วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ทนายหึงโหด! ชักปืนตบเมีย ก่อนยิงทิ้งโชคดีมีคนช่วยทัน เมื่อ 28 มิ.ย.56



ทนายหึงโหด! ชักปืนตบเมีย ก่อนยิงทิ้งโชคดีมีคนช่วยทัน
 
27 มิ.ย.56 ร.ต.อ.อภิศักดิ์ แสงดาว ร้อยเวร สภ.หนองหงส์ ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันที่ร้านเสริมสวยฟ้าใส มีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัส จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ชีพของโรงพยาบาลหนองหงส์
ที่เกิดเหตุพบ เป็นร้านเสริมสวย เลขที่ 175/1 หมู่ 6 ต.สระแก้ว อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ พบ นางสุพิศรา มะลิเลิศ อายุ 40 ปี นอนคว่ำหน้าจมกองเลือด

ส่วนข้าวของภายในร้านพังกระจัดกระจาย และพบร่องรอยการถูกยิงบริเวณขาขวา จึงรีบนำส่งโรงพยาบาลหนองหงส์แต่เนื่องจากอาการสาหัส จึงส่งมารักษาต่อไปที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

จากการสอบถาม นายประทีป ปะนาตา อายุ 34 ปี เจ้าของร้านป้ายที่อยู่ติดกัน และเป็นผู้เห็นเหตุการณ์
เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง กระทั่งเห็นนางสุพิศรา ล้มคว่ำลงแต่มองไม่ชัด เพราะตัวเองพึ่งไปผ่าตัดดวงตามาใหม่ แต่รู้ว่าผู้ที่ทำร้ายนางสุพิศราเป็น "เฮียก๋า" หรือ นายก๋า ไชยสถาน ทนายความชื่อดัง และเป็นประธาน กต.ตร.อำเภอหนองหงส์ ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางสุพิศรา ที่หย่าร้างกันไปหลายเดือนแล้ว จากนั้นเห็นนายก๋ากำลังใช้สิ่งของจ่อที่ศีรษะ จึงวิ่งเข้าไปห้ามโดยที่ไม่ทราบว่าในมือของนายก๋าเป็นปืน ก่อนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด จึงวิ่งออกมาแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ ซึ่งหากสายตาดีและมองเห็นเป็นปืนชัดเจน คงจะไม่วิ่งเข้าไปช่วย เพราะกลัวโดนลูกหลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางตำรวจได้ยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.ของกลางที่ใช้ก่อเหตุแล้ว แต่ยังไม่พบตัวทนายก๋า ผู้ก่อเหตุยิงอดีตภรรยา และไม่ทราบว่าหลบหนีหรือไปซ่อนตัวอยู่ที่ไหน
ด้าน นางประภัสสร ทองสุข อายุ 40 ปี แฝดผู้น้องของนางสุพิศรา ที่ถูกนายก๋า ใช้อาวุธปืนตบศีรษะกะโหลกร้าวและใช้ปืนยิงขาบาดเจ็บ ระบุว่า พี่สาวแต่งงานกับนายก๋ามาหลายปี จนมีลูกด้วยกัน 2 คน คนแรก อายุ 6 ขวบ คนที่สองอายุได้ 5 เดือน ที่ผ่านมาทั้งสองคนมีเรื่องทะเลาะกันมาตลอด เพราะฝ่ายชายมีพฤติกรรมนอกใจ มีหญิงอื่น และชอบเมาสุรา มาอาละวาดตบตีภรรยาเป็นประจำ จนล่าสุดเมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา ทั้งสองคนตัดสินใจหย่าร้างกันถูกต้องตามกฎหมาย แต่นายก๋า ยังไม่เลิกติดต่อ เวลาเมาสุรามักจะไปหาที่ร้านเสริมสวย และก่อเหตุทุบตีเป็นประจำ ทั้งที่หย่าร้างกันแล้ว แต่ครอบครัวไม่กล้าเอาเรื่อง เพราะเขาเป็นคนมีอิทธิพลในพื้นที่ ทั้งเป็นทนายความและยังเป็นประธาน กต.ตร.คิดว่าเมื่อแจ้งความไปแล้วจะไม่สามารถเอาความผิดได้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรงเช่นนี้ ครอบครัวรับไม่ได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการหมายเอาชีวิต และพร้อมที่จะลุกขึ้นสู้กับความไม่ยุติธรรม โดยจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์แนวหน้า  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น