29 มิ.ย.56 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัย ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกทม. ถึงกรณี การจัดเวทีผ่าความจริงหลังจากนี้ในเดือน ก.ค.จะจัดอยู่ภายใน กทม.เป็นหลัก ในวันที่ 13 ก.ค.ที่วงเวียนใหญ่ และวันที่ 20 ก.ค.ที่สวนเบญจศิริ เพราะในเดือน ส.ค.นี้ จะเปิดการประชุมสภาฯ และต้องมีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ เป็นวาระแรก แต่ล่าสุดเห็นว่า อาจจะมีการเลื่อนวาระเป็นการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาทก่อน และอาจจะมีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องระดมความจริงใน กทม.เพื่อให้บอกต่อไปยังรัฐบาลว่าต้องหยุดกฎหมายล้างผิด เงินกู้ผลาญชาติและอำนาจฉ้อฉล ซึ่งการที่รัฐบาลกำลังปรับ ครม.ขณะนี้เหมือนกับรัฐบาลกำลังผ่าตัดที่คลีนิคเสริมความงาม เพราะทุกอย่างยังเหมือนเดิม ใครจะเข้าใครจะออกแต่คนบงการยังเหมือนเดิมนั้นรัฐบาลก็จะเหมือนเดิม โดยยังไม่มีสีญญาณเปลี่ยนแปลงอะไร ซึ่งเห็นได้จากเรื่องที่ต้องการจะเล่นงานพวกตนก็ยังคงเดินหน้าต่อไป
ทั้งนี้ การกู้เงิน 2 ล้านล้านบาทที่กำลังจะเข้าสภาฯ ก็มีปัญหาไม่แตกต่างจากเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท แต่ก็ทราบว่าขณะนี้กระทรวงการคลังได้ลงนามทำสัญญาเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทแล้ว แม้ศาลปกครองกลางจะพิพากษาให้ชะลอโครงการบริหารจัดการน้ำและศึกษาผลกระทบก่อน ขณะที่นายกฯ กลับตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง ทั้งที่มีความชัดเจนอยู่แล้ว
ส่วนในประเด็นเรื่องจำนำข้าวนั้นตนก็ขอเชิญพ.ต.ท.ทักษิณที่ที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายฯ ระบุว่าเป็นคนต้นคิดให้กลับมารับผิดชอบที่ประเทศไทย และจะมาอวดฉลาดต่อหรือแก้ไขอย่างไรก็ทำไปแต่ตนขออย่างเดียวอย่าไปลดผลประโยชน์ชาวนาเหมือนดังเช่นที่มีการลดราคาจำนำข้าวจาก 15,000 บาทเป็น 12,000 บาทต่อตัน ส่วนการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ล่าสุดเกิดเหตุทหารหน่วยร้อย ร.4021 ถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดรถ ในพื้นที่ห้วยกระทิง อ.กรงปีนัง จ.ยะลา เมื่อเช้าวันที่ 29 มิ.ย.นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ล่าสุดมีข่าวมาว่านายกรัฐมนตรีจะมาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้น ตนมองว่า ไม่ว่าจะปรับเปลี่ยนอย่างไรหากรัฐบาลยังปล่อยให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายโฆษณาความรุนแรงไปสู่สายตาประชาคมโลก ตนก็เชื่อว่าไม่เป็นประโยชน์
ทั้งนี้ ตนเห็นด้วยกับความเห็นของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ที่ออกมาระบุว่า ผู้ก่อการร้ายที่รัฐบาลมีการไปเจรจานั้น ไม่มีความจริงใจในการลดความรุนแรงที่เกิดขึ้น เรื่องนี้ตนตั้งข้อสังเกตุว่าหลังจากที่ พล.อ.สุกำพล ออกมาแสดงความเห็น ในวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวว่า พล.อ.อ.สุกำพล จะถูกปรับออกจาก รมว.กลาโหม ทันที
อย่างไรก็ตาม การที่นายกรัฐมนตรีจะมาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม นั้น ตนมอวว่าเป้าหมายหลักเพื่อต้องการมี รมช.กลาโหม เพราะในกฏหมายกระทรงกลาโหม การย้ายนายพลต้องทำในรูปคณะกรรมการที่มีทั้งนายทหารชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งรัฐมนครี การที่นายกฯ มาควบตำแหน่ง รมว.กลาโหม ก็เป็นการปรับโดนหวังเอาเสียงไปเพิ่มในคณะกรรมการชุดนี้ ในการล้วงลูกโยกย้ายนายทหาร
"รัฐบาลมีการออกกฎหมายกู้เงิน กฎหมายล้างผิด รวมทั้งการใช้อำนาจฉ้อลยังเดินหน้า ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องจัดเวทีผ่าความจริงเพื่อทำความเข้าใจประชาชนต่อไป" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น