วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555
จับตา ‘เพรียวพันธ์’ หลังเกษียณ ‘หญิงอ้อ'’ ดัน 'พี่ออฟ' ลุยการเมือง 25 September 2555
25 September 2555
นับรอวันหมดอายุแล้ว สำหรับ “บิ๊กออฟ” พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)” ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ หลังจากขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดสีกากีมาตั้งแต่วันที่ 26 ต.ค.54 รวมเป็นเวลาเกือบครบ 1 ปีเต็ม ที่นายตำรวจภายใต้ยี่ห้อ “ชินวัตร” เข้ามาบริหารองค์กรตำรวจ
โดยเฉพาะผลงานด้านการปราบปรามยาเสพติด ที่ถือว่าเป็นไฮไลต์และผลงานชิ้นสำคัญของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และรัฐบาลที่มี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" นั่งเก้าอี้เป็นนายกรัฐมนตรี เลยทีเดียว เพราะหากกวาดตามองดูผลงานด้านต่างๆ ของรัฐบาล ทั้งการแก้ไขปัญหาข้าวของแพง ความขัดแย้งภายในสังคม หรือปัญหาน้ำท่วม ก็ไม่มีมุมไหนที่เรียกได้ว่าเป็นผลงาน ได้เต็มปากเต็มคำ
ฉะนั้น ผลงานการจับกุมพ่อค้ายาเสพติด ในยุคที่ผู้นำตำรวจชื่อว่า “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์” ได้กลายเป็น “จุดขาย” ของรัฐบาลนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สังเกตได้จากความภาคภูมิใจของ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เกือบทุกครั้งที่แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติด ก็อดไม่ได้ที่จะยกหางผลงานของ “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์” ในยุคสมัยนี้ขึ้นมาโอ้อวดทุกคราวไป
เมื่อมีผลงานโดดเด่นอย่างนี้ ส่งผลให้ “บิ๊กออฟ” ที่เตรียมจะเกษียณอายุราชการในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถูกจับไปเชื่อมโยงเข้ากับตำแหน่งต่างๆ ในรัฐบาลเครือข่าย “ชินวัตร” และที่มาแรงที่สุด คงหนีไม่พ้นการถูกจับไปเชื่อมโยงเข้ากับเก้าอี้ “ผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพฯ” ในฐานะตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย (พท.)
ด้วยคุณสมบัติที่เป็นจุดขายอย่างเรื่องการปราบปรามยาเสพติด บุคลิกแข็งกร้าวตามสไตล์ของผู้นำสีกากี รวมถึงเสียงสนับสนุนจากแกนนำในพรรค พท.อย่าง “สารวัตรเหลิม” ที่หนุนให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เป็นผู้มีความเหมาะสมจะเข้ามาลงสนามสู้ศึกชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.กับทางฟากฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ช่วงหลังดูจะขบเหลี่ยมครองใจประชาชนเมืองหลวง ได้มากกว่าพรรคฝ่ายรัฐบาล
ส่งผลให้ชื่อของ “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์” กลายเป็นหนึ่งใน “สินค้า” แคนดิเดต
ตามสายตาของนักธุรกิจอย่าง “นายใหญ่” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม เป็นที่รู้กันดีว่า ภาพสะท้อนความสัมพันธ์ของบุคคลทั้ง 2 ในช่วงหลังจะฉายออกมาทำนองว่า “ไม่ลงรอย” เท่าที่ควร เนื่องจากเรื่อง “ไม่ยอมงอ” บางเรื่องของ “บิ๊กออฟ” ในช่วงการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจที่ผ่านมา กลายเป็นชนวนเหตุทำให้เกิดรอยร้าวบนความสัมพันธ์ระดับเครือญาติตามมาจนถึง ปัจจุบันนี้
สังเกตได้จากคำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ภายหลังจากเดินทางกลับจากฮ่องกง ที่ระบุทำนอง
“ผมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ มีความเห็นไม่ค่อยตรงกันในบางเรื่อง และเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ชอบผมสักเท่าไหร่”
ทั้งนี้ ล่าสุดทางฝั่ง “บิ๊กออฟ” ก็ได้เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวกลางวงสนทนาบนโต๊ะอาหาร เมื่อคราวจัดงานเลี้ยงอำลาตำแหน่งเมื่อวันพุธที่ 12 ก.ย.ที่โรงแรมอิมพีเรียล ควีนส์ปาร์ค
“เรื่องนี้ทาง ร.ต.อ.เฉลิม ได้มาทาบทามให้ลงสมัครจริง โดยบอกว่าจะสนับสนุนเรื่องการหาเสียง แต่ผมได้ปฏิเสธไปแล้ว เพราะคิดว่าเป็นตำรวจไม่เหมาะกับงานนี้ นึกภาพดูหากเป็นตำรวจแล้วมาสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.จะดูไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่หากเป็นงานที่เกี่ยวกับเรื่องปราบปรามยาเสพติด ผมก็พร้อมที่จะทำ”
นอกจากเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว อีกหนึ่งตำแหน่งที่มีชื่อของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เข้ามาเกี่ยวโยง คือ เก้าอี้รองนายกรัฐมนตรี ดูแลงานขององค์กรตำรวจ ที่มีเจ้าของเก่าอย่าง “สารวัตรเหลิม” นั่งคุมเป็นเจ้าถิ่นอยู่ก่อนแล้ว
ซึ่งในตำแหน่งดังกล่าว แม้จะมีความเป็นไปได้สูงกว่าเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.อย่างเห็นได้ชัด เนื่องด้วยความเป็น “อดีต ผบ.ตร.” ที่เพึ่งจะเกษียณอายุราชการ จะเข้ามาทำหน้าที่รองนายกฯ เพื่อสานงานต่างๆ ภายในองค์กรตำรวจต่อเลย ถือว่ามีความเหมาะสมอย่างไม่เขินอายเลยทีเดียว
แต่ปัญหาอุปสรรคคงติดอยู่ที่เจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม จะยอมลุกจากเก้าอี้ดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถ้าสังเกตจากการออกแรงเชียร์ให้ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ลงสมัครศึกชิงผู้ว่าฯ กทม.คงเห็นภาพชัดเจนขึ้นว่า เริ่มจะมี “ใคร” บางคนออกอาการ “หวงก้าง” ขึ้นมาบ้างแล้ว
รวมถึงที่ผ่านมาทาง “บิ๊กออฟ” ก็ได้ออกมาปฏิเสธถึงการเข้ามาทำหน้าที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ก่อนบ่นงึมงำภายในงานเลี้ยงอำลาตนเองทำนอง
“เบื่อ ไม่อยากเข้ามาทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เกี่ยวกับเรื่องแต่งตั้งต่างๆ แต่อยากจะทำงานด้านการปราบปรามยาเสพติดแบบจริงจัง หากเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็อยากพักผ่อน ไม่ก็จะเข้าไปช่วยงาน พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ โชติมา ผบช.ปส.โดยไม่ต้องมีตำแหน่งที่ปรึกษาอย่างเป็นทางการหรอก”
อย่างไรก็ตาม แม้ทาง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ จะออกมาปฏิเสธความเป็นไปได้ในการไปดำรงตำแหน่งต่างๆ หลังจากเกษียณอายุราชการไปแล้ว ทว่าหนึ่งในปัจจัยที่เป็นเรี่ยวแรงสำคัญที่จะผลักดันให้ “บิ๊กออฟ” ได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ระดับบิ๊กภายใต้รัฐบาลเครือญาติ “ชินวัตร” คือ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยาของ “พ.ต.ท.ทักษิณ” ที่มีกระแสข่าวทำนองว่า มีความต้องการส่วนตัวที่อยากจะให้เครือญาติทางสายของตนเอง ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ทางการเมืองในขณะที่ยังมีอำนาจอยู่ในมือ
และเมื่อลองกวาดสายตาไปยังพี่ชายแท้ๆ ทั้ง 3 คนของคุณหญิงพจมาน ประกอบด้วย นายพงษ์เพชร ดามาพงศ์ , พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ , พล.ต.ท.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ผบช.สพฐ.ก็จะเห็นว่า “บิ๊กออฟ” ดูจะเข้าเค้ามีแววดีที่สุด
ฉะนั้นแม้ทาง “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์” จะออกมาปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่าว่า ไม่สนใจตำแหน่งต่างๆ แต่สิ่งที่ยากที่สุดในระบบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “มนุษย์” นั่นก็คือ “ใจ” ที่ยากแท้หยั่งถึง และเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา.
ฉัตรไชย เริ่มพยับ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น