ผอ.รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม รุดแจ้งความตำรวจ ช่วยหาตัว "น้องโบ" สาวถ่ายคลิปฉาวร่วมรักกับหนุ่มในห้องน้ำของโรงพยาบาล ฐานทำความเสื่อมเสียชื่อเสียง ขณะที่สธ.ชี้ ผิดระเบียบการใช้สถานที่ราชการ
จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งอ้างชื่อตัวเองว่า "น้องโบ" ปล่อยภาพตัวอย่างของคลิปลามกอนาจารที่เป็นฉากร่วมรักในห้องน้ำของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง โดยหญิงสาวกำลังอยู่ในห้องน้ำกับชายหนุ่มอีก มีสายน้ำเกลืออยู่ที่มือซ้าย พร้อมระบุข้อความทำนองว่า "สนใจดูคลิปโบแสดงเองใน vip ทักแชทเลยค่ะ คลิปใหม่ลงกลุ่มแล้วจัดเต็ม พร้อมสายน้ำเกลือ โบจิง ไม่ได้หลอก หนุ่มๆๆๆ ท่านใดสนใจดู รูปของโบแบบเต็มตา+คลิปโบแสดงเองทักแชทเลยค่ะ vip จัดเต็ม มีจิงแสดงจิงไม่โกหกค่ะ" จนมีผู้เข้ามาโพสต์ข้อความเชิงชู้สาว ต่อท้ายเป็นจำนวนมาก ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 19 ส.ค. นพ.สุทธิพงษ์ ศิริมัย ผอ.รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จ.สมุทรสงคราม ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.โยธิน เธียรสุขสันต์ พนักงานสอบสวนผู้ทรงคุณวุฒิ สภ.เมือง จ.สมุทรสงคราม โดยเปิดเผยว่า เหตุฉาวในคลิปดังกล่าวที่มีการเผยแพร่ในโลกออนไลน์นั้น เกิดขึ้นในห้องน้ำรวมของตึกอายุรกรรม รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้า จึงได้มาแจ้งความให้ทางตำรวจช่วยสืบหาตัวหญิงสาวภายในคลิปมาสอบสวนดำเนินคดี เพราะได้ทำความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับทางโรงพยาบาลเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทางโรงพยาบาลได้สงสัยผู้ป่วยหญิงรายหนึ่งซึ่งเข้ามารักษาตัวด้วยอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ และได้ออกจากโรงพยาบาลไปเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบความชัดเจนอีกครั้งว่า ใช่หญิงคนดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากหลักฐานที่มีอยู่ในขณะนี้ ทำให้พอจะทราบแล้วว่า หญิงสาวที่ปรากฏอยู่ภายในคลิปนั้น เป็นวัยรุ่นที่มีชื่อเล่นว่า “โบ” หรือ “แอน” อายุ 22 ปี เป็นชาว ต.บ้านปรก อ.เมืองสมุทรสงคราม ซึ่งหญิงสาวรายนี้มักมีพฤติกรรมชอบถ่ายคลิปลามกอนาจาร แล้วนำออกเผยแพร่ทางเฟซบุ๊ก ในลักษณะที่เป็นเชิงพาณิชย์ คือผู้ที่ต้องการจะชมคลิปจะต้องแลกกับบัตรเติมเงินโทรศัพท์มือถือ นอกจากนี้ยังมีเด็กสาวอีกหลายคนที่มีพฤติกรรมเดียวกัน ขณะที่ พ.ต.อ.โยธิน กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลนำรูปถ่ายผู้ต้องสงสัยมาเป็นหลักฐาน จึงสั่งให้ชุดสืบสวนรีบลงพื้นที่ควานหาตัวแล้ว คาดว่าน่าจะได้ตัวไม่ยาก
ด้าน แหล่งข่าวจากกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สำหรับกรณีดังกล่าว ถือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม และผิดระเบียบการใช้สถานที่ราชการ เนื่องจากโรงพยาบาลถือว่า เป็นสถานที่ราชการ ที่มีกฎระเบียบข้อบังคับการใช้สถานที่ราชการโดยทั่วไปอยู่แล้ว อาทิ ไม่กระทำให้เกิดความเสียหายแก่สถานที่ ไม่กระทำผิดกฎหมาย เป็นต้น ซึ่งยอมรับว่าเรื่องแบบนี้ถือเป็นเรื่องใหม่ เพราะไม่เคยได้รับรายงานว่า เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทางกระทรวงสาธารณสุขก็จะคอยกำกับติดตาม อีกทั้งยังได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ดูรายละเอียดเกี่ยวกับพ.ร.บ.ว่า ด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 เพราะกรณีนี้มีการโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์อีกด้วย.
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น