วันอังคารที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เล็งฟ้องWTO อินเดีย-ญวน ถล่ม‘ข้าวไทย’เมื่อ 18 มิ.ย.56

เล็งฟ้องWTO อินเดีย-ญวน ถล่ม‘ข้าวไทย’


"บุญทรง" กอดเก้าอี้แน่น ยันไม่มีความคิดไขก๊อกอยู่ในหัว พาณิชย์หาเหตุพาลอินเดีย-เวียดนาม  กดราคาข้าวต่ำทำตลาดปั่นป่วน ยุผู้ผลิต-ส่งออกทั่วโลกไล่บี้ 2 ประเทศนี้ใน WTO เอกชนรับไทยลำบากแน่ เชื่อปีนี้ขายไม่ถึง 6 ล้านตัน ปชป.แฉรัฐบาลเร่งแต่งตัวเลขขาดทุนรอบ 3 โพลชี้จำนำข้าวฉุดเชื่อมั่น รบ.ลด 
    เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ปฏิเสธกรณีที่มีข่าวว่าจะยื่นใบลาออกจาก รมว.พาณิชย์ ในสัปดาห์นี้ และเปิดทางให้นายวราเทพ รัตนากร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มาดูแลแทน ว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวด้วยซ้ำ ซึ่งยืนยันว่ายังจะทำหน้าที่ รมว.พาณิชย์ต่อไป ไม่มีการลาออกแน่นอน โดยทำงานตามนโยบายรัฐบาลที่กระทรวงรับมอบหมาย เรื่องการทำหน้าที่ต่อไปหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของนายกฯ ที่จะตัดสินใจเพียงผู้เดียว ส่วนที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กแนะนำการชี้แจงโครงการจำนำข้าวนั้น ได้ทำมาตลอด และเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์ 
    ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้ประเทศคู่แข่งข้าวรายสำคัญของไทย ทั้งอินเดียและเวียดนามแข่งกันลดราคาขายข้าวในตลาดโลกอย่างหนัก โดยราคาข้าวสารขาว 5% อินเดียขายตันละ 445 เหรียญสหรัฐ เวียดนามตันละ 370 เหรียญฯ ขณะที่ไทยขายตันละ 532 เหรียญฯ ส่วนข้าวขาว 25% อินเดียขายตันละ 400 เหรียญฯ เวียดนามตันละ 350 เหรียญฯ ขณะที่ไทยขายตันละ 527 เหรียญฯ 
           ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ตั้งข้อสังเกตว่า กรณีที่ทั้ง 2 ประเทศแข่งกันลดราคาข้าวเช่นนี้ เป็นการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในตลาดข้าวโลก และทำให้ราคาตลาดโลกตกต่ำ ซึ่งมีผลฉุดให้ราคาข้าวประเทศอื่นๆ ตกต่ำลงไปด้วยเช่นกัน อีกทั้งยังทำให้ผู้ซื้อเห็นว่าราคาข้าวไทยสูงกว่าทั้ง 2 ประเทศมาก ทั้งที่ขณะนี้ราคาข้าวไทยต่ำลงแล้ว เพราะในเดือน พ.ค.ข้าวขาว 5% ของไทยตันละ 556 เหรียญฯ ดังนั้นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวอื่นๆ น่าจะหยิบยกขึ้นเป็นประเด็นซักถามทั้ง 2 ประเทศในเวทีองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) เหมือนอย่างที่หลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา หยิบยกประเด็นการรับจำนำข้าว และการที่ไทยมีสต็อกข้าวอยู่มากจนเกรงว่าอาจฉุดให้ราคาข้าวตลาดโลกลดลงและกระทบต่อประเทศผู้ผลิต ฯลฯ มาซักถามไทยในดับเบิลยูทีโอหลายครั้ง      
    นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เวียดนามกำลังแข่งกับอินเดียลดราคาขายข้าวในตลาดโลก เพราะผลผลิตข้าวเวียดนามปีนี้มีมาก และไม่มีสถานที่เก็บข้าว จึงต้องลดราคาขายลงให้ต่ำกว่าอินเดีย ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% อยู่ที่ตันละ 370 เหรียญฯ ต่ำสุดในรอบหลายปี และยิ่งทำให้ไทยขายข้าวได้ลำบากมากขึ้น เพราะการรับจำนำข้าวในราคาสูง ยิ่งทำให้ราคาข้าวไทยสูงกว่าของคู่แข่ง และเสียตลาดบางส่วนให้อินเดียและเวียดนามไปแล้ว ขณะเดียวกันลูกค้าของไทยบางประเทศ เช่น ฮ่องกง เริ่มนำเข้าข้าวหอมมะลิจากกัมพูชาบ้างแล้ว เพราะราคาถูกกว่าข้าวไทยมาก จึงเป็นไปได้ว่าปีนี้เอกชนไทยอาจส่งออกข้าวได้ไม่ถึง 6 ล้านตัน จากเป้าหมายส่งออกประมาณ 6.5 ล้านตัน
     ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย จากเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศว่า ในช่วง 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) 56 ไทยส่งออก 2.5 ล้านตัน มูลค่า 1,794 ล้านเหรียญสหรัฐ (52,988 ล้านบาท) เฉลี่ยตันละ 715 เหรียญฯ เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ปริมาณและมูลค่าส่งออกลดลง 14.7% และ 8.9% ตามลำดับ ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายการส่งออกข้าวปี 56 ไว้ที่ 8.5 ล้านตัน มูลค่า 5,700 ล้านเหรียญฯ
ปชป.แฉปั้นตัวเลขขาดทุนรอบ 3
    ทางด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยืนยันตัวเลขการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาทว่า เป็นความพยายามเฉไฉ เพราะขณะนี้ตรวจสอบพบว่ารัฐบาลกำลังจะแก้ไขตัวเลข โดยการอ้างว่าการรับจำนำในรอบที่ 3 ข้าวเปลือกฤดูกาล 55/56 ที่ขาดทุน 84,000 ล้านบาท มีความผิดพลาดในการลงบัญชี เรื่องข้าวเหลือที่ค้างลงบัญชีอีก 2.5 ล้านตัน ซึ่งทำให้เกิดความสงสัยว่ามืออาชีพที่ทำงานดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวจะมีความผิดพลาดขนาดนี้ 
    "การประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ เป็นเพียงการโยนหินถามทางเท่านั้น เพราะจะมีการแต่งตัวเลขในรอบที่ 3 ประมาณ 84,000 ล้านบาท โดยรัฐบาลอาจมีทางออกว่าตัวเลขยังไม่ชัดเจน และดึงเวลาออกไปอีก หรือบอกแค่ตัวเลขเพียง 2 ฤดูกาล เพื่อให้ดูตัวเลขน้อยลงมา หากรัฐบาลมีความบริสุทธิ์ไม่ดำเนินการแบบลับๆ ล่อๆ ก็ให้โควตากับฝ่ายค้าน ในการส่งตัวแทนเข้าไปร่วมปิดบัญชีโครงการข้าว 3 ที่นั่ง เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ" นพ.วรงค์ระบุ
    นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ได้รับรายงานว่ามีการประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยคนที่มีอำนาจบอกให้ผู้ว่าฯ ไปกล่อมประชาชนถึงข้อดีของโครงการจำนำข้าว เพื่อไม่ให้มีการจัดม็อบต่อต้าน และยังมีข่าวว่าในการประชุม ครม. ที่นายวราเทพนำผลสรุปการขาดทุนเข้าที่ประชุม จะมีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์จำนำข้าวด้วยการจำกัดโควตาการรับจำนำ ซึ่งน่ากังวลว่าจะไม่จำกัดผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่จำกัดชาวนารายย่อย เปิดช่องพ่อค้ารายใหญ่และโรงสีได้โควตา เพราะหากมีการจำกัดโควตาปีละ 1-1.5 แสนล้านบาท เชื่อว่าทั้งหมดจะไม่ตกถึงมือประชาชน 
    นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ในหัวข้อ จำนำ VS. ประกันรายได้ ว่า ในการประชุม กขช.ที่ผ่านมา ได้เปรียบเทียบโครงการจำนำข้าวของรัฐบาลกับการประกันรายได้ของรัฐบาลที่แล้ว โดยสรุปเม็ดเงินงบประมาณจำนำข้าวใช้ 14,795 บาทต่อตัน ในขณะที่ระบุว่าราคาตลาดข้าวเท่ากับ 11,000 บาทต่อตัน กขช.จึงสรุปว่าชาวนาได้ประโยชน์ 3,795 บาทต่อตัน ขณะที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)บอกเองว่า ในปี 2555 ชาวนาขายข้าวได้ไม่เกิน 11,000 บาทต่อตัน ส่วนตัวเลขที่รัฐบาลน่าจะใส่ใจมากกว่าคือที่ระบุว่าโครงการประกันรายได้นั้น มีเกษตรกรได้ประโยชน์ถึง 5.58 ล้านราย เทียบกับเพียง 2.2 ล้านรายในการจำนำ ทั้งๆ ที่ ธ.ก.ส.จ่ายเงินไปในโครงการจำนำข้าวมากกว่าประกันรายได้ถึงกว่า 5 เท่า 
    ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงตอบโต้พรรคประชาธิปัตย์ว่า ขอท้านายชวนนท์ให้นำหลักฐานมาโชว์กรณีที่ให้ข่าวว่ามีเงินเข้ากระเป๋านักการเมืองปีละ 1 แสนล้านบาท โดยให้ดำเนินการตรวจสอบผ่านองค์กรอิสระ คณะกรรมาธิการ หรือจะนำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจในการเปิดสมัยสามัญ อย่ากล่าวเลื่อนลอยเพียงหวังผลทางการเมือง นอกจากนี้ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่มีการปั้นตัวเลขขาดทุนใหม่
    "โครงการจำนำข้าวดีกว่าโครงการเงินกู้ไทยเข้มแข็ง หรือโรงพักฉาว เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าต่อไป และขอท้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้ขึ้นป้ายจะยกเลิกโครงการจำนำข้าว ส่วนพรรคเพื่อไทยจะขึ้นป้ายจะสนับสนุนโครงการจำนำข้าว" นายพร้อมพงศ์ระบุ
ขู่ปลุกม็อบชาวนาป้องรัฐบาล
    นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันนี้หากใครจะมาล้มรัฐบาลด้วยเรื่องขาดทุนรับจำนำข้าว เชื่อว่าเกษตรกร ชาวนา จะออกมาเดินขบวนปกป้องรัฐบาลแน่นอน อย่างไรก็ตาม ยอมรับนายบุญทรงชี้แจงไม่เก่ง ถือเป็นจุดอ่อน ทำให้ ส.ส.บางส่วนอยากเสนอให้ปรับ ครม.นายบุญทรงออกจาก รมว.พาณิชย์ 
    สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจเรื่องราวหรือเหตุการณ์ที่มีผลต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาลลดลง พบว่า อันดับแรก 47.52% กรณีโครงการรับจำนำข้าว เพราะจากกระแสข่าวที่ออกมาทำให้เห็นความไม่โปร่งใสและไม่สามารถบอกตัวเลขการขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทได้ ขณะที่เรื่องที่ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อฝ่ายค้านเพิ่มขึ้น พบว่า อันดับแรก 42.00% การตรวจสอบทุจริตโครงการรับจำนำข้าว เพราะสามารถตรวจสอบการทุจริตและนำเสนอข้อมูลต่างๆ ให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จจริงได้มากขึ้น 
    น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง ความรับผิดชอบของรัฐบาลต่อโครงการรับจำนำข้าวในสายตาของสาธารณชน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 72.1 เชื่อว่ารัฐบาลกำลังขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ร้อยละ 27.9 ไม่เชื่อ นอกจากนี้เกือบ 2 ใน 3 หรือร้อยละ 63.2 ระบุว่าการขาดทุนในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลมีผลค่อนข้างน้อยถึงไม่มีผลเลยต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ในขณะที่ร้อยละ 36.8 คิดว่ามีผลค่อนข้างมากถึงมากที่สุด 
    เมื่อสอบถามถึงการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวว่าควรดำเนินต่อไปหรือควรหยุดโครงการ พบว่า เกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 52.8 คิดว่ารัฐบาลไม่ควรหยุดโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ร้อยละ 47.2 คิดว่าควรหยุด 
ที่น่าพิจารณาคือเมื่อสอบถามถึงบุคคลที่ต้องรับผิดชอบและวิธีการรับผิดชอบ ถ้ารัฐบาลขาดทุนจากโครงการรับจำนำข้าว พบว่า ร้อยละ 53.5  ระบุให้รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์หาเงินมาชดเชย ในขณะที่ร้อยละ 31.8 ระบุให้ลาออก และร้อยละ 14.7 ให้ทำงานต่อไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ส่วนร้อยละ 54.7 ให้นายกรัฐมนตรีหาเงินมาชดเชย ในขณะที่ร้อยละ 30.1 ให้ลาออก และร้อยละ 15.2 ให้ทำงานต่อไม่ต้องรับผิดชอบอะไร.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น