'อภิสิทธิ์'ห่วง'ปู'เสียค่าโง่โสม แนะทำตามศาลปกครองสั่ง |
|
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเปิดเผยข้อมูลผลประกอบการของบริษัท เค วอเตอร์ ขาดทุนกว่า 700 % แต่นายนิวัฒน์ธำรงค์ บุญทรงไพศาล รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมารับประกันว่า บริษัทดังกล่าวตรงตามเงื่อนไขในทีโออาร์ว่า เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลที่กำหนดกติกา กำหนดคุณสมบัติ เป็นผู้คัดเลือก ซึ่งกระบวนการทั้งหมดพรรคประชาธิปัตย์กำลังจะยื่นถอดถอนครม.ทั้งคณะ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ครม.ไม่ทำตามกฎหมาย และเคยมีการเตือนจากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ไปแล้ว ซึ่งจะครอบคลุมประเด็นของเค วอเตอร์ด้วยว่า รูปแบบที่มีการรวมกลุ่มโครงการและเป็นโครงการที่มูลค่าสูง ๆ กำหนดคุณสมบัติที่เสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทิ้งงาน สร้างความเสียหายแก่ราชการ เป็นสิ่งที่ ป.ป.ช.เตือนแล้วทั้งหมด ดังนั้นหากรัฐบาลยืนยันก็จะยิ่งเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาล ขณะเดียวกันหลังจากมีคำวินิจฉัยของศาลปกครองรัฐบาลก็ต้องไปดูข้อกฎหมายให้ครบถ้วนด้วย
เพราะรูปแบบทั้งหมดถูกทักท้วงมาตั้งแต่ต้น กระทั่งมีปัญหาที่ปรากฏออกมาชัดเจนมากขึ้น แม้แต่ขั้นตอนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญบริษัทเองก็ยังอยากทราบว่าต้องทำอะไร
สำหรับกรณีที่นายนิวัฒน์ธำรงค์ ยกรัฐบาลเกาหลีใต้มารับประกันบริษัทเควอเตอร์นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยู่ที่กติกาที่รัฐบาลกำหนด ซึ่งก็มีบางบริษัทร้องเรียนว่าเหตุผลที่ถูกตัดออกไปเป็นเพราะมีปัญหาเรื่องการรับรอง เชื่อว่าบริษัทเค วอเตอร์ถูกเลือกมาแต่แรกว่า จะได้โครงการจากรัฐบาล
เพราะมีคนกระซิบมาตั้งนานแล้ว โดยบอกว่าเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปพูดคุยกับบริษัทดังกล่าวไว้แล้ว
“ถ้ารัฐบาลผลีผลามเซ็นสัญญาแล้วมีปัญหาในข้อกฎหมายก็ต้องไปชดเชยความเสียหายในภายหลัง ซึ่งจะเป็นการเสียเงินประชาชนโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้นหากศาลปกครองกลางมีคำสั่งเหมือนตุลาการผู้แถลงคดีคือให้ระงับการทำสัญญาไว้ก่อนจนกว่าจะมีการรับฟังความเห็นจากประชาชน รัฐบาลก็ต้องปฏิบัติตามนั้น คือยังลงนามในสัญญาไม่ได้ จนกว่าจะดำเนินการตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนด ไม่ควรจะยื่นอุทธรณ์ไปพร้อมๆ กับลงนามในสัญญากับบริษัทเอกชน เพราะจะเกิดความเสี่ยงตามมา”
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า กรณีช่อง 5 ตัดรายงานพิเศษเกี่ยวกับปัญหาบริษัทเควอเตอร์กลางอากาศ ช่อง 5 จะต้องชี้แจงว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อย่างนั้นจะกระทบความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน รู้สึกเป็นห่วงในเรื่องนี้ เพราะเห็นชัดว่ามีความพยายามรุกคืบที่จะยึดสื่อในรูปแบบต่างๆ มากขึ้น ไม่เป็นผลดีกับใครทั้งนั้น สุดท้ายจะเพิ่มความอึดอัดในสังคม การเมืองก็มีแนวโน้มกลับสู่ท้องถนนอีก เพราะเมื่อแรงกดมากขึ้นก็จะไปอยู่ที่ท้องถนนจนเกิดความวุ่นวายตามมา จึงไม่อยากให้รัฐบาลทำแบบนี้
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น