วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2557

อึ้ง ครอบครัวออสซี่อ้างไม่เคยรู้เรื่อง"น้องแกมมี่"คลีนิกไม่ได้บอกได้"ลูกแฝด"เมื่อ 4 ส.ค.57



อึ้ง ครอบครัวออสซี่อ้างไม่เคยรู้เรื่อง"น้องแกมมี่"คลีนิกไม่ได้บอกได้"ลูกแฝด"
 
ความคืบหน้ากรณีนางภัทรมล จันทร์บัว หญิงไทยผู้ประสบชะตากรรมเคราะห์ร้าย ต้องเลี้ยงลูกแฝดเพศชาย "น้องแกมมี่" ซึ่งป่วยเป็นดาวน์ ซินโดรม  จากการรับจ้างครอบครัวชาวออสเตรเลียอุ้มบุญ ซึ่งฝ่ายหลังรับเลี้ยงแต่เฉพาะแฝดหญิงผู้พี่ที่มีอาการปกติ
ล่าสุด สื่อท้องถิ่นออสเตรเลียรายงานว่า ครอบครัวชาวออสเตรเลียคู่นี้ซึ่งไม่มีการเปิดเผยชื่อ อ้างว่า
พวกเขาไม่รู้ว่า นางภัทรมล ได้คลอดลูกฝาแฝดซึ่งแฝดอีกรายป่วยมีอาการดาวน์ ซินโดรม โดยแพทย์ประจำคลีนิกผู้ให้บริการผสมเทียมเด็กหลอดแก้ว ไม่ได้พูดเรื่องน้องแกมมี่แต่อย่างใด และเขายังมีปัญหากับบริษัทเอเย่นต์รับจ้างอุ้มบุญอย่างมาก ซึ่งต่อมา บริษัทบอกว่าไม่ได้ดำเนินกิจการอีกแล้ว ซึ่งคำอ้างนี้ขัดแย้งสิ้นเชิงกับคำกล่าวของนางภัทรมลที่บอกว่า ครอบครัวชาวออสเตรเลียบอกว่าไม่สามารถนำน้องแกมมี่ไปเลี้ยงได้ เพราะพวกเขาแก่เกินกว่าจะเลี้ยงฝาแฝดทั้งสอง และทั้งคู่ไม่เคยมาดู หรืออุ้มน้องแกมมี่เลย
ขณะเดียวกัน สื่อต่างประเทศรายงานว่า ธารน้ำใจเพื่อช่วยเหลือน้องแกมมี่ ยังคงมีอย่างต่อเนื่องหลังยอดบริจาคมีจำนวนกว่า 155,000 ดอลลาร์
จากจำนวนผู้บริจาค 4,431 ราย ที่บริจาคผ่านเว็บเพจ "Hope for Gammy" ซึ่งขณะนี้ได้เพิ่มเป้าช่วยเงินบริจาคเป็น 300,000 ดอลลาร์  ด้านนางภัทรมล จันทร์บัว ได้ขอบคุณเหล่าผู้คนที่มีจิตใจงามบริจาคเงินช่วยเหลือเธอ และว่า เธอรู้สึกดีใจที่ทุกคนรักลูกของเธอ และอยากจะช่วยลูกของเธอ และไม่คิดว่าจะมีคนบริจาคเงินให้เธอมากมายเช่นนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าจะเลี้ยงน้องแกมมี่ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า ไม่เฉพาะชาวออสเตรเลียที่เป็นกลุ่มคนที่เดินทางมาไทยเพื่อว่าจ้างการอุ้มบุญจากหญิงไทยผ่านเอเยนต์
โดยหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอิสราเอล "Time of Israel" รายงานด้วยว่า ในช่วงต้นปี ยังมีเด็กทารกกว่า 65 รายไม่สามารถให้กลุ่มคู่รักร่วมเพศที่จ้างหญิงไทยอุ้มบุญนำกลับประเทศได้ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยอิสราเอลได้ปฎิเสธที่จะให้สัญชาติแก่เด็กเหล่านี้ รวมทั้งครอบครัวชาวจีนที่แห่เดินทางมายังไทยเพื่อทำผสมเทียมเพื่อเลือกเพศเด็กเนื่องจากจีนมีนโยบายลูกคนเดียว และชาวจีนส่วนใหญ่ต้องการให้ลูกเป็นเพศชาย
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น