จากไทยโพสท์
ประชาธิปัตย์งัดหลักฐาน "ชายชุดดำ” มีอยู่จริง โผล่หราในสมุดปกขาวของ "โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม” ยันทหารถูกโจมตีจากกลุ่มชายดังกล่าว ศูนย์ข่าวอิศราตบหน้าเสื้อแดง-พท. ระบุหนังสือของทนายหัวแดงอยู่ในห้องสมุดทักษิณ ซ่อนอยู่ใต้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย แต่ "ดีเอสไอ” กลับไม่พบ บอก "คอป.” ส่งข้อมูลมาให้ว่าชายชุดดำทำอะไร อยู่จุดไหน มีกี่คน ถือปืนทำอะไร ด้าน "ยิ่งลักษณ์" ถึงนิวยอร์ก พันธมิตรฯ นัดประท้วงนายกฯ บริหารประเทศใต้บงการนักโทษทักษิณ
กรณี ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ออกมาระบุว่า ไม่มีชายชุดดำที่ติดอาวุธในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 เพื่อตอบโต้รายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่ระบุว่าชายชุดดำดังกล่าวมีอยู่จริง
ขณะที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ พร้อมนำเอกสารซึ่งเป็นรายงานสมุดปกขาวของนายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนับสนุนกลุ่มคนเสื้อแดง มายืนยันว่ามีชายชุดดำก่อความรุนแรงจริง
รายงานสมุดปกขาวดังกล่าว ในหน้าที่ 44 ระบุไว้ว่า "คนจำนวนมากถูกสังหารในช่วงที่เกิดเหตุรุนแรงช่วงวันที่ 10 เมษายน มีผู้เสียชีวิต 27 คน ประกอบด้วย นปช. 21 ราย และเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งถูกสังหารโดยกลุ่มคนลึกลับที่เรียกว่าชายชุดดำ”
นายชวนนท์กล่าวว่า แม้แต่รายงานที่ทำขึ้นเพื่อปรักปรำรัฐบาลชุดที่แล้ว ยังหนีความจริงไม่พ้นว่า คนที่สังหารทหารในวันที่ 10 เม.ย. บริเวณสี่แยกคอกวัว ก็คือกลุ่มชายชุดดำ ดังนั้น ขอเรียกร้องว่าหากเราจะเอาความจริง เพื่อมาหาทางออกให้กับประเทศนั้น จุดแรกที่เราจะต้องยอมรับคือ มีชายชุดดำทำร้ายทหารในวันนั้นจริง หากทุกคนยอมรับตรงนี้ ก็จะเป็นจุดเริ่มต้นในการหาความจริงเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อว่าพรรคฝ่ายค้านและประชาชนส่วนใหญ่พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐบาล แต่หากรัฐบาลยังยืนยันกระต่ายขาเดียวปฏิเสธการมีอยู่ของชายชุดดำ คงจะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้นยาก
"ควรเริ่มต้นหาว่าใครคือชายชุดดำ ซึ่งตรงนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีข้อมูลอยู่แล้ว เหตุใดจึงไม่ดำเนินการ อย่าเดินหน้าเฉพาะในส่วนที่ฝ่ายการเมืองกดดันมา ควรเดินหน้าทุกคดี อย่าเดินหน้าเฉพาะคดีเกมการเมือง” นายชวนนท์กล่าว
ก่อนหน้านี้ "ศูนย์ข่าวอิศรา” ได้นำเสนอรายงานพิเศษใช้ชื่อว่า "เมื่อ 'ชายชุดดำ' ซ่อนอยู่ใต้ที่ทำการพรรคเพื่อไทย?” โดยเนื้อหาระบุถึงห้องสมุดทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra Library) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม เนื่องในวันเกิดครบ 63 ปีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งอยู่ใต้อาคารโอ.เอ.ไอ. ที่ทำการพรรคเพื่อไทย (พท.) นั่นเอง
ตบหน้าเพื่อไทย-เสื้อแดง
ศูนย์ข่าวอิศราระบุว่า กระทั่งหนังสือบางเล่มที่อยู่ในห้องสมุดทักษิณ ชินวัตร ซึ่งอยู่ใต้พรรคเพื่อไทยเอง ก็ยังเขียนถึงเรื่อง "ชายชุดดำ” ระหว่างการชุมนุมของ ปช.ในปี 2553 เช่นกัน อาทิ 1."สมุดปกขาวการสังหารหมู่ที่กรุงเทพฯ : ข้อเรียกร้องต่อการแสดงความรับผิดชอบภายใต้พันธกรณีระหว่างประเทศ ที่ประเทศไทยมีหน้าที่ในการนำตัวฆาตกรเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม” ซึ่งจัดทำโดยสำนักกฎหมายอัมสเตอร์ดัม แอนด์ เปรอฟ พูดง่ายๆ ก็คือ หนังสือที่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณจัดทำขึ้น
โดยในหน้าที่ 94-95 ในหัวข้อ 6.3 การบดขยี้คนเสื้อแดง ได้เขียนเอาไว้ว่า "มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในช่วงที่เหตุรุนแรงเริ่มปะทุเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ในวันนั้นคนเสื้อแดงใช้ก้อนหิน ประทัด ระเบิดขวด และอาวุธที่ประกอบขึ้นเองอย่างง่ายๆ ตอบโต้กับกองทัพที่ติดอาวุธพร้อมมือ กว่าที่รัฐบาลจะยอมหยุดยิงก็มีผู้เสียชีวิตไป 27 คน ประกอบด้วยสมาชิก นปช. 21 ราย และเจ้าหน้าที่ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกสังหารโดยกลุ่มคนลึกลับที่เรียกกันว่า "ชายชุดดำ” ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าคนกลุ่มนี้มีแรงจูงใจอย่างไร หรืออยู่ฝ่ายใดกันแน่...”
และ 2."วีรชน 10 เมษา : คนที่ตายมีใบหน้า คนที่ถูกฆ่ามีชีวิต” ซึ่งจัดพิมพ์โดย มูลนิธีวีรชนประชาธิปไตย ผู้เขียน กรกช เพียงใด บรรณาธิการ ไอดา อรุณวงศ์ วริศา กิตติคุณเสรี เรียบเรียงข้อมูลโดยกองบรรณาธิการประชาไท ดำเนินการผลิตโดยสำนักพิมพ์อ่าน โดยในหน้าที่ 10-11 ในหัวข้อ "ชายชุดดำถึงผู้ก่อการร้าย” ได้เขียนเอาไว้ว่า
"หลังเหตุการณ์ ‘ชายชุดดำ’ ที่ใช้อาวุธหนักตอบโต้ จนทำให้มีทหารระดับผู้บังคับบัญชาพร้อมพลทหารเสียชีวิตได้กลายเป็น ‘ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์’ โทรทัศน์ทุกช่องมีรายการพิเศษของ ศอฉ. เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงจากฝ่ายรัฐวันละหลายครั้ง ตอบโต้การกล่าวหาว่ารัฐคือผู้ลั่นกระสุนใส่พลเรือน ทั้งปฏิเสธว่าไม่มี ‘สไนเปอร์’ บนอาคารสูงที่ซุ่มยิงผู้ชุมนุมจนสมองออกมากองบนถนนอย่างที่มีการโจษจัน อย่างไรก็ตาม ภายหลังเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 ซึ่งคุมกำลังบริเวณโรงเรียนสตรีวิทยาได้ไปให้ปากคำต่อ คอป. โดยยอมรับว่ามีทหารหน่วยคุ้มกันประจำการบนตึกด้วยส่วนหนึ่ง...”
ในส่วนของลำดับเหตุการณ์หนังสือเล่มนี้ ยังเขียนถึงการยิงอาวุธสงครามใส่เจ้าหน้าที่ทหารเอาไว้ว่า "ในเวลา 20.45 น. (ของวันที่ 10 เม.ย.2553) บริเวณฝั่งถนนพระสุเมรุ เหตุการณ์ตึงเครียดขึ้นเมื่อทหารเปิดฉากยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อสกัดผู้ชุมนุม จากนั้นไม่นานมีระเบิด M79 ยิงสวนเข้าใส่กลุ่มทหาร จำนวน 2-3 ลูกติดกัน ทำให้กลุ่มทหารแตกฮือ และถอยกำลังร่นไปตั้งหลักที่บริเวณสี่แยกถนนดินสอตัดกับถนนพระสุเมรุ ทางผู้บังคับบัญชามีคำสั่งยิงกระสุนจริงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขวัญผู้ชุมนุมเป็นระยะ ขณะเดียวกันพบว่ามีทหารถูกสะเก็ดระเบิดสาหัสอย่างน้อย 2 ราย...”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีสวนดุสิตโพลทำการสำรวจความคิดเห็นคน กทม.และปริมณฑล ซึ่งมี 53.70% เห็นด้วยกับรายงาน คอป. ว่าน่าจะเป็นเสียงที่สะท้อนความต้องการพื้นฐานของสังคม ว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหาทางเดินไปข้างหน้า ส่วนคนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถโต้แย้งได้ ซึ่งอาจจะยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ก็ต้องมีการทำให้เกิดความชัดเจนต่อไป แต่ขณะเดียวกันคนบางกลุ่มที่ไม่ยอมรับ ก็มีความพยายามในการสร้างกระแสในเรื่องของความจริงบางเรื่อง เช่น สื่อมวลชนบางค่ายยังยืนยันว่า ชายชุดดำยังเป็นเพียงวาทกรรม เห็นภาพ วิดีโอ ตลอดจนสำนวนคดีก็ไม่ยอมรับ ซึ่งไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรถึงจะยอมรับ นอกจากจะสรุปได้ว่าเขามีธงในเรื่องนี้
"มีการพยายามดิสเครดิตของนายคณิต ซึ่งชัดเจนในส่วนของพรรคเพื่อไทยและแกนนำเสื้อแดง เพราะงานหลายชิ้นที่ คอป.ทำมา พอจะได้ประโยชน์ก็เอาไปทำแล้วอ้าง คอป. แต่เวลาที่รายงานที่สมบูรณ์ออกมามีกระทบผลประโยชน์ของตัวเองก็ไม่ยอมรับ และพยายามใช้วิธีการดิสเครดิตทำลายงานชิ้นนี้ ซึ่งจะเป็นเรื่องน่าเสียดายมาก เพราะรายงานดังกล่าวประชาคมโลก, องค์กรระหว่างประเทศยอมรับว่าเป็นจุดเริ่มต้น หรือเป็นจุดอ้างอิงในการทำงานเรื่องของความปรองดองได้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ดิสเครดิตคอป. เพียงแต่แสดงความเห็นตามข้อเท็จจริงอย่างบริสุทธิ์ใจ และสนับสนุนการทำงานของ คอป.มาโดยตลอด ส่วนใครจะแสดงความเห็นใดๆ ต่อรายงานของ คอป. ก็เป็นสิทธิ์พื้นฐานที่สามารถกระทำได้ในสังคมประชาธิปไตย
DSI ยังหาชายชุดดำไม่เจอ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายปณิธาน วัฒนายากร อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าพบ พ.ต.อ.ประเวศน์ มูลประมุข รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และประชาชน 91 ศพ ในเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อปี 2553
นายปณิธานกล่าวว่า มายืนยันข้อเท็จจริงในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่โฆษกของรัฐบาลขณะนั้นว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขสถานการณ์ความไม่สงบ โดยมีเจตนารมณ์จะทำงานให้บ้านเมืองสงบตามกฎหมาย ไม่มีเจตนาให้ใครบาดเจ็บ ทำไปตามหลักการตั้งแต่แรก มีกฎหมายรองรับ มีวิธีการทำงานเป็นระบบ แต่อาจเกิดปัญหาอุปสรรคบ้าง สิ่งที่จะชี้แจงวันนี้ดีเอสไอทราบดี เพราะบางส่วนก็ร่วมทำงานเป็น กรรมการ ศอฉ.
นายปณิธานกล่าวถึงชายชุดดำว่า วันนี้ไม่ต้องถกเถียงกันมากแล้ว เพราะมีรายงานทั้งของไทยและต่างประเทศ รวมทั้ง คอป.ด้วย ส่วนเรื่องชายชุดดำว่า ที่ผ่านมามีชื่อบุคคลตัวตน รวมทั้งคำให้สัมภาษณ์ปรากฏแล้วในหลายสื่อ ซึ่งบางคดีศาลมีคำตัดสินแล้ว แต่วันนี้เรื่องชายชุดดำที่ว่ามีชายชุดดำหรือไม่มี เป็นประเด็นการเมืองมากกว่า
ขณะที่ พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าวว่า ได้ทำหนังสือถึง คอป.เพื่อขอข้อมูลการให้ปากคำของพยานทุกคนที่ คอป.เคยสอบปากคำไปทั้งหมดในขณะนั้น และขอหลักฐานอ้างอิงตามที่ปรากฏอยู่ในรายงานของ คอป. เพื่อนำมาประกอบกับสำนวนของดีเอสไอที่มีอยู่แล้ว หากได้รายงานจาก คอป. ตนจะพิจารณาทุกหัวข้อ รวมทั้งจะรอรายงานของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนฯ ที่จะสรุปออกมาด้วยว่า แต่ละส่วนมีความเหมือนหรือขัดแย้งกันอย่างไร มีพยานหลักฐานอะไรที่ใช้สรุป
"ส่วนเรื่องชายชุดดำ อยากให้ คอป.ส่งหลักฐานมาให้ดีเอสไอ เพราะ คอป.ยืนยันว่าชายชุดดำมีจริง ก็ให้ส่งหลักฐานที่ระบุชัดว่า ชายชุดดำทำอะไร อยู่จุดไหน มีกี่คน ถือปืนทำอะไร ไม่ใช่คิดว่ามันมีแต่ในภาพ ก็ให้ช่วยหามาเพราะดีเอสไอยังหาไม่เจอ” พ.ต.อ.ประเวศน์กล่าว
เขากล่าวว่า ส่วนการระบุว่าชายชุดดำอยู่ถนนตะนาวศรีตัดแยกคอกวัว ดีเอสไอได้ลงพื้นที่ตรวจแล้วก็ไม่พบว่ามีชายชุดดำตรงนั้น เพราะการทำสำนวนคดีจะใช้พยานหลักฐาน ไม่เหมือนกับรายงานที่ใช้คำพูดคนสรุปในระดับหนึ่ง แต่พนักงานสอบสวนต้องมีหลักฐานชัดเจนพิสูจน์ได้ คนพูดต้องมีตัวตน พวกสายลับหรือการข่าวก็ใช้ในสำนวนไม่ได้
ส่วนกรณี คอป.ระบุว่า ชายชุดดำเป็นการ์ด นปช. และเป็นคนสนิทของเสธ.แดงนั้น รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า คำว่าเสธ.แดง หมายถึงสัญลักษณ์อะไร แล้วลูกน้องที่บอกว่าสนิทกับเสธ.แดง ต้องเป็นคนที่ฆ่าคนเหรอ แม้จะมีชื่อเสธ.แดง แต่ก็ไม่ปรากฏว่าเสธ.แดงไปยิงใคร แล้วถ้าบอกว่าลูกน้องเสธ.แดงเป็นชายชุดดำยิงใส่ผู้ชุมนุม จะสรุปแบบนั้นไม่ได้ ถ้าคิดเองเดาเองนั้นได้ แต่ในสำนวนหลักฐานมันทำไม่ได้ ถ้าชายชุดดำเป็นคนของเสธ. แล้วทำไมมันไม่ยิงไปฝ่ายทหาร ทุกอย่างต้องมีเหตุผล เพราะถ้าจะฟังแค่คำพูดแบบนี้มันไม่น่าเชื่อ เพราะดีเอสไอจะสรุปทุกอย่างตามพยานหลักฐานเท่านั้น ยืนยันว่าดีเอสไอจะเดินหน้าค้นหาความจริงประเด็นชายชุดดำต่อไป
แดงรับ 'ปู' เหลืองฮือไล่
ด้านความเคลื่อนไหวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเดินทางพร้อมคณะไปยังนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 67 และได้เดินทางเข้าพักที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ปรากฏว่ามีกลุ่มคนเสื้อแดงจากมลรัฐต่างๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกากว่า 70 คนมารอต้อนรับที่บริเวณหน้าโรงแรม ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
โดยแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงกล่าวว่า พวกตนต้องการมาให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และในวันพรุ่งนี้ ได้มีการนัดหมายกันเอาไว้แล้วว่า จะเดินทางมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในเวลา 11.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเวลา 21.00 น.ของวันนี้ตามเวลาในประเทศไทย
สำหรับภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 25 กันยายน เวลา 09.00-10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น นายกรัฐมนตรีจะไปเยี่ยมชมย่านฮาเร็มในนครนิวยอร์ก จากนั้นจะมอบนโยบายและหารือกับหัวหน้าส่วนราชการ ของกระทรวงพาณิชย์ในภูมิภาค กล่าวนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลก และจะเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ เพื่อรับเสด็จพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ก่อนที่ในช่วงค่ำ นายกรัฐมนตรีจะร่วมงานเลี้ยงที่นายบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เป็นเจ้าภาพจัดเลี้ยงรับรองคณะผู้แทนที่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาองค์การสหประชาชาติ
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวแจ้งว่า พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนครนิวยอร์ก ได้นัดชุมนุมและเดินขบวนประท้วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้น เนื่องจากเห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินนโยบายภายใต้การบงการของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นักโทษหนีคดี ผู้เป็นพี่ชาย และยังเห็นว่าการเดินทางมาสหรัฐครั้งนี้ ได้มีการเหมาเที่ยวบินพิเศษ ใช้เครื่องบินลำใหญ่บรรทุกผู้คนกว่า 100 คน เหมือนกับพาคณะไปทอดกฐินและท่องเที่ยว เพียงเพื่อไปสร้างภาพ และนับเป็นการใช้งบประมาณของแผ่นดินอย่างมากมายโดยไม่จำเป็น
ทั้งนี้ การชุมนุมประท้วง น.ส.ยิ่งลักษณ์ เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 ก.ย. ที่หน้าโรงแรม Plaza Athenee New York ซึ่งเป็น ที่พักของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ หลังจากนั้นจะไปชุมนุมหน้าโรงแรม The St.Regis New York สถานที่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะพบปะกับนักธุรกิจไทย
หลังจากนั้น การชุมนุมจะมีขึ้นอีกในวันที่ 25 และ 26 ก.ย. สถานที่เดิมและช่วงเวลาเดิม โดยนางไพลิน คำศิริ พันธมิตรฯ นิวยอร์ก ได้ดำเนินเรื่องขออนุญาตการเดินขบวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนครนิวยอร์กเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น