 การช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ในส่วนของการเตรียมความพร้อมการฝึกคอบร้าโกล์ด 13 ระหว่าง 11 – 22 ก.พ.นี้ ทางกองทัพบกได้ใช้พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 3 เป็นพื้นที่การฝึก ส่วนการบริหารจัดการคลังสิ่งอุปกรณ์ รวมถึงการควบคุมกระสุนและวัตถุระเบิดให้มีความปลอดภัยเรียบร้อยและทันสมัย
นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ความคืบหน้ากรณีประสาทเขาพระวิหาร และให้ทุกหน่วยปฎิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหมที่ผ่านมา โดยผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า พื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่ที่มีเขตแดนชัดเจนอยู่แล้ว ขอให้รักษาเขตแดนนั้น แต่ส่วนไหนที่ยังไม่ชัดเจน ขอให้รอฟังผลการตัดสินจากศาลโลกเสียก่อน ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องปราสาทพระวิหารนั้น เราทำในส่วนของกองทัพบกที่เป็นกลไกของรัฐบาลโดยให้ติดตามในเรื่องคำถาม-ตอบ 50 ข้อของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเน้นย้ำว่า หากมีข้อขัดข้องหรือมีคำตอบใดไม่ตรงกัน ขอให้เอาข้อมูลจากหลายส่วนมารวมกัน และสรุปว่า คำตอบที่ไม่ตรงกันเพราะอะไร รวมถึงการทำความเข้าใจกับประชาชน ทั้งนี้ที่ผ่านมาผบ.ทบ.เป็นห่วงเรื่องนี้ตลอดเวลาและเน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่เสมอ
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า ผบ.ทบ.ได้กำชับให้ทุกหน่วยบูรณาการ การแก้ปัญหาภัยพิบัติอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้กองทัพบกดำเนินการใน 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก เป็นการนำเสนอข้อมูล หรือองค์ความรู้ที่หน่วยได้รับจากประสบการณ์ที่ออกในการช่วยเหลือประชาชนในภัยพิบัติต่างๆ ไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาจัดทำเป็นแผนงานโครงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ส่วนลักษณะที่สองคือกองทัพบกสนับสนุนหน่วยทหารช่างในการก่อสร้าง หรือพัฒนาแหล่งน้ำ ตามที่รัฐบาลมอบหมายหรือตามที่ส่วนราชการต่างๆขอรับการสนับสนุน ล่าสุดในปี 2556 กองทัพบกได้รับมอบหมายให้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีงบประมาณ 770 ล้านบาท ซึ่งผบ.ทบ.ได้ให้ความสำคัญ โดยให้ทุกหน่วยยึดความโปร่งใส ได้มาตรฐานไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำเป็นโครงการย่อย 162โครงการ ครอบคลุม 39 จังหวัด และประชาชนจะได้รับประโยชน์ 837 หมู่บ้าน จำนวน 5,405,000 คน และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับประโยชน์ 2,640,000 ไร่เศษ โดยขณะนี้หน่วยทหารช่างจากกรมการทหารช่าง กองทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นหน่วยดำเนินการระหว่างเดือน ม.ค.– มิ.ย. และจะมีพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.นี้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหม ในเรื่องการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน เพื่อดูแล ควบคุม และออกช่วยเหลือประชาชนเมื่อมีปัญหาไฟป่าและหมอกควันโดยทันทีด้วย
ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยปฎิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ยังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนใดมายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อขอใช้พื้นที่ของกองทัพบกในการหาเสียง อย่างไรก็ตามทางหน่วยทหารของกองทัพบกยินดีเปิดโอกาสให้ผู้สมัครผู้ว่าฯเข้าไปชี้แจ้งนโยบายเป็นส่วนรวมอยู่แล้ว โดยสามารถติดต่อกับหน่วยทหารโดยตรง ซึ่งหน่วยทหารจะประสานกับผู้สมัครท่านอื่น เพื่อจัดสถานที่และเวลาที่เหมาะสมในการให้เข้าไปนโยบาย โดย ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยให้การสนับสนุนในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และการให้กำลังพลไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเต็มที่
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเวลา 15.30 น. พ.ท.วันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพบก แถลงภายหลังการประชุมผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานว่า ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำให้ผู้บังคับหน่วยทุกหน่วยดูแลงานด้านกำลังพล โดยเฉพาะเรื่องสิทธิกำลังพลและครอบครัว เนื่องจากกำลังพลในกองทัพบกต้องพร้อมที่จะสละเลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ จึงต้องมีการบันทึกประวัติให้ครบถ้วน รวมถึงสิทธิกำลังพลในระหว่างและหลังปฏิบัติหน้าที่จะต้องได้รับครบถ้วนและรวดเร็ว เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจที่ดีแก่กำลังพลและครอบครัว สำหรับกำลังพลของกองทัพบกที่ปลดประจำการจากสาเหตุต่างๆ หากประสบปัญหาความล่าช้าในการขอรับสิทธิ์หรือมีข้อขัดข้องใดๆในเรื่องดังกล่าวให้ติดต่อหน่วยต้นสังกัดเดิมทันที
พ.ท.วันชนะ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้เพื่อให้การฝึกของกองทัพบกมุ่งไปสู่ผลสัมฤทธิ์ตามนโยบาย และให้กำลังพลมีความตื่นตัวในการฝึกในทุกระดับ จึงมีการจัดการแข่งขันและมอบรางวัลให้กับการฝึกของกองทัพบกในทุกประเภท เช่น การแข่งขันหน่วย หมู่ ตอน หมวด ของเหล่าทหารราบ และเหล่าทหารม้า การแข่งขันหน่วยทหารขนาดเล็ก การแข่งขันการสวนสนามในพิธีกระทำสัตย์ปฏิญาณตนต่อธงชัยเฉลิมพล การแข่งขันหน่วยทหารทรหดให้หน่วยทหารทุกหน่วยปฏิบัติหน้าที่มุ่งสู่การเป็นหน่วยทหารสามมิติ คือมิติที่ 1 การปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดน มิติที่ 2 การรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ และมิติที่ 3 การช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ในส่วนของการเตรียมความพร้อมการฝึกคอบร้าโกล์ด 13 ระหว่าง 11 – 22 ก.พ.นี้ ทางกองทัพบกได้ใช้พื้นที่ของกองทัพภาคที่ 3 เป็นพื้นที่การฝึก ส่วนการบริหารจัดการคลังสิ่งอุปกรณ์ รวมถึงการควบคุมกระสุนและวัตถุระเบิดให้มีความปลอดภัยเรียบร้อยและทันสมัย
นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ได้สั่งการให้ทุกหน่วยติดตามสถานการณ์ความคืบหน้ากรณีประสาทเขาพระวิหาร และให้ทุกหน่วยปฎิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหมที่ผ่านมา โดยผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า พื้นที่ใดที่เป็นพื้นที่ที่มีเขตแดนชัดเจนอยู่แล้ว ขอให้รักษาเขตแดนนั้น แต่ส่วนไหนที่ยังไม่ชัดเจน ขอให้รอฟังผลการตัดสินจากศาลโลกเสียก่อน ส่วนการทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องปราสาทพระวิหารนั้น เราทำในส่วนของกองทัพบกที่เป็นกลไกของรัฐบาลโดยให้ติดตามในเรื่องคำถาม-ตอบ 50 ข้อของกระทรวงการต่างประเทศ โดยเน้นย้ำว่า หากมีข้อขัดข้องหรือมีคำตอบใดไม่ตรงกัน ขอให้เอาข้อมูลจากหลายส่วนมารวมกัน และสรุปว่า คำตอบที่ไม่ตรงกันเพราะอะไร รวมถึงการทำความเข้าใจกับประชาชน ทั้งนี้ที่ผ่านมาผบ.ทบ.เป็นห่วงเรื่องนี้ตลอดเวลาและเน้นย้ำเรื่องการปฏิบัติหน้าที่เสมอ
ด้าน พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก แถลงว่า ผบ.ทบ.ได้กำชับให้ทุกหน่วยบูรณาการ การแก้ปัญหาภัยพิบัติอย่างยั่งยืน โดยขณะนี้กองทัพบกดำเนินการใน 2 ลักษณะคือ ลักษณะแรก เป็นการนำเสนอข้อมูล หรือองค์ความรู้ที่หน่วยได้รับจากประสบการณ์ที่ออกในการช่วยเหลือประชาชนในภัยพิบัติต่างๆ ไปยังส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาจัดทำเป็นแผนงานโครงการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืน ส่วนลักษณะที่สองคือกองทัพบกสนับสนุนหน่วยทหารช่างในการก่อสร้าง หรือพัฒนาแหล่งน้ำ ตามที่รัฐบาลมอบหมายหรือตามที่ส่วนราชการต่างๆขอรับการสนับสนุน ล่าสุดในปี 2556 กองทัพบกได้รับมอบหมายให้ดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาแหล่งน้ำตามนโยบายของรัฐบาล โดยมีงบประมาณ 770 ล้านบาท ซึ่งผบ.ทบ.ได้ให้ความสำคัญ โดยให้ทุกหน่วยยึดความโปร่งใส ได้มาตรฐานไม่ซ้ำซ้อนกับส่วนราชการอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ได้จัดทำเป็นโครงการย่อย 162โครงการ ครอบคลุม 39 จังหวัด และประชาชนจะได้รับประโยชน์ 837 หมู่บ้าน จำนวน 5,405,000 คน และพื้นที่ทางการเกษตรได้รับประโยชน์ 2,640,000 ไร่เศษ โดยขณะนี้หน่วยทหารช่างจากกรมการทหารช่าง กองทัพภาคที่ 1, 2, 3 และ 4 เป็นหน่วยดำเนินการระหว่างเดือน ม.ค.– มิ.ย. และจะมีพิธีเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ.นี้
พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ผบ.ทบ. ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหม ในเรื่องการช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการป้องกันไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือ ขณะนี้กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน เพื่อดูแล ควบคุม และออกช่วยเหลือประชาชนเมื่อมีปัญหาไฟป่าและหมอกควันโดยทันทีด้วย
ขณะเดียวกัน ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยปฎิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ผ่านมา ทั้งนี้ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยขณะนี้ยังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนใดมายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ เพื่อขอใช้พื้นที่ของกองทัพบกในการหาเสียง อย่างไรก็ตามทางหน่วยทหารของกองทัพบกยินดีเปิดโอกาสให้ผู้สมัครผู้ว่าฯเข้าไปชี้แจ้งนโยบายเป็นส่วนรวมอยู่แล้ว โดยสามารถติดต่อกับหน่วยทหารโดยตรง ซึ่งหน่วยทหารจะประสานกับผู้สมัครท่านอื่น เพื่อจัดสถานที่และเวลาที่เหมาะสมในการให้เข้าไปนโยบาย โดย ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยให้การสนับสนุนในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และการให้กำลังพลไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเต็มที่
ทบ.ไฟเขียวผู้สมัครผู้ว่าฯดีเบตในค่ายทหาร
ทบ.ไฟเขียวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ดีเบตในหน่วยทหาร
เผยยังไม่มีใครยื่นเรื่องขอหาเสียง
พ.อ.หญิงศิริจันทร์
งาทอง รองโฆษกกองทัพบกแถลงผลการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก
ประจำเดือนกุมภาพันธ์ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ผู้บัญชาการทหารบกเป็นประธานในการประชุมว่า
ผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยปฎิบัติตามผลการประชุมสภากลาโหมครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
โดยขณะนี้ยังไม่มีผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนใดมายื่นหนังสืออย่างเป็นทางการ
เพื่อขอใช้พื้นที่ของกองทัพบกในการหาเสียง
อย่างไรก็ตามทางหน่วยทหารของกองทัพบกยินดีเปิดโอกาสให้ผู้สมัครผู้ว่าฯเข้าไปชี้แจ้งนโยบายเป็นส่วนรวมอยู่แล้ว
โดยสามารถติดต่อกับหน่วยทหารโดยตรง
ซึ่งหน่วยทหารจะประสานกับผู้สมัครท่านอื่น
เพื่อจัดสถานที่และเวลาที่เหมาะสมในการให้เข้าไปนโยบาย
โดยผบ.ทบ.สั่งการให้ทุกหน่วยให้การสนับสนุนในทุกๆเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.
และการให้กำลังพลไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งอย่างเต็มที่
|
|
มทภ.1 ต้อนรับ
ผบ.กกล.ญี่ปุ่นชมงานช่วยเหลือสาธารณภัย ทบ.
เผยสนใจรถครัวสนาม-ผลิตประปาเคลื่อนที่-รถสายพานบรองโก้ ระหว่างนำมาสาธิต
ชื่นชมการเตรียมความพร้อม เผยภัยธรรมชาติไม่มีใครคาดเดาได้ ด้าน มทภ.1 เผย ผบ.ทบ.อนุมัติปรับปรุงหน่วยให้ทันสมัย อีกทั้งกระชับความสัมพันธ์ทางทหารไทย-ญี่ปุ่น
พร้อมฝึกเอชเอดีอาร์ในการฝึกร่วมผสมฯ
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เป็นผู้แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ พล.อ.เอจิ คิมิซูกะ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่นและคณะ ในการเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการการดำเนินงานในการกำลังช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัยของกองทัพบก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบภารกิจ และการจัดกำลังของหน่วยทหารระดับกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 1 ในการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติและชมการสาธิตการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติที่ผ่านมา โดยได้ชมการสาธิตการจัดเตรียมกำลังของกองร้อยบรรเทาสาธารณภัยระดับกองทัพบกจากกรมการทหารช่างและระดับกองทัพภาคของกองพลพัฒนาที่ 1 พร้อมทั้งสาธิตการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัยของกองร้อยช่วยเหลือประชาชนของ ร.11 รอ. ซึ่งถือเป็นแผนการศึกษาหาความรู้จากกองทัพอื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะในเรื่องของภัยพิบัติ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเกิดความสงสัยว่าทางไทยมีกำลังทหารเข้าไปทำงานร่วมกับงานกิจการพลเรือนได้อย่างไร ซึ่งทางญี่ปุ่นเองได้มีการพัฒนาแผนรองรับสถานการณ์ตามแบบอย่างของไทยและได้นำไปใช้ในช่วงทีหากเกิดเหตุสึนามิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเทศญี่ปุ่นถือเป็นกองกำลังป้องกันตนเอง ที่รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นระบุว่าการนำกำลังออกมาปฏิบัติหน้าที่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลฯ ขณะที่รัฐธรรมนูญไทยได้ระบุไว้ว่า นอกจากกองทัพจะมีภารกิจในการป้องกันประเทศแล้ว ยังมีหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้น การเตรียมกำลังของ ทบ.ไทยจึงมีทั้งการจัดหน่วยกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย และ การปรับกำลังกองร้อยป้องกันชายแดน มาปฏิบัติภารกิจในการบรรเทาสาธารณภัยได้โดยภารกิจหน้าที่ตามกฎหมาน กระนั้น ผบ.กกล.ป้องกันตนเองยังได้ให้ความสนใจรถครัวสนาม รถผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ รถสายพานลำเลียงสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก บรองโก้ เพื่อเข้าไปช่วยประชาชนในพื้นที่เกิดอุทกภัยที่นำมาแสดงระหว่างการสาธิตด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.เอจิกล่าวว่า ขอขอบคุณกำลังพลทุกนายที่มาร่วมกันสาธิตการซ้อมบรรเทาสาธารณะภัยในวันนี้ ขอชื่นชมเป็นอย่างมากในเรื่องการเตรียมความพร้อม เพราะการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ซึ่งเราจะได้ช่วยและระงับเหตุสาธารณภัยได้อย่างทันท่วมที อย่างไรก็ตาม กองทัพบกในทุกประเทศจะได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวและสามารถปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราได้เห็นว่าหน่วยของท่านมีความสำคัญในการป้องกันเมืองหลวงประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปตนหวังว่ากำลังของไทยจะฝึกซ้อมภารกิจบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงประชาชนชนคนไทยทุกคน และคาดหวังว่าในอนาคตกองทัพไทยและญี่ปุ่นจะมีความร่วมมือมากขึ้นระหว่างกองทัพบกสองประเทศที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติเหมือนกัน
ด้าน พล.ท.ไพบูลย์กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมสาธิตวันนี้ สืบเนื่องจากที่ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน ซึ่งเครื่องมือยุทโธปกรณ์ในการบรรเทาสาธารณภัยวันนี้ของไทยมีแล้วแต่ทางญี่ปุ่นยังไม่มี จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เรามีอยู่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจะต้องพัฒนาเพื่อรองรับภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะหนักและมากขึ้น ที่สำคัญเราต้องเข้าสู่อาเซียนบวกสาม ความร่วมมือด้านความมั่นคงคงก็ต้องมากตามไปด้วย ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ได้อนุมัติให้มีการปรับปรุงให้การจัดหน่วยในเรื่องนี้ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยขึ้น มีการจัดตั้งกองร้อยสามมิติ ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 โดยมีการปรับจากกองร้อยป้องกันชายแดน เป็นกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย โดยให้พิจารณาว่าจะประสานกับหน่วยงานใดได้บ้าง เชื่อมั่นว่าการเตรียมพร้อมเหล่านี้จะรองรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ นอกจากนั้น ไทยและญี่ปุ่นยังจะมีความร่วมมือในการฝึกศึกษา การฝึกบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (เอชเอดีอาร์) ในการฝึกร่วมผสมฯ
วันนี้ (1 ก.พ.) ที่กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (ร.11 รอ.) บางเขน พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เป็นผู้แทน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้การต้อนรับ พล.อ.เอจิ คิมิซูกะ ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่นและคณะ ในการเดินทางมาเยี่ยมชมกิจการการดำเนินงานในการกำลังช่วยเหลือบรรเทาสาธารณะภัยของกองทัพบก ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรับทราบภารกิจ และการจัดกำลังของหน่วยทหารระดับกองทัพบก และกองทัพภาคที่ 1 ในการปฏิบัติภารกิจการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติและชมการสาธิตการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติที่ผ่านมา โดยได้ชมการสาธิตการจัดเตรียมกำลังของกองร้อยบรรเทาสาธารณภัยระดับกองทัพบกจากกรมการทหารช่างและระดับกองทัพภาคของกองพลพัฒนาที่ 1 พร้อมทั้งสาธิตการปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุอัคคีภัยของกองร้อยช่วยเหลือประชาชนของ ร.11 รอ. ซึ่งถือเป็นแผนการศึกษาหาความรู้จากกองทัพอื่นๆ ในอาเซียน โดยเฉพาะในเรื่องของภัยพิบัติ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเกิดความสงสัยว่าทางไทยมีกำลังทหารเข้าไปทำงานร่วมกับงานกิจการพลเรือนได้อย่างไร ซึ่งทางญี่ปุ่นเองได้มีการพัฒนาแผนรองรับสถานการณ์ตามแบบอย่างของไทยและได้นำไปใช้ในช่วงทีหากเกิดเหตุสึนามิ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประเทศญี่ปุ่นถือเป็นกองกำลังป้องกันตนเอง ที่รัฐธรรมนูญของญี่ปุ่นระบุว่าการนำกำลังออกมาปฏิบัติหน้าที่ต้องได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลฯ ขณะที่รัฐธรรมนูญไทยได้ระบุไว้ว่า นอกจากกองทัพจะมีภารกิจในการป้องกันประเทศแล้ว ยังมีหน้าที่ในการพัฒนาประเทศ เพราะฉะนั้น การเตรียมกำลังของ ทบ.ไทยจึงมีทั้งการจัดหน่วยกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย และ การปรับกำลังกองร้อยป้องกันชายแดน มาปฏิบัติภารกิจในการบรรเทาสาธารณภัยได้โดยภารกิจหน้าที่ตามกฎหมาน กระนั้น ผบ.กกล.ป้องกันตนเองยังได้ให้ความสนใจรถครัวสนาม รถผลิตน้ำประปาเคลื่อนที่ รถสายพานลำเลียงสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก บรองโก้ เพื่อเข้าไปช่วยประชาชนในพื้นที่เกิดอุทกภัยที่นำมาแสดงระหว่างการสาธิตด้วย
ทั้งนี้ พล.อ.เอจิกล่าวว่า ขอขอบคุณกำลังพลทุกนายที่มาร่วมกันสาธิตการซ้อมบรรเทาสาธารณะภัยในวันนี้ ขอชื่นชมเป็นอย่างมากในเรื่องการเตรียมความพร้อม เพราะการฝึกซ้อมเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ ซึ่งเราจะได้ช่วยและระงับเหตุสาธารณภัยได้อย่างทันท่วมที อย่างไรก็ตาม กองทัพบกในทุกประเทศจะได้รับความไว้วางใจให้ปฏิบัติภารกิจดังกล่าวและสามารถปฏิบัติได้เป็นอย่างดี ซึ่งเราได้เห็นว่าหน่วยของท่านมีความสำคัญในการป้องกันเมืองหลวงประเทศ ทั้งนี้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปตนหวังว่ากำลังของไทยจะฝึกซ้อมภารกิจบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ เพื่อถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รวมถึงประชาชนชนคนไทยทุกคน และคาดหวังว่าในอนาคตกองทัพไทยและญี่ปุ่นจะมีความร่วมมือมากขึ้นระหว่างกองทัพบกสองประเทศที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติเหมือนกัน
ด้าน พล.ท.ไพบูลย์กล่าวว่า การเดินทางมาเยี่ยมชมสาธิตวันนี้ สืบเนื่องจากที่ ผบ.ทบ.ได้เดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนก่อน ซึ่งเครื่องมือยุทโธปกรณ์ในการบรรเทาสาธารณภัยวันนี้ของไทยมีแล้วแต่ทางญี่ปุ่นยังไม่มี จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เรามีอยู่เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจะต้องพัฒนาเพื่อรองรับภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ ที่อาจจะหนักและมากขึ้น ที่สำคัญเราต้องเข้าสู่อาเซียนบวกสาม ความร่วมมือด้านความมั่นคงคงก็ต้องมากตามไปด้วย ที่ผ่านมา ผบ.ทบ.ได้อนุมัติให้มีการปรับปรุงให้การจัดหน่วยในเรื่องนี้ รวมทั้งอุปกรณ์ต่างๆ ให้มีความทันสมัยขึ้น มีการจัดตั้งกองร้อยสามมิติ ในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 โดยมีการปรับจากกองร้อยป้องกันชายแดน เป็นกองร้อยบรรเทาสาธารณภัย โดยให้พิจารณาว่าจะประสานกับหน่วยงานใดได้บ้าง เชื่อมั่นว่าการเตรียมพร้อมเหล่านี้จะรองรับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ นอกจากนั้น ไทยและญี่ปุ่นยังจะมีความร่วมมือในการฝึกศึกษา การฝึกบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม (เอชเอดีอาร์) ในการฝึกร่วมผสมฯ
'ราตรี'พ้นคุก!
บินกลับไทยทันทีคืนนี้
"ราตรี"พ้นคุกเขมรบ่าย4โมงเย็น
พร้อมบินกลับประเทศไทยทันทีเวลา20.40คืนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
วันที่ 1 ก.พ.
จะมีพิธีประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ให้กับน.ส.
ราตรี พิพัฒนาไพบูรย์ ที่เรือนจำเปรซอร์ โดยญาติของน.ส.ราตรี
พร้อมด้วยนายธัชชยุติ ภักดี เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงพนมเปญ และนายสุวัฒน์ แก้วสุข
ผู้อำนวยการกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล
กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกันไปรับตัวน.ส.ราตรี
จากนั้นคณะของน.ส.ราตรี
จะแวะพักที่สถานเอกอัครราชทูตไทยฯ ก่อนจะโดยสารเครื่องบินของบริษัท การบินไทย
จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินที่ ทีจี 585 จากกรุงพนมเปญ ในเวลา 20.40
น. และจะมาถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของไทย ในเวลา 21.45 น
สรุปป่วนใต้จ.สงขลาเดือนม.ค. ตาย23เจ็บ43
สรุปเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดสงขลารอบเดือนมกราคม
เหตุการณ์รวม46ครั้ง ตาย23ราย เจ็บ43
ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน
กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า
ได้สรุปเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และบางส่วนของจังหวัดสงขลา
ตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ม.ค.56 พบว่าได้เกิดเหตุความไม่สงบขึ้นในพื้นที่
ทั้งหมด 46 ครั้ง ยกเป็นเหตุการณ์ลอบยิงจำนวน 29 เหตุการณ์ เหตุการณ์ลอบวางระเบิดจำนวน 9 เหตุการณ์
เหตุก่อกวน จำนวน 3 เหตุการณ์ และเหตุลอบวางเพลิงจำนวน 5
เหตุการณ์
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นรวม
66 ราย
แยกเป็นผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความไม่สงบจำนวน 23 ราย
เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 13 ราย และนับถือศาสนาอิสลาม
จำนวน 10 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 43 ราย เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ จำนวน 32 ราย
และนับถือศาสนาอิสลาม จำนวน 11 ราย
สรุปยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้น
นับตั้งแต่ 1 ม.ค.47 - 31 ม.ค.56
มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 5,003 ราย
เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ 2,111 ราย ผู้นับถือศาสนาอิสลาม 2,761
ราย และไม่ระบุศาสนา 131 ราย
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งสิ้น 9,114 ราย
เป็นผู้นับถือศาสนาพุทธ 5,735 ราย ผู้นับถือศาสนาอิสลาม 2,876
ราย และไม่ระบุศาสนา 503 ราย
นายกฯ
เรียกไอซีที-ผบ.ตร. ถกบูรณาการกล้องซีซีทีวีทั่วประเทศ
วันที่ 01 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 เวลา 14:35:04 น.
เมื่อเวลา 11.45 น. ที่ไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ได้เชิญพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายอัชพร
จารุจินดา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที)
และผู้เกี่ยวข้องหารือกรณีการบูรณาเกี่ยวกับการดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด
(ซีซีทีวี) แบบบูรณาการทั่วประเทศ โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง
นายอัชพร เปิดเผยภายหลังการหารือว่า
นายกรัฐมนตรีได้มอบให้หน่วยงานหาทางบูรณาการเรื่องกล้องซีซีทีวี อาทิ เรื่อ
แผนที่ของประเทศไทยเพราะว่าทุกวันนี้ต่างหน่วยต่างดำเนินการ และกล้องซีซีทีวีมี 40
หน่วยงานที่จัดซื้อ
ดังนั้นจึงต้องหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรให้ใช้ร่วมกันทั้งหมด ซึ่งรวมทุกเรื่อง
เช่น เรื่องจราจร ตำรวจ น้ำ รวมมถึงพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
นายอัชพรกล่าวว่า
เนื่องจากสำนักงานงบประมาณเพิ่งรายงานงบประมาณมาและกระทรวงไอซีทีรายงานมาหลายหน่วยงาน
ดังนั้นจึงหารือว่าจะทำอย่างไรให้เชื่อมต่อทั้งหมด
โดยมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีทีไปวางแผน
นายอัชพรกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีต้องการให้ทำงานร่วมกันได้ทั้งหมด
โดยบริหารเพียงหน่วยเดียว ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ
และในอนาคตคิดว่าจะทำอย่างไรให้เชื่อมได้กับกล้องซีซีทีวีของประชาชนตามบ้านต่างๆให้สามารถส่งข้อมูลให้ตำรวจได้
โดยให้กระทรวงไอซีทีเป็นหน่วยงานหลักในการบูรณาการ
นายอัชพรกล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาที่พบคือแต่ละหน่วยงานก็ไปทำแผนที่ของตัวเอง ซึ่งทำให้ข้อมูลไม่ตรงกันดังนั้นจึงอยากได้ข้อมูลทั้งหมดตรงกันโดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาไปศึกษาเรื่องกฎหมาย และกฎระเบียบทั้งหมด |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น