วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555
ล้างมลทิน "กรรมเก่ายงยุทธ" อยู่ได้ แต่ไม่สง่างาม เมื่อ 24 ก.ย.55
ก็แถลงกันเป็นที่เรียบร้อยสำหรับมติและคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ "ไล่ออก" ยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย จากผลพวงไปใช้คำสั่งรักษาการปลัดกระทรวงมหาดไทย เมื่อปี 2545 ที่ไปยกเลิกคำสั่งกรมที่ดินให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟและหมู่บ้านอัลไพน์ โดยคำสั่งดังกล่าวให้การไล่ออกมีผลเมื่อ 30 กันยายน 2545
อย่างไรก็ตาม กระทรวงมหาดไทย ได้อ้างอิงความเห็นของที่ประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน กระทรวงมหาดไทย (อ.ก.พ.) และความเห็นของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ที่ว่า ยงยุทธ มีสิทธิ์ได้รับการล้างมลทินย้อนหลัง ทำให้เป็นผู้ที่ไม่เคยได้รับการลงโทษทางวินัยของกระทรวงมหาดไทยที่ไล่ออกดังกล่าว
กระนั้น ความเห็นข้อกฎหมายในเรื่องนี้ก็ยังไม่ชัด โดยเฉพาะกรณีปัญหาเรื่อง "คุณสมบัติต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 174 (4) ว่าด้วยคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรี ประกอบมาตรา 102 (6) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากราชการ หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ
แม้ทางฝ่ายพรรคเพื่อไทย จะพยายามอ้างอิงว่าเมื่อยงยุทธได้รับการล้างมลทินไปแล้ว จึงเสมือนว่าไม่เคยทำผิดมาก่อนจึงไม่ขัดคุณสมบัติ ขณะที่บางฝ่ายก็แย้งว่าคำสั่งไล่ออกยงยุทธไม่น่าจะเข้าข่ายการล้างมลทินได้ ซึ่งคงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณากันต่อไป
ขณะที่ตัวยงยุทธเองก็ยังคงไม่แสดงความผิดชอบใดๆ โดยเห็นได้ชัดว่าคงไม่ลาออกตามเสียงเรียกร้องในเรื่องความสง่างามทางการเมืองแน่นอน เพราะมั่นใจว่าสามารถทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรี - มท.1 ได้ต่อไป ไม่มีปัญหา โดยมีภารกิจสำคัญๆ รออยู่ เช่น การนำบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย ผวจ.ร่วม 40 ตำแหน่งเข้าที่ประชุม ครม.วันอังคารที่ 25 ก.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม หากยงยุทธ ยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ถึงการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านช่วงปลายปีนี้ ก็เชื่อว่า คงโดน ปชป.ไล่ถล่มอย่างหนักกลางสภาแน่นอน.
---------------------------------------------------------
เปิดหนังสือกฤษฎีกา-ก.พ.ย้ำล้างมลทินยงยุทธ
ส่วนราชการ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
ที่ วันที่ 22 กันยายน 2555
เรื่อง ความเห็นกรณีที่ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทยมีมติลงโทษทางวินัยให้ปลดออกรอง นายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ)
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
ตามที่ท่านนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาให้ความเห็นกรณีที่ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย มีมติลงโทษทางวินัยให้ปลดออกรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย จะมีผลทางกฎหมายอย่างไร นั้น
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอเรียนชี้แจงว่า การมีคำสั่งลงโทษทางวินัยข้าราชการนั้น จะต้องสั่งลงโทษในขณะที่ผู้นั้นยังคงดำรงตำแหน่งเป็นข้าราชการอยู่ หากพ้นจากตำแหน่งแล้วจะต้องออกคำสั่งย้อนหลังไปก่อนวันที่ผู้นั้นพ้นจากราชการ และถือว่าผู้นั้นถูกลงโทษทางวินัยตั้งแต่วันที่คำสั่งกำหนดให้มีผลย้อนหลังนั้น แต่เนื่องจากภายหลังจากคำสั่งลงโทษทางวินัยมีผลย้อนหลังใช้บังคับแล้ว ได้มีกฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินใช้บังคับในเวลาต่อมา จึงทำให้ผู้ถูกลงโทษได้รับผลจากการล้างมลทิน โดยไม่ถือว่าผู้นั้นเคยถูกลงโทษมาก่อน ทั้งนี้ ตามบันทึกเรื่อง ปัญหาเกี่ยวกับพระราชบัญญัติล้างมลทิน ในโอกาสสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี พ.ศ.2526 (กรณีคำสั่งลงโทษกำหนดให้ผลย้อนหลังไปยังวันที่ถูกสั่งพักราชการ) (เรื่องเสร็จที่ 440/2526) ซึ่งวินิจฉัยว่า การที่ผู้บังคับบัญชาได้ออกคำสั่งลงโทษย้อนหลังไปก่อนวันออกคำสั่งตามกรณีของข้อ 4 แห่งระเบียบ ก.พ.ว่าด้วยวันออกจากราชการของข้าราชการพลเรือนสามัญ พ.ศ.2518 นั้น เป็นกรณีที่ผู้บังคับบัญชาได้สั่งการตามระเบียบ ก.พ.ดังกล่าว หากผลของการออกคำสั่งลงโทษนั้นทำให้ข้าราชการผู้ใดได้รับโทษก่อนหรือในวันที่พระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2526 ใช้บังคับแล้ว ข้าราชการผู้นั้น ย่อมจะอยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการล้างมลทินตามมาตรา 5 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินฯ พ.ศ.2526 ด้วย ดังนั้น กรณีของรองนายกรัฐมนตรี (นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ) หากมีข้อเท็จจริงเป็นไปตามความเห็นดังกล่าวก็ย่อมได้รับการล้างมลทินไปแล้ว
จึงกราบเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
(นายอัชพร จารุจินดา)
เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา
----------------------------------
ส่วนราชการ สำนักมาตรฐานวินัย สำนักงาน ก.พ.
ที่ นร 1011/พิเศษ วันที่ กันยายน 2555
เรื่อง การล้างมลทินกรณีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี
ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้หารือกรณีการล้างมลทิน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ โดยมติ อ.ก.พ.กระทรวงมหาดไทย นั้น
สำนักงาน ก.พ.ขอเรียนว่า กรณีดังกล่าว คำสั่งลงโทษมีผลย้อนหลังไปก่อนวันที่นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เกษียณอายุราชการ ซึ่งเป็นระยะเวลาก่อนที่พระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับ จึงอยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับการล้างมลทิน ตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ทำให้ถือว่าไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน ซึ่งในทางปฏิบัติกระทรวงเจ้าสังกัด จะบันทึกประวัติการได้รับการล้างมลทินดังกล่าวไว้ใน ก.พ.7
อนึ่ง ตามที่เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ขอให้สำนักงาน ก.พ.เทียบเคียงเรื่องการล้างมลทินของนายปลอดประสพ สุรัสวดี กับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ นั้น สำนักงาน ก.พ. ขอเรียนเป็นลำดับ ดังนี้
รายนายปลอดประสพ สุรัสวดี
1.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง แต่ที่สุดคณะกรรมการสอบสวนและนายกรัฐมนตรี ผู้สั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนเห็นว่าไม่มีความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงสั่งยุติเรื่อง และได้รับการล้างมลทินตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 แล้ว
2.ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ไต่สวนและสั่งการให้ต้นสังกัดสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ หลังจากที่ได้รับการล้างมลทินแล้ว
3.คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยว่า กรณีของนายปลอดประสพ สุรัสวดี ได้รับการล้างมลทินแล้ว ป.ป.ช. จึงไม่อาจสั่งให้ลงโทษในกรณีเดียวกันได้อีก (ที่สั่งลงโทษไล่ออกจากราชการภายหลังจึงต้องออกคำสั่งยกเลิกคำสั่งดังกล่าว)
รายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ
1.นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ไม่เคยถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ในเรื่องที่ ป.ป.ช.ชี้มูลมาก่อน
2.ป.ป.ช.ไต่สวนและชี้มูลให้ต้นสังกัดสั่งลงโทษตามมติ ป.ป.ช.ได้
3.กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ เนื่องจากเกษียณอายุราชการแล้ว จึงต้องสั่งลงโทษย้อนหลังไปจนถึงวันก่อนเกษียณอายุราชการ
4.คณะกรรมการกฤษฎีกา เคยวินิจฉัยว่า คำสั่งลงโทษที่มีผลย้อนหลังไปก่อนหรือในวันที่กฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินใช้บังคับ ย่อมได้รับการล้างมลทินตามกฎหมายล้างมลทินแล้ว
5.กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ซึ่งถูกลงโทษและได้รับการล้างมลทินแล้ว เท่ากับปัจจุบัน นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ จึงถือว่าไม่เคยถูกลงโทษทางวินัยมาก่อน
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
(นายนนทิกร กาญจนะจิตรา)
เลขาธิการ ก.พ.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น