วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

สรุปข่าวส่งประจำวันที่ ๑๒ ก.พ.๕๖



สรุปข่าวประจำวันที่ ๑๒ ก.พ.๕๖
เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ย้ำ เคอร์ฟิวชัด ๑๕ ก.พ.นี้ ยัน ฟังเสียงประชาชน แจง การประกาศช่วยกำจัดเสรีภาพโจรใต้
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยกับ สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า
การประกาศเคอร์ฟิว เป็นแค่ความคิดเบื้องต้น ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เท่านั้น ยังไม่มี
การตกผลึกที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่า ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์นี้ จะมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง โดยจะดู        มุมมองของแต่ละหน่วยงานและแต่ละคนขณะเดียวกัน ระบุว่า การประกาศเคอร์ฟิว จะช่วยกำจัดเสรีภาพโจรใต้
และช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ยืนยันว่า รัฐบาลจะตระหนักทุกด้าน ทั้งการปล่อยข่าวจากผู้ก่อการร้าย ว่าการประกาศเคอร์ฟิวจะกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน รวมถึง การเปลี่ยนจาก พ.ร.บ. เป็น พ.ร.ก. และการฟังเสียงของประชาชน
นอกจากนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยังกล่าวถึงเรื่อง กล้อง CCTV ว่า ยอมรับว่ากล้อง CCTV ที่หายไป ทำให้เหตุการณ์เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ต้องเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มากขึ้นตามไปด้วย
รองนายก ฯ พงศ์เทพ ยัน นำข้อเสนอปมเขาพระวิหารทุกข้อ เข้าถกทีมกฎหมายต่างประเทศ จ่อสรุป ถ้อยแถลงวาจา ปลายเดือนมีนาคมนี้
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังเดินทางกลับมาจากหารือกับคณะทีมกฎหมาย ที่ประเทศอังกฤษ ถึงกรณีปราสาทเขาพระวิหาร ว่า ยืนยันนำทุกข้อเสนอที่ไทยจะสามารถชี้แจงได้ อาทิ กรณีศาลโลกอาจไม่มีอำนาจในการพิจราณาเรื่องดังกล่าง เข้าหารือกับทีมทนายที่ปรึกษา เพื่อนำมากลั่นกรอง ว่าจะนำประเด็นใดไปต่อสู้ในศาลโลกด้วยวาจาได้ ทั้งนี้ จะมีการสรุปถ้อยแถลงวาจาต่อศาลโลกในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ เพื่อนำไปให้ทุกภาคส่วนร่วมพิจารณาต่อไป หลังจากนั้น จะมีการเสนอต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี ในต้นเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม จะมีการนำไปปรึกษากับฝ่ายความมั่นคง ภายหลังนำให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบแล้ว
รองนายกฯ เฉลิมเผย ได้รับแจ้ง กลุ่มอัลเคด้าและกลุ่มซาลาฟิสต์ จ้องก่อเหตุเชียงใหม่แล้ว สั่งคุมเข้ม ยัน ไม่ประมาท
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวว่า กลุ่มมุสลิมติดอาวุธอัลเคด้าและกลุ่มซาลาฟิสต์ ในประเทศแอลจีเรีย มีแผนการจะก่อเหตุความรุนแรงที่สถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำ           จ.เชียงใหม่ ในช่วงเดือน ก.พ.นี้ ยืนยันว่า ได้รับรายงานเข้ามาจริงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา และได้สั่งการให้   พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ วางกำลังตำรวจบริเวณสถานกงสุลใหญ่แห่งสหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่เป็นเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวและการลงพื้นที่ไปยัง จ.เชียงใหม่ ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการก่อการร้ายในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงที่นายกฯ จะเดินทางไปในวันที่ ๑๕ ก.พ.๕๖ ว่าได้รับรายงานแล้วและได้กำชับเจ้าหน้าที่ในการเพิ่มกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยแล้ว อย่างไรก็ตาม สถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทยยังไม่ได้ร้องขออะไรเข้ามาเป็นพิเศษ รัฐบาลก็คอยดูในแง่ของการติดตามสถานการณ์ต่างๆ ยืนยันว่าไม่ประมาทในเรื่องดังกล่าว
            ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ยืนยัน กรณีกลุ่มอัลเคด้า มีแผนก่อเหตุที่สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ว่า ไม่มีส่วนเชื่อมโยงกับกลุ่มที่ก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ ว่า ได้ทำความเข้าใจกับสถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยแล้ว
ทั้งนี้ ได้รับรายงานเพิ่มเติม ว่า กลุ่มอัลเคด้า แฝงตัวมาในรูปแบบนักท่องเที่ยว และบางส่วนได้หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว โดยมั่นใจว่า ตำรวจภูธรภาค ๕ จะสามารถรับมือกลุ่มดังกล่าวไม่ให้สามารถก่อเหตุได้ พร้อมกับระบุเป็นคนละกลุ่มที่เคยก่อเหตุในกรุงเทพฯ ย่านสุขุมวิท ๗๑ ช่วงวันวาเลนไทน์ ปีที่ผ่านมา (๒๕๕๕) ทั้งนี้มองว่ากลุ่มอัลเคด้าที่ออกมาเคลื่อนไหวบางส่วนหวังผลลดความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย และกำชับ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค ๕ เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในสถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทยที่ จังหวัดเชียงใหม่ ต้องประเมินสถานการณ์วันต่อวัน ส่วนการเดินทางปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีที่ จังหวัดเชียงใหม่ เชื่อว่ากำลังที่มีอยู่สามารถรักษาความปลอดภัยได้เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องขอกำลังเสริม


ตรึงกำลังกงสุลมะกันเชียงใหม่-ล่า 15 นักรบจ้องโจมตี

วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556

กรณีเกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดทั่วจ.เชียงใหม่ ว่าสมาชิกคนหนึ่งของเครือข่ายกองพลน้อยซาลาฟิสต์ เป็นกลุ่มซาลาฟิสต์เพื่อการเรียกร้องและการสู้รบเป็นกลุ่มที่แยกตัวออกมาจากกองกำลังติดอาวุธอิสลามเมื่อ พ.ศ.2539 ปัจจุบันเป็นกลุ่มติดอาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในแอลจีเรีย กลุ่มนี้ไม่เน้นเป้าหมายที่เป็นพลเรือนจึงได้รับการสนับสนุนมาก เป้าหมายหลักเป็นทหารและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลแอลจีเรีย เน้นการโจมตีในชนบท เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้องกับอัลกออิดะฮ์ คาดว่ามีสมาชิกประมาณ 1,000 – 2,000 คน ฐานที่มั่นอยู่ในแอลจีเรีย รัฐบาลแอลจีเรียกล่าวหาว่าอิหร่านและซูดานให้การสนับสนุนกลุ่มนี้ ได้คัดเลือกสมาชิกกลุ่มหนึ่งเข้ามาเฝ้าสังเกตุการณ์จัดวางผังอาคารสถานกงศุลสหรัฐอเมริกาประจำจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมการโจมตีสถานที่แห่งนี้ ในเดือนก.พ. โดยสมาชิก26 คนจะแบ่งเป็น 6 กลุ่มใช้ชื่อปฏิบัติการนี้ว่า"ลูกบิลเลียน ที่จะโจมตีด้วยอาวุธต่างๆ รวมทั้งระเบิดนั้น
ความเคลื่อนไหวเมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (12ก.พ.) ตำรวจ ทหาร ใน จ.เชียงใหม่ได้เกาะติดกระแสข่าวอย่างใกล้ชิดมีการประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบรายชื่อบุคคลเข้าในราชอาณาจักรไทยในช่วงนี้และเฝ้าติดตามพฤติกรรมแบบใกล้ชิด โดยมีบุคคลต้องสงสัยมากถึง 15 คนที่มีข่าวว่าได้เข้ามาในราชอาณาจักรไทยแล้ว
นอกจากนั้นยังมีการเสริมกำลังเจ้าหน้าที่ติดอาวุธพร้อมมือประจำอยู่โดยรอบสถานกงศุลใหญ่สหรัฐอเมริกาและมีการห้ามจอดรถโดยรอบสถานกงศุล พร้อมวางเวรยามตลอด 24 ชั่วโมงทั้งสายตรวจรถยนต์ สายตรวจเดินเท้า
นอกจากนั้นตำรวจทุกพื้นที่ ได้ตามหากลุ่มนักรบซาลาฟิสต์ ที่มีข่าวว่าเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่ 15 คน ดังนี้ mr.UMAR AL KHATIB หัวหน้ากองพลน้อยซาลาฟิสต์ หัวหน้าในปฏิบัติการครั้งนี้ mr.BURHANIDIN JABIR เชื้อชาติอิริทเทียน mr.TAIB KAMAL เชื้อชาติแอลจีเรีย mr.ABD ALhadi al tahir เชื้อชาติเอธิโอเปีย mr.YAHYA ABOULRAZAK HAMZA เชื้อชาติชีเรีย  mr.ABDALLAH AL KAMIL เชื้อชาติซีเรีย mr.ABD AL BARIBELHAJ เชื้อชาติแอลจีเรีย mr.MARWAN AL KHATIB
mr.UMAR SHIHABเชื้อชาติเยเมน  mr.KHALIL AL QWAYDIR เชื้อชาติจอร์แดน  mr.ABDALLAH เชื้อชาติปาเลสไตน์ mr.ABD AL AZIZ AL JALAI เชื้อชาติซูดาน mr.HARITH YUSIF มร.NAJMUDIN เชื้อชาติอัฟกานิสถาน และmr.ABD AL HAKIM เชื้อชาติโซมาเลีย
ด้านพล.ต.ท.สุเทพ เดชรักษา ผบช.ภ.กล่าวว่า  กระแสข่าวที่เกิดขึ้นทางตำรวจภูธรภาค 5 ได้รับมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล แม้เป็นเพียงกระแสข่าวแต่เพื่อความไม่ประมาทจึงเรียกประชุมตำรวจในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และผบช.ภ.5 ก็ได้ออกมาตรการให้เพิ่มระดับความเข้มงวดในการดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งสถานกงศุล บ้านพักของเจ้าหน้าที่กงศุล  มีการเพิ่มเวรยาม กำลังพล เพิ่มสายตรวจทั้งเดินเท้าและทางรถตลอด 24 ชั่วโมง
รวมทั้งสืบสวนหาข่าวว่ามีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเข้ามาหรือไม่ มาแล้วไปไหน อย่างไร ตอนนี้เหตุการณ์ทุกอย่างยังคงปกติดี แต่ทางเราก็ต้องระมัดระวังไว้ก่อนหากเกิดเหตุร้ายขึ้นจะกระทบกระเทือนความมั่นคงของชาติ
ด้านนายธานินทร์ สุภาแสน ผวจ.เชียงใหม่ กล่าวเสริมว่า รับข่าวทางลับมาแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ได้เพราะเกี่ยวกับความมั่นคง เพื่อความไม่ประมาทก็มีการประชุมร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาข่าว สืบความเคลื่อนไหว รวมถึงประสานสถานที่พักทุกแห่งให้ทำการตรวจสอบกลุ่มบุคคลที่เรามีรายชื่อที่เข้าข่ายจะเป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ
ส่วนด้านการดูแลรักษาความปลอดภัยก็ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเวรยามเข้มงวดกวดขันมากขึ้นทั้งสถานกงศุล สถานที่พักของเจ้าหน้าที่ทุกคน รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทุกแห่งที่มีชาวต่างประเทศอยู่ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกเกินไป..

สะพัด!กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรง"อัลเคด้า-ซาลาฟิสต์"เตรียมแผนบอมบ์สถานกงสุลสหรัฐฯที่เชียงใหม่ภายใต้ระหัสลูกบิลเลียด"นายกฯ"สั่งเพิ่มคุมเข้มสถานกงสุลสหรัฐเชียงใหม่จ้องก่อเหตุ
วันที่ 12 ก.พ.56 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเรื่องที่มีข่าวว่ากลุ่มอัลเคด้าและกล่มซาลาฟิสต์ที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มมุสลิมติดอาวุธในแอลจีเรียมีแผนถล่มสถานกงสุลสหรัฐประจำจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงต้นเดือน ก.พ.โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มการดูแลรักษาความปลอดภัย แม้ว่าทางสถานทูตสหรัฐจะไม่ได้ร้องขอมาเป็นพิเศษ
"ได้รับรายงานแล้วให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มกำลังดูแลรักษาความปลอดภัย"น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ พร้อมปืนยาวเอชเค ผลัดละ 7 นาย เฝ้าดูแลรักษาความปลอดภัย และเดินลาดตระเวนโดยรอบ สถานกงสุลสหรัฐอเมริกา ประจำ จ.เชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างเข้มงวด พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานกงสุล และห้ามจอดรถยนต์ทุกชนิดตลอดแนวริมรั้วอย่างเด็ดขาด เพื่อเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยจนเป็นที่สงสัยของประชาชนทั่วไป

พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองเชียงใหม่ ระบุว่า ไม่ได้เกิดเหตุถูกข่มขู่หรือก่อการร้ายใดๆ แต่ช่วงนี้จะมีการฝึก คอปบร้าโกลด์และมีเจ้าหน้าที่จากหลายประเทศ รวมทั้งทหารจากสหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, ญี่ปุ่น, เกาหลี, อินโดนิเซีย และไทย ร่วมฝึกคอปบร้าโกลด์ ครั้งที่ 13ที่จังหวัดเชียงใหม่ด้วย ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 11-21กุมภาพันธ์นี้
มีรายงานจากแหล่งข่าวด้านความมั่นคงแจ้งว่า ในช่วงต้นเดือนกุมพันธ์ที่ผ่านมา กลุ่มมุสลิมซาลาฟิสต์ และกลุ่มอัลเคด้า วางแผนลงมือปฏิบัติการลับเพื่อถล่มเป้าหมายสำคัญคือ สถานกงสุลสหรัฐประจำ จ.เชียงใหม่ ภายใต้ชื่อ "ระหัสลูกบิลเลียด" หรือ Billiard Ball แบบ 3 ทิศทาง โดยได้รับการสนับสนุน และจัดหาอาวุธสงครามขนาดเล็ก เครื่องยิงลูกระเบิดประทับบ่า และระเบิดซีโฟร์จากนักค้ายาเสพติดออสเตรเลียที่ไม่พอใจการปราบปรามยาเสพติด ของสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาประจำ จ.เชียงใหม่ แต่ปฏิบัติการดังกล่าวยังไม่แน่ชัดว่าจะลงมือในวันเวลาใด
แหล่งข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า ในแง่ของการรักษาความปลอดภัยนั้น หลังจากทราบข่าวได้ประชุมร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดส่งกำลังเจ้าหน้าที่อารักขาเข้มงวด ที่บริเวณด้านหน้าสถานกงสุลสหรัฐอเมริก ประจำ จ.เชียงใหม่ ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่ 3 วันที่ผ่านมา ซึ่งรวมทั้งบุคคลสำคัญของสหรัฐอเมริกาด้วย


ทบ.แจงฝึกคอบร้าโกลด์ 2013เพิ่มทักษะ-ประสบการณ์



เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (12 ก.พ.)  พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก กล่าวชี้แจงกรณีการฝึกคอบร้าโกลด์ 2013 ว่าการฝึกคอบร้าโกลด์เป็นการฝึกร่วมผสม ที่กองบัญชาการกองทัพไทย และกองทัพสหรัฐฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดการฝึก ส่วนกองทัพบกมีหน้าที่จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในกรอบการวางแผนและอำนวยการของกองบัญชาการกองทัพไทย
กองทัพบกเป็นเหล่าทัพที่จัดกำลังเข้ารับการฝึกมากที่สุด และมากกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยปกติจะจัดให้มีการหมุนเวียนหน่วยในระดับกองทัพภาคเข้ารับการฝึก เพื่อการเพิ่มพูนทักษะและประสบการณ์ที่หน่วยและกำลังพลจะได้รับนั้น มีความทั่วถึงอย่างเป็นระบบ ปีนี้เป็นวงรอบของกองทัพภาคที่ 3  ที่จะต้องจัดกำลังพลทั้งระดับผู้บังคับบัญชา ฝ่ายเสนาธิการ และหน่วยในสังกัด รวมถึงยุทโธปกรณ์เข้าร่วมในการฝึก
พ.อ.วินธัย กล่าวต่อว่า ในการฝึกครั้งนี้กองทัพบกมีการจัดตั้งกองอำนวยการฝึกทำหน้าที่วางแผนกำกับดูแลการฝึกให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีการจัดตั้งส่วนพัฒนาและประเมินผลการฝึก เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงและพัฒนาการฝึกในครั้งต่อไปให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยกรมยุทธศึกษาทหารบก เนื่องจากปัจจุบันเรื่องการฝึกเป็นนโยบายหลักที่สำคัญของผู้บังคับบัญชา ไม่ว่าจะเป็นการฝึกในระดับไหนก็ตาม และยิ่งครั้งนี้เป็นการฝึกที่มีขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาค  ผบ.ทบ.ได้เน้นย้ำกำลังพลที่จะต้องเข้าไปมีส่วนร่วมการฝึกจะต้องมีความตั้งใจในการฝึก  รู้จักเก็บเกี่ยวประสบการณ์อันมีค่ากลับมาใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุด
ระหว่างการฝึก ผบ.ทบ.คงจะได้ติดตามผลอย่างต่อเนื่องเป็นระยะๆ และสุดท้ายเมื่อจบการฝึกคงจะมีรายงานสรุปผลการฝึกถึง ผบ.ทบ. อีกครั้ง เพื่อพิจารณา และให้ข้อเสนอแนะผ่านการชี้แจงด้วยตนเองในที่ประชุมของกองทัพบกเหมือนในทุกครั้งที่ผ่านมา


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น